เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เสรีภาพ สงคราม และความเท่าเทียมgluvicebear
เสรีภาพ สงคราม และความเท่าเทียม
  • สงครามเป็นต้นเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดการทำลายเสรีภาพ เพราะฉะนั้นเสรีภาพจึงเป็นยาที่ใช้ในการต่อต้านสงครามได้ดีที่สุด

       นักเสรีนิยมมองว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการเสรีภาพอยู่แล้ว มนุษย์และสังคมไม่สามารถอยู่รอดได้หากไร้ซึ่งเสรีภาพ และแนวคิดเกี่ยวกับเสรีภาพจะมีบทบาทสำคัญในทุกที่และทุกทุกช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ 
       
       หลักการเบื้องต้นของแนวความคิดแบบเสรีนิยมได้เรียกร้องว่าการจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลที่ทุกคนจำเป็นต้องยอมรับเพื่ออยู่ร่วมกันในสังคมนั้นจะต้องมีอยู่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

       ในระยะเวลาที่ผ่านมาหลักการดังกล่าวยังเป็นหัวใจของแนวคิดแบบเสรีนิยมจนถึงปัจจุบันภายหลังได้มีการนำมากลั่นกรองและพัฒนาเป็นทฤษฎีทางการเมืองแบบเสรีนิยมที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

       1. บทบาทของรัฐจะต้องมีอยู่อย่างจำกัด
    การใช้อำนาจใดใดของรัฐจะยึดมั่นในหลักการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างเคร่งครัด
       2. ตลาดเสรี
    เสรีภาพทางเศรษฐกิจคือหนทางที่จะนำไปสู่ความมั่งคั่งของทุกคนเป็นแนวคิดที่นักเศรษฐศาสตร์ได้อธิบายอย่างเป็นระบบตลอดมา
       3. สันติภาพ
    นักเสรีนิยมให้ความสำคัญกับสันติภาพภายในประเทศและระหว่างประเทศ เป็นที่มาของคำพูดดังกล่าว
      
       แนวคิดแบบเสรีนิยมกลายเป็นแนวความคิดทางการเมืองที่มีอิทธิพลอย่างมากหลังจากการปฏิวัติอเมริกาในปีค.ศ. 1776 และการปฏิวัติฝรั่งเศสในค.ศ. 1789 ศตวรรษที่ 19 คือช่วงที่แนวคิดเสรีนิยม ได้พัฒนาเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองทั่วโลก มีการนำแนวคิดเรื่องนิติรัฐไปใช้จริงอย่างแพร่หลาย เสรีภาพในการแสดงออกได้รับการรับประกัน แม้ในที่ที่ลัทธิเสรีนิยมดูเหมือนจะล้มเหลวก็ยังเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้ที่การเมืองตามแนวคิดแบบเสรีนิยมจะถูกขัดขวางอีกต่อไป

       ในเชิงเศรษฐศาสตร์แล้วแนวความคิดแบบเสรีนิยมซึ่งเชื่อในระบบเศรษฐกิจแบบกลไกตลาดสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับชุมชนได้

       การปฏิวัติอุตสาหกรรมถือเป็นก้าวแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ที่มนุษย์สามารถเอาชนะความอดอยากที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้หลังจากปีค.ศ. 1847 เป็นต้นมาความอดอยาก ก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลยในยุโรปช่วงที่มีสันติภาพ
    เป็นไปได้ว่าการที่ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความสำเร็จของแนวความคิดแบบเสรีนิยม
    นักวิจารณ์ทั้งหลายจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดแบบเสรีนิยมต่างต่อต้าน แต่อย่างไรก็ตามคำวิจารณ์ที่พูดถึงความย่อยยับของระบบเสรีนิยมก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ถูกต้องเนื่องจากความมั่งคั่งจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยถ้าไม่มีระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีและนี่เป็นวิธีทางเดียวที่จะนำไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจ

       เสรีนิยมได้ตั้งอยู่บนความคิดเสรีภาพและความเสมอภาค นักเสรีนิยมยอมรับมุมมองหลากหลาย แต่โดยทั่วไปจะสนับสนุนความคิดอย่างเสรีภาพในการพูด เสรีภาพสื่อ เสรีภาพทางศาสนา ตลาดเสรี สิทธิพลเมือง ความเสมอภาคทางเพศและการร่วมมือกันระหว่างประเทศ 

       เสรีภาพในความคิดของเราคือเสรีภาพในการที่จะพูด คิด หรือกระทำในสิ่งที่เราต้องการในทางที่ไม่ได้เดือดร้อนใคร แล้วเราทำได้ แต่ในปัจจุบันนี้การกระทำแบบนั้นก็อาจจะส่งผลเสียให้เราได้ ประเด็นหลักคือมันถูกต้องแล้วหรือ ที่เสรีภาพเป็นเรื่องที่ผิด

       เราไม่ได้สนับสนุนว่าการเบียดเบียนคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแบบนั้นไม่ใช่เสรีภาพแต่เป็นการเห็นแก่ตัว แต่เสรีภาพในตอนนี้ก็ยังถูกลิดรอนไปมันเหมาะสมแล้วหรือ
       มนุษย์มีสิทธิธรรมชาติและชีวิตเสรีภาพและทรัพย์สินและตามสัญญาสังคมรัฐบาลต้องไม่ละเมิดสิทธิเหล่านี้ จอห์นล็อคนักปรัชญาสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้กล่าวไว้


    สงครามเกี่ยวอะไรกับหลักเสรีภาพ ?

       ตัวอย่างได้มีให้เห็น จากการต่อสู้เรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของคนผิวสีในอเมริกา การแบ่งแยกสีผิวและการเหยียดเชื้อชาติได้มีมาตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคมและได้สืบเนื่องมาจากการปฏิวัติอเมริกาและมาจนถึงสงครามกลางเมืองที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐทางเหนือและทางใต้จนนำไปสู่การเลิกทาสในที่สุด

       แต่หลังจากนั้นการแบ่งแยกสีผิวและความรุนแรงได้เพิ่มมากขึ้นและปัจจุบันการแบ่งแยกสีผิวก็ยังมีเห็นอยู่ทั่วไป
    เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1863 ระหว่างสงครามกลางเมืองอเมริกัน ลินคอล์น ประกาศให้เสรีภาพแก่ทาสใน 10 รัฐซึ่งเป็นกบฏอยู่ขณะนั้นและแม้ว่าจะไม่สามารถบังคับใช้กับรัฐฝ่ายใต้ได้แต่ก็ส่งผลให้สงครามนี้เปลี่ยนเป็นสงครามเลิกทาส ทำให้ชนผิวดำพากันสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพฝ่ายเหนือ ซึ่งสร้างความโกรธแก่ชาวใต้ผิวขาวในปี 1865 หลังจากสงครามฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเหนือทำให้คนผิวสีได้รับการยอมรับเท่าเทียมกับคนผิวขาวทำให้กลุ่มชนผิวขาวไม่พอใจ

       หลังจากที่มีการยกเลิกระบบทาสแล้วได้มีกลุ่มอดีตนายทาสเก่าทำการรวมตัวกันขึ้นเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยที่จะให้ธาตุและคนผิวดำมีความเท่าเทียมกับคุณผิวขาวในช่วงปีค.ศ. 1867 ถึง 1927 เกิดการฆ่าคนผิวสีเชื้อสายแอฟริกาเป็นอย่างมาก ถ้าคนผิวสีออกนอกบริเวณที่กำหนดคนผิวขาวจะรุมทำร้าย มีทั้งการแขวนคอและเผาทั้งเป็นอีกทั้งการเผาทำลายบ้านเรือนคนผิวสีถูกวบังคับให้ใช้แรงงานเป็นทาส โดนกดขี่ข่มเหง กลั่นแกล้ง และเอาเปรียบจากชนผิวขาวซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและการที่คนผิวสีมีการปฏิบัติตัวเป็นคนขายยาเป็นโสเภณีนั้นเพราะถูกกีดกันจากคนผิวขาวไม่ให้ได้รับการศึกษา

       ในช่วงที่ระบบทาสยังมีบทบาทอยู่มีการละเมิดสิทธิเสรีภาพ จากเจ้านายต่อทาสในการปกครองเป็นผลมาจากการที่ไม่มีกฎหมายใดๆมารองรับความเป็นมนุษย์ของทาสทำให้เจ้านายสามารถจัดกระทำการใดๆก็ได้กับทาสซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่จะกระทำต่อผู้อื่น การกระทำดังกล่าวมักเป็นไปในทางที่กดขี่และการพยายามทำให้ทาสหวาดกลัวและมีความจงรักภักดี 

       ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการเหยียดสีผิวอยู่ ถึงแม้ว่าจะเกิดการเข้าใจระหว่างมนุษย์มากขึ้นและถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายมารองรับสิทธิและเสรีภาพของคนอเมริกา มีการรณรงค์ต่อต้านการเหยียดสีผิว ถึงจะมีคนดังที่เป็นคนผิวสีออกมาเป็นกระบอกเสียงต่อต้านการเหยียดสีผิวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเหยียดสีผิวก็ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ยังมีคนผิวขาวบางกลุ่มที่มีแนวคิดการเหยียดหยามสีผิวอยู่ในใจ คอยต่อต้านและกีดกัน แต่ถึงกระนั้นแล้วก็ยังมีคนที่ต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพของคนผิวสีมาจนถึงปัจจุบัน

       และการลิดรอนเสรีภาพที่เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในประเทศเราอีกเรื่องหนึ่งคือการเหยียดเพศ
       เพราะเหตุใดผู้ชายจึงต้องมีสิทธิเหนือกว่าผู้หญิงและในบางเรื่อง เพราะเหตุใดผู้หญิงจึงต้องมีสิทธิมากกว่าผู้ชาย ในเมื่อไม่ว่าจะเพศไหนก็ตามทุกทุกคนก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ความเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิงหรือความเป็นเพศใดก็ตามไม่สามารถเอามาอ้างสิทธิ์ในการที่จะเอาเปรียบผู้อื่นได้

       ยกตัวอย่างเช่นมนุษย์สองคน ควรจะได้รับการพิจารณาเข้าทำงานด้วยความสามารถที่เขามีไม่ใช่พิจารณาด้วยเพศ เพราะเหตุใดบุคคลที่เป็นผู้ที่สามกลับต้องโดนกีดกันเพียงเพราะว่าเขาเป็นในสิ่งที่เขาต้องการจะเป็น 

       การเหยียดเพศในสังคมไทยนั้นมีมานานตั้งแต่สมัยอดีตตั้งแต่พื้นฐานของความเชื่อที่ว่าเพศชายจะต้องแข็งแกร่ง กล้าหาญ มีพละกำลังและเป็นผู้นำ และผู้หญิงจะต้องเรียบร้อย เป็นแม่บ้านแม่เรือน อยู่ในโอวาทของผู้นำ
      
       หรือข่าวข่มขืนที่เห็นอยู่กลับมีผู้คนจำนวนมากโทษเหยื่อมากกว่าที่จะผู้ถูกกระทำบอกว่าเหยื่อนั้นแต่งตัวไม่เหมาะสม สมควรแล้วที่จะโดนข่มขืน มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือ

       หรือการไปจำกัดความว่าผู้ชายเป็นเพศที่หัวรุนแรง ปัญหาที่เกิดมาต้องมีผู้ชายเป็นผู้นำซึ่งมันอาจจะไม่จริงก็ได้ 
    และมันถูกแล้วหรือการไปจำกัดความว่าเพศที่สามเป็นเพศที่ตลก เป็นเพศที่น่ารังเกียจและสมควรได้รับการดูถูกเหยียดหยาม

       พวกเราทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน ไม่ว่าจะเพศไหนไม่สมควรที่จะมีใครโดนกล่าวหาว่าเป็นตัวประหลาดเป็นตัวตลก เป็นอย่างที่สังคมตัดสินไว้หมดแล้ว ทั้งทั้งที่ทุกๆคนในทุกๆเพศไม่เหมือนกัน

       และถึงแม้ว่าปัจจุบันสังคมไทยได้ให้สิทธิกับผู้หญิงมากขึ้น ให้ความเท่าเทียมกับเพศที่สามแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเหยียดเพศนั้นลดลง ถึงแม้ว่ากฎหมายในประเทศไทยจะระบุชัดเจนว่าทุกเพศต้องมีความเท่าเทียมกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเพศชายก็ยังถูกมองว่าเป็นเพศที่ยิ่งใหญ่ เพศหญิงเป็นรองเพศชาย ส่วนเพศที่สามก็จะเป็นตัวตลกหรือตัวประหลาด
       หากจะแก้ไขในเรื่องนี้เราควรจะปรับทัศนคติของคนในสังคมให้มองทุกเพศอย่างเท่าเทียมกันจริงๆ
      

       เพราะว่าทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกันและทุกคนควรจะได้รับเสรีภาพเหมือนๆกัน


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in