แต่เมื่อเราก้าวเข้าสู่วัยทำงานละ เราเสียเวลาหนึ่งวันไปกับอะไรมากที่สุด (?) คำตอบของคำถามคงหนี้ไม่พ้นเรื่องของการทำงาน ซึ่งหลายคนคงคิดว่ามันไม่ต่างอะไรกับการใช้เวลาตอนเรียนนิหว่า แต่จริง ๆ แล้วเวลาที่เราเสียให้กับงาน กับเวลาที่เสียให้กับการเรียน มันมีความแตกต่างระหว่างกันที่เห็นได้ชัดเจนอยู่นั่นคือเรื่องของ ภาระรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่อันมาพร้อมกับเม็ดเงินอันเล็กจ้อย ให้พอหายใจไปได้กับค่าข้าว ค่ากาแฟในแต่ละวัน 

หนังสือ : คำสารภาพของมนุษย์เงินเดือน
โดย : อดิศร ไพรวัฒนานุพันธ์
จำนวน : 244 หน้า
ราคา : 239 บาท

          "คำสารภาพของมนุษย์เงินเดือน" จึงทำหน้าที่เป็นเครื่องมือบอกเล่าเรื่องราวของความแตกต่างระหว่างมนุษย์เงินเดือน มนุษย์นักเรียน นิสิต และนักศึกษา ว่าแต่ละอย่างมีความแตกต่างกันอย่างไร

          รวมถึงบอกเล่าเรื่องราวความ "หายนะ" ของการทำงานภายใต้แรงกดและดัน ที่มีเข้ามาจากหลายฝ่ายหลายทาง ทั้งจากเจ้านาย ครอบครัว คนรัก ความฝัน ที่ต่างก็ปะทะสังสรรค์กันอยู่บนความหายนะของมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง

           "คำสารภาพของมนุษย์เงินเดือน" บอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นผ่านตัวเอกของเรื่องที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีฝีมือการทำงานที่ดีเยี่ยมในที่ทำงานเดิม แต่มีฝีมือยอดแย่ในที่ทำงานใหม่ ทั้ง ๆ ที่การทำงานเป็นแบบเดิมเหมือนที่เคยทำมา คนทำก็คนเดิม เพิ่มเติมแค่การย้ายที่ทำงานกับแค่มีตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภาวะแรงกดดันจากเจ้านายผู้คาดหวังการทำงานอย่างดีเยี่ยมจากตัวเอกของเรื่อง เพียงเพราะเจ้านายเชื่อว่าเขาทำได้และต้องทำได้ดีเสียด้วย

          แต่แล้วความจริงมันก็ไม่เหมือนกับความฝัน เมื่อตัวเอกของเรื่องไม่สามารถทำตามความคาดหวังของเจ้านายได้ ในท้ายที่สุดหนทางแห่งการแตกแยกก็มาถึง ซึ่งมันก็คงไม่ต่างจากนิยายทั่วไปที่ชีวิตของตัวเอกในละครเดินมาถึงตอนจบ ซึ่งเขาได้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาผ่านตัวอักษรของเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว

          แต่นั่นไม่ใช่กับ "คำสารภาพของมนุษย์เงินเดือน" เพราะนิยามเล่มนี้ ได้ทำหน้าที่สะท้อนข้อมูลจาก 2 ด้าน คือ (1) ด้านของมนุษย์เงินเดือน และ (2) หัวหน้าของมนุษย์เงินเดือน ที่ต่างก็ถือ และบอกเล่าความจริงคนละชุด คือ ชุดของผู้กระทำและชุดของผู้ถูกกระทำ ซึ่งทั้งบทบาทของผู้ถูกกระทำและผู้ถูกกระทำต่างสลับสับเปลี่ยนกันแทบตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าช่วงเวลานั้นใครเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราว

          "คำสารภาพของมนุษย์เงินเดือน" ช่วยสะท้อนให้เราเข้าใจบทบาทของคน 2 คนในเหตุการณ์เดียวกัน และช่วยให้เราเข้าใจ ว่าในท้ายที่สุดแล้วสิ่งใดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา ผ่านตัวละครเอกทั้ง 2 ตัว ที่ต่างก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แต่ถือครองสิ่งสำคัญของชีวิตคนละแบบ คนหนึ่งถือครองความฝันเป็นสำคัญ กับอีกคนหนึ่งถือครองความสำเร็จขององค์กรเป็นสำคัญ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกให้ความสำคัญกับอะไร แบบไหนที่เราคิดว่านั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องการ เพื่อรับมือกับสถานะของมนุษย์เงินเดือน