/
ข้าคือเทพไท่อี่เจินเหริน, รูปงามที่สุดในแดนสวรรค์ มิว่านารีนางใดก็ต้องตกตะลึงเพราะรูปโฉมของข้า
(พูดจริงนะ)
ยามนี้ผ่านมาราวปีครึ่งกับเหตุการณ์ ณ ด่านเฉินถังกวานที่ถูกอสนีบาตลูกโตฟาดลงมา การหาร่างเนื้อให้เจ้าวิญญาณป่วนสองตนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ข้าก็มานะบากบั่นจนทำมันสำเร็จ (แหงน่ะสิ ก็ข้าทั้งหล่อทั้งเก่ง)
อีกอย่างที่ข้าอยากจะบอกพวกเจ้าคือข้านั้นㅡ
จะได้แต่งภรรยาแล้ว ! ! ! !
อย่ามาหาว่าจ้าโป้ปดเชียว ในคืนนั้นนางในฝันของข้าอยู่ๆก็โผล่มาตรงหน้า, ใบหน้าเกลี้ยงเกลา รูปร่่างอรชรราวอัปสร เทพเฒ่าจันทราได้ผูกด้ายแดงไว้กับเราสองเป็นแน่แท้ ! เอาล่ะ, เมื่อวานนี้ข้าซื้อชาดทาปากไว้ให้นางเพื่อเป็นของขวัญ เดี๋ยวข้ากลับไปเอาในโลกภาพเขียนดีกว่า, จะได้ไปตรวจดูเด็กป่วนสองตัวนั่นด้วย
ข้ากางม้วนกระดาษแล้วพุ่งตัวลงไปเหมือนกระโดดน้ำ หวังว่าจะเห็นภาพที่สงบสุขไม่ใช่เหมือนคราวที่แล้ว, พื้นพังเละหมดเลยไอ้ตอนนั้น ! ดีที่ให้พู่กันไว้กับเอ๋าปิ่งถึงพอจะไหว้วานให้ซ่อมสภาพโลกนั้นได้ รู้ไหมว่าตอนหันไปเขม่นใส่นาจาเขาตอบว่าอะไร
'พังก็ซ่อมได้นี่ อย่าพูดมากไปหน่อยเลย' แล้วโอสถปีศาจก็ยิ้มแยกเขี้ยวใส่ข้า ! ข้าเป็นอาจารย์เจ้านะเฮ้ย !
"เอ๋าปิ่ง ! เด็กนาจา !" ข้าตะโกน หวั่นใจกลัวไอ้เด็กโอสถปีศาจนั่นได้ก่อเรื่องให้ปวดกบาลอีก (แค่คิดก็เหมือนหัวจะแตก)
พอเข้าไปได้ข้าเห็นสภาพแวดล้อมปกติดีก็โล่งใจไปกึ่งหนึ่ง เหลือบไปเจอบ้านหลังไม่ใหญ่มากนักตั้งอยู่ใกล้เชิงเขา คิดว่าเอ๋าปิ่งคงวาดไว้, ไข่มุกสวรรค์นี่มีความสามารถทุกด้านจริงๆสิน่า
ผลัวะ !
ข้าก็มารยาทดีอย่างนี้แหละ ไม่เคาะประตูบอกคนข้างในซักกะแอะ
เอ๋าปิ่งอยู่บนเก้าอี้ยาวฝั่งซ้าย นาจาในร่างโตอยู่ฝั่งขวาแทบจะจมไปกับพนักวางแขน อีกทั้งพวงแก้มสีระเรื่อคล้ายเพิ่งไปออกกำลังกายมา หรือว่าทั้งสองคนจะปะทะกันแล้วจบด้วยการทะเลาะ !! ไม่ได้การ อาจารย์อย่างข้าต้องไกล่เกลี่ย !!
"พวกเจ้าเป็นศิษย์แม้คนละอาจารย์แต่ก็ร่วมสำนัก ใยมาทะเลาะวิวาทกันเช่นนี้ !!!" โอ้โห มาดเข้มมาก ดูไว้นี่แหละเทพไท่อี่เจินเหรินของจริง
ผิดคาด นาจานั่งนิ่ง เบือนหน้าหลบกว่าเดิมจนข้าประหลาดใจ ถ้าเป็นปกติหลังคาคงทะลุไปแล้ว
ส่วนบุตรมังกรก็นั่งเท้าคางมองออกไปด้านข้าง จะว่าแปลกก็แปลก แม้เขาจะอ่อนโยนดั่งสุริยัน สงบนิ่งดั่งนทีกว้าง แต่ไอ้รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมามันทำให้ข้านึกถึงㅡ
หนุ่มรูปงามจอมแพรวพราว ดูสายตานั่นสิ !
บ้าหน่า หรือจะทะเลากันเรื่องผู้หญิงจริงๆ ?
แต่ เดี๋ยวนะ ทำไมริมฝีปากของไข่มุกสวรรค์เปื้อนสีแดงจางๆไปทั่ว ข้าหันไปมองดูที่นาจา เขาก็มีเช่นกัน, แถมเลยมาเกือบถึงคาง เฮ้ยๆๆ แม่ทัพหลี่กับฮูหยินต้องเอาข้าตายแน่ถ้าโอรสมีเลือดหยดแม้เพียงนิด ถ้าสังเกตุดีๆปากของปีศาจน้อยก็ออกจะเจ่อนิดๆอีก ไอหยาㅡ เจ้าเอ๋าปิ่งไปต่อยอีท่าไหนเพื่อนตัวเองถึงกับนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
"นี่พวกเจ้า ! ถึงขั้นต้องเลือดตกยางออกกันเลยรึ" ข้าตะโกนออกไป หวังจะได้คำอธิบายแต่ว่าㅡ
"พวกข้าแค่หยอกกันเล่น" นาจาสะบัดหน้าหันมาเขม่นข้า แต่เสียงของเขาฟังดูแหบยังไงชอบกล บุตรชายแม่ทัพหลี่กลับคืนสู่ร่างเด็กน้อยแล้วกระโดดลงมา
"แต่ข้ามิใช่" อยู่ๆเอ๋าปิ่งที่เงียบมานานก็เอ่ยขึ้น ทำเอาข้างงตาแตก พวกเขาพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่ฟะ แถมไอ้ยิ้มมุมปากหน้าหมั่นไส้บนพ่อหน้าหยกนั่นยังไม่หายไปอีก ปีศาจน้อยหันขวับมาจ้องหน้าเขาแล้วปึงปังออกไป
เอ หรือนาจาไม่สบาย ทำไมแดงตั้งแต่หน้ายันกกหู
ว่าแต่ตลับชาดทาปากใยไปอยู่บนโต๊ะไม้ข้างเก้าอี้ยาวนั่นได้นะ
/
จบ
"ใยจูบข้า" นาจาถามเสียงแหว มือยกเช็ดชาดที่ปากตัวเองอย่างลวกๆ ใบหน้าเห่อร้อนยังอยู่ใกล้ชิดกับอีกฝ่ายอย่างลืมตัว หรือไม่ก็ถูกมนตราจากริมฝีปากมังกรครอบงำอยู่่
"เพื่อนไม่จูบกัน คิดว่าข้าไม่รู้รึ" โอสถปีศาจกล่าวย้ำ นัยน์ตาคลอด้วยน้ำใสจากอาการขาดอากาศหายใจเมื่อครู่, ทำเอาสายตาเอ๋าปิ่งทอดมองด้วยเอ็นดู
"ข้ามิได้อยากเป็นเพียงเพื่อน เจ้ามิรู้รึ" ไข่มุกสวรรค์ตอบ, นาจานิ่งงัน แม้ไม่เคยพบพานความรักที่ได้ัรับนอกจากพ่อแม่ แต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงเสียงดวงใจด้านใน คล้ายมีเปลวเพลิงขยับไหวอยู่ในนั้น จนกระทั่งถูกละอองน้ำทะเลในดวงตาสีฟ้าเข้มนั่นสะกดไว้
ด้วยคาถาอันแสนกล้าแกร่ง
"ดวงใจของข้าควรคู่เพียงโอสถปีศาจหนึ่งเดียว"
"..."
"และหวังว่าเจ้าจะไม่ถือสาเรื่องชาดทาปากนี่" เขายิ้ม, นาจาเคยคิดว่ามังกรเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์เพทุบาย
ก็จริงนั่นแหละโว้ย ไอ้เจ้าเอ๋าปิ่ง!!!!
/
จบจิงแระ
สั้นกว่าฤดูหนาวประเทศไทย สันยาว่าจะแต่งสักห้าร้อยคำ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in