หนังสือ : THE FAIRY TEAL OF UNDERFOX
โดย : จิรเดช โอภาสพันธ์วงศ์
จำนวน : 264 หน้า
ราคา : 325 บาท

          อย่างที่บอกไปแล้วว่าผมไม่ดูบอล เวลาที่ใครถาม ๆ ว่าเชียร์บอลทีมไหนหรอ (?) ผมก็จะตอบส่ง ๆ แบบตัดปัญหาไปว่า เชียร์ "วูฟแทมตัน" หลายคนก็จะทำหน้า "งง ๆ" และถามว่า ตอนนี้มันอยู่หลีคไหนวะ (?) ก็เลยตอบแบบ งง ๆ และส่ง ๆ ไปอีกว่า "ไม่รู้"

          ถึงตรงนี้ที่อ่านหนังสือเล่มนี้ไป 264 หน้า ก็ยังไม่รู้เลยว่าซื้อมาทำไมวะ (!) ทั้ง ๆ ที่ไม่ดูบอล แล้วถามว่ารู้จัก "เลสเตอร์" ไหม (?) ก็ไม่รู้จัก ที่มารู้จักก็เพราะราคาผ้ายันต์ของเจ้าคุณธงชัย อยู่ดี ๆ ก็พุ่งไปอยู่ที่ผืนละ 50,000 บาท เหตุนี้เลยทำให้เราได้ยินชื่อของ "หมาป่าสีน้ำเงิน เลสเตอร์ ซิตี้"

          หลังจากข่าวของ เลสเตอร์ ซิตี้ ดังไปทั่วประเทศและทั่วโลกได้ไม่นาน เราเลยกลับมานั่งถามตัวเองว่า ทำไมฟุตบอลถึงเป็นที่จับตาของคนทั่วโลกขนาดนั้น (?)

          ด้วยความสงสัย เลยต้องออกไปหาคำตอบ ระหว่างที่เดิน ๆ วน ๆ อยู่ในร้านหนังสือ สายตาก็ไปสะดุดอยู่ที่ THE FAIRY TEAL OF UNDERFOX เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวของทีม "เลสเตอร์" ที่เริ่มตั้งแต่การเข้าไปทำหน้าที่เป็นเจ้าของทีมโดยคนไทย ไล่มาจนถึงการขึ้นเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ของประเทศอังกฤษ

          THE FAIRY TEAL OF UNDERFOX ถ่ายทอดเรื่องราวของวงการฟุตบอลอังกฤษ และทำหน้าที่เป็นคำตอบของคำถามที่ว่า "ทำไมฟุตบอลจึงเป็นที่จับตาของคนทั่วโลกขนาดนั้น" หนังสือเล่มนี้ได้ให้คำตอบของคำถามผ่านการสนับสนุนทีมของคนในพื้นที่ การสนับสนุนนักเตะต่างชาติโดยคนที่เป็นเชื้อชาติเดียวกันกับนักเตะ รวมถึงการสนับสนุนเจ้าของทีมที่เป็นคนไทยโดยคนไทยด้วยกัน

          อีกสาเหตุหนึ่งที่มำให้ "ฟุตบอล" อยู่ในหัวใจของใครหลาย ๆ คน เป็นเพราะหลายครั้ง หรือแทบทุกครั้งที่มีการแข่งขันฟุตบอล ทั้งนักบอลและคนเชียร์ ต่างมีสิ่ง สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ "หัวใจ" ที่ภายในบรรจุเอาไว้ด้วยความ "รัก" ที่มีต่อลูกกลม ๆ ที่เรียกว่า "ฟุตบอล"

          เท่านั้นยังไม่พอ THE FAIRY TEAL OF UNDERFOX ยังทำหน้าที่เป็นคู่มือในการพาเราไปรู้จักกับทีม "เลสเตอร์ ซิตี้" ว่าการได้แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งนี้ มาจากปาฏิหารหรือว่ามาจากฝีไม้ลายเท้าของเหล่าบรรดาผู้เล่น

          THE FAIRY TEAL OF UNDERFOX จะเป็นเพียงเทพนิยายของจิ้งจอกสีน้ำเงิน หรือว่าจะทำหน้าที่เป็นบันทึกอีกหน้าหนึ่งของวงการลูกหนังของโลก ว่า "ปาฏิหารไม่มีจริง" สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันมาจาก "ฝีเท้าของเหล่าผู้เล่น" และ "มันสมองของผู้คุมทีม"