เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
White Love RhapsodyTippuri~ii*
chapter 1
  • White Love Rhapsody
    X-Men: First Class Fanfiction by Tippuri~ii * 

     

     Pairing: Erik Lehnsherr x Charles Xavier

     

     

    Type: AU Fanfiction

    Remark : Highschool love story, no mutations involved

      * แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบังเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boy’s love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *     

     

     

     – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

    Chapter 1

     

     

     

    บรรยากาศน่าตื่นเต้นของวันเปิดเทอมใหม่ลอยอบอวลในฤดูใบไม้ผลิของเวสต์เชสเตอร์

     

     

     

     

    รถโรงเรียนสีเหลืองคันใหญ่อึกทึกไปด้วยเสียงคุยเซ็งแซ่ของเหล่านักเรียนที่ได้มาพบกันอีกครั้ง ทุกคนหัวเราะ โชว์รูปถ่ายให้กันดู เบาะที่นั่งถูกจับจองและบางที่นั่งก็มีนักเรียนนั่งอัดกันเกินควร แต่แน่นอนว่าไม่มีใครใส่ใจ…การที่กฎระเบียบโดนเพิกเฉยนั้นเป็นเรื่องธรรมดาในวันแบบนี้

     

     

     

     

    รถหยุดเมื่อถึงป้าย…ร่างสูงที่ก้าวขึ้นมาทำให้เสียงพูดคุยเปลี่ยนโทนมาเป็นเสียงซุบซิบแทน เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลไหม้ในชุดนักเรียนยับย่น เสื้อเชิร์ตสีขาวหลุดลุ่ยจากขอบกางเกงแถมยังพับแขนเสื้อลวกๆ ไว้ กระเป๋านักเรียนห้อยร่องแร่งอยู่บนบ่า ทุกรายละเอียดบ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าตัวเป็นนักเรียนที่ไม่สนใจระเบียบเต็มขั้น หากบรรยากาศชวนอึดอัดที่ก่อตัวนั้นมาจากนัยน์ตาสีเทาเย็นเยียบที่ตวัดมองทุกคนด้วยสายตาหมิ่นๆ

     

     

     

     

    เด็กหนุ่มก้าวหนักๆ ไปยังด้านในของตัวรถท่ามกลางเสียงซุบซิบ

     

     

     

     

    “นั่นอีริค เลนเชอร์นี่นา”

     

     

     

     

    “หมอนั่นยังกลับมาเรียนที่นี่อีกเหรอ…ให้ตายสิ”

     

     

     

     

    “โอยยยยย อย่าให้ฉันต้องอยู่ห้องเดียวกับเขาเลยนะ”

     

     

     

     

    “เบาๆ สิ! เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก!”

     

     

     

     

    เจ้าของชื่อไม่เปลี่ยนสีหน้า…จุดประสงค์ของเสียงซุบซิบเหล่านี้ก็คือให้เขาได้ยินนั่นแหละ แต่นับว่าโชคดีที่เด็กหนุ่มไม่ได้กำลังหงุดหงิดจนอยากอาละวาด

     

     

     

     

    อีริค เลนเชอร์โด่งดังในโรงเรียนเวสต์เชสเตอร์เฟิร์สต์คลาสแห่งนี้ในฐานะนักเรียนตัวปัญหาเบอร์หนึ่ง ตั้งแต่แต่งตัวไม่เรียบร้อย โดดเรียน ไม่เคารพอาจารย์ สูบบุหรี่ ไปจนถึงการทะเลาะวิวาท…กฎระเบียบของโรงเรียนทุกข้อเหมือนจะโดนเจ้าตัวละเมิดมาหมดแล้วทั้งสิ้น จนถึงกับมีข่าวลือว่าแฟ้มรายงานความประพฤติของเด็กหนุ่มนั้นหนาพอๆ กับสมุดโทรศัพท์เลยทีเดียว

     

     

     

     

    ช่วงปีที่ผ่านมาอีริคต้องโดนทัณฑ์บนสักโหลนึงได้…แต่ด้วยความที่ตระกูลเลนเชอร์เป็นตระกูลผู้มีอิทธิพลตัวเอ้เลยทำให้ไม่มีใครกล้าลงโทษเขาจริงจัง แถมอีกสิ่งที่ทำให้เหล่าอาจารย์เจ็บใจเพราะไม่มีข้ออ้างในการจะเล่นงานเด็กหนุ่มได้สักทีก็คือข้อเท็จจริงที่ว่า…ถึงอีริค เลนเชอร์จะขาดเรียนเป็นว่าเล่น แต่ผลสอบกลับไม่เคยตกอันดับท็อปสักที (แถมเจ้าตัวมักจะจับจุดผิดของข้อสอบได้บ่อยซะจนน่าหมั่นไส้อีกต่างหาก)

     

     

     

     

     

    รถยังคงไม่เคลื่อนที่ต่อเพราะคนขับไม่กล้าออกตัวโดยที่คุณชายเลนเชอร์ยังหาที่นั่งไม่ได้ (อีริคเคยชกหน้าอาจารย์มาแล้ว เพราะงั้นคนขับรถโรงเรียนย่อมไม่ยากเกินไปแน่นอน) เหล่านักเรียนทุกคนต่างพยายามจะทำให้ที่นั่งของตนดูแน่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสุดท้าย…ผู้โชคร้ายก็คือเด็กหนุ่มผมดำร่างเพรียวที่นั่งอ่านหนังสืออย่างไม่รับรู้ถึงโลกภายนอกอยู่ตรงที่นั่งติดหน้าต่าง

     

     

     

     

     

    กระเป๋าที่ห้อยร่องแร่งอยู่บนบ่าโดนเหวี่ยงป้าบลงไปตรงที่ว่างข้างๆ…เรียกให้เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ผงกหัวขึ้นจากหน้ากระดาษอย่างงงๆ แต่อีกฝ่ายดูจะไม่ได้สนใจว่าความเสียมารยาทของตน…ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งอย่างถือวิสาสะ และรถโรงเรียนก็เคลื่อนตัวอีกครั้งด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นและเสียงคุยที่เบาลงไปเยอะ…เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะคนขับรถหรือบรรดานักเรียนก็คิดไม่ต่างกัน

     

          การอยู่ให้ห่างอีริค เลนเชอร์คือมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ตัวเองข้อแรก…และข้อสุดท้าย

     

     

     

     

    นัยน์ตาสีเทามองกริยาของคนรอบข้างออกชัดเจน ลมหายใจหนักๆ ถูกระบายออกมาอย่างหงุดหงิด…เขารู้สึกรำคาญคนที่รวมกลุ่มกันนินทาคนอื่นลับหลังแต่กลับไม่กล้าทำอะไรซึ่งๆ หน้า และนั่นทำให้เขารู้สึกว่าตัวเขานั้นอยู่เหนือเหล่าเด็กนักเรียนงี่เง่าพวกนี้ชนิดคนละสปีชี่ย์สคนละคลาสกันเลยทีเดียว

     

     

     

     

    มือได้รูปควานหาซองบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเพื่อสูบดับอารมณ์ เสียงจุดไฟแช็กและกลิ่นนิโคตินลอยขึ้นอย่างไม่ได้ให้ความเคารพกับป้ายห้ามสูบบุหรี่ที่แปะหราเลยสักนิด อีริคละเลียดควันขมๆ…รู้สึกว่าใจเย็นขึ้น เขาไม่ได้ชอบสูบบุหรี่มากมายถึงขั้นติด แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้รู้สึกสงบลงได้ในบางครั้งจริงๆ

     

     

     

     

     

    เขาไม่ได้ติดบุหรี่…สิ่งที่เขาติดคือความสงบใจที่ไม่ค่อยได้รู้สึกถึงเท่านั้นเอง

     

     

     

     

     

    “เอ่อ…” เสียงที่ดังจากคนข้างๆ ทำให้อีริคหันไปมอง…เด็กที่ทั้งรถยกให้เป็นผู้โชคร้ายคือเด็กหนุ่มผมดำ ผิวขาวเหมือนน้ำนมและร่างเพรียวๆ นั้นทำให้เจ้าตัวดูไม่เหมือนเด็กเกรดสิบเอ็ดเท่าไหร่นัก ดวงตาสีเทาเหล่มองหนังสือในมืออีกฝ่าย…มันคือเรื่องสงครามและสันติภาพโดยลีโอ ดอลสตอย และนั่นก็ทำให้อีริคสรุปสัญชาติของคนตรงหน้าได้ง่ายดายในคำเดียว…เนิร์ด

     

     

     

     

     

    “อะไร?” เสียงทุ้มถูกดัดให้ห้วนอย่างจงใจ…เพราะเจ้าของเสียงรู้ดีว่าไม่เคยมีใครกล้าว่าอะไรต่อเมื่อได้ยินโทนเสียงแบบนี้จากเขา

     

     

     

     

     

    แต่อีริคก็ต้องประหลาดใจเมื่อเจ้าเนิร์ดกลับไม่ได้รีบหดหัวกลับไป แถมยังพูดตอบพลางเอาหนังสือของตัวโบกไล่ควันพึ่บพั่บเสียด้วย

     

     

     

     

     

    “มันเหม็นมากเลย…บุหรี่น่ะ” เสียงไอเบาๆ ดังค่อกแค่กสลับขึ้นมาให้ได้ยิน “ดับทีเถอะ”

     

     

     

     

     

    เด็กหนุ่มผมน้ำตาลรับรู้ถึงทุกสายตาที่มองมายังที่นั่งของเขา…คำพูดนั้นดังชัดเจนในรถที่มีแต่คนรอดูว่าคราวนี้อีริค เลนเชอร์จะจัดการคนที่ไม่กลัวตายรายนี้อย่างไร

     

     

     

     

     

    คิ้วสีเข้มถูกเลิกขึ้นอย่างนึกสนุก ก่อนจะกล่าวเสียงหยันๆ “ให้ตายเถอะ…นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกันหา?”

     

     

     

     

    สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นรวดเร็วเกินกว่าเขาจะตั้งตัวทัน…และต่อให้เขาตั้งตัวทัน อีริคก็คงได้แต่นั่งนิ่งด้วยความประหลาดใจที่เรียกได้ว่ามากที่สุดในรอบหลายปี

     

     

     

    มือขาวของเด็กหนุ่มตรงหน้าละจากหนังสือ…มันเอื้อมมาคว้าบุหรี่ไปจากมือของเขา ก่อนจะโยนมวนกระดาษนั้นออกไปนอกหน้าต่างรถ ก่อนที่ร่างเพรียวนั้นจะหันมาสบสายตากับเขา…รอยยิ้มนุ่มนวลแต้มที่มุมปาก

     

     

     

     

    “คนที่ช่วยให้นายไม่เป็นมะเร็งปอดก่อนวัยอันควรไง”

     

     

     

     

    ทั้งรถเงียบเหมือนภาพยนตร์ที่โดนกดปิดเสียง…เหล่าเด็กนักเรียนเงียบเพราะอึ้งในความกล้าชนิดไม่กลัวตายของเด็กหนุ่มผมดำ ส่วนอีริคเงียบเพราะสายตาโดนสะกดไว้ด้วยใบหน้าของอีกฝ่ายที่ตัวเองเพิ่งได้เห็นชัดๆ…ใบหน้าขาวใสที่รับกับเส้นผมสีดำตัดเรียบร้อยและดวงตาสีฟ้าเข้มลึกล้ำเหมือนท้องทะเลสาบ

     

     

     

    เสียงซุบซิบดังฮือขึ้นทีละนิด…และนั่นก็ทำให้นัยน์ตาสีเทาที่ตอนนี้ขุ่นมัวกว่าเก่าสักร้อยเท่าได้มองกราดไปทั่ว สะกดให้บรรดานักเรียนสงบปากสงบคำและหันกลับไปทางเดิมโดยดี เด็กหนุ่มอีกคนที่ตกเป็นเป้าสายตาดูจะไม่ได้รับรู้อะไร…มือเรียวควานหาของกุกกักในกระเป๋าของตน ก่อนจะหยิบของชิ้นเล็กจิ๋วสีน้ำเงินออกมา

     

     

     

    “อ่ะ…เอานี่ไปแทนละกัน” เสียงนุ่มกล่าว ยื่นทอฟฟี่ในกระดาษห่อวาวๆ ให้ “รสมิ้นต์…มีไส้ช็อคโกแล็ตข้างในด้วยนะ”

     

     

     

     

    รถโรงเรียนเบรกตัว…เป็นสัญญาณว่าพวกเขามาถึงที่หมายแล้ว เหล่าเด็กนักเรียนทั้งหมดในรถรีบออกจากตัวรถด้วยความเร็วที่เหล่าอาจารย์ต้องมองอย่างชื่นชมในความกระตือรือร้น (อันที่จริงทุกคนแค่กลัวว่าจะโดนลูกหลงจากอีริคเท่านั้นแหละ) เสียงกริ่งบอกเวลาเริ่มต้นคาบทำให้เด็กหนุ่มผมดำรีบหยิบกระเป๋าและหนังสือนิยายของตน ก่อนจะคว้ามืออีกฝ่ายขึ้นมาแล้วยัดทอฟฟี่ลงไปให้

     

     

     

     

    “ไปก่อนนะ”

     

     

     

     

    คำบอกลาสั้นๆ ถูกกล่าวก่อนที่ร่างสมส่วนจะรีบวิ่งเข้าไปในอาคารเรียน อีริคมองห่อกระดาษสีน้ำเงินที่ยังอุ่นจากสัมผัสของอดีตเจ้าของนิ่งๆ…ความหงุดหงิดพุ่งพรวดแล้วก็ต้องลดฮวบลงไปช้าๆ เมื่อเจ้าคนต้นเรื่องหายลับไปแล้ว

     

     

     

     

    มือใหญ่คว้ากระเป๋าของตนขึ้นมาบ้างแล้วเดินอย่างไม่เดือดร้อนถึงเวลาตามเข้าไปในตึก การมาสายไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่สุดที่เขาเคยก่อเอาไว้…นั่นจึงทำให้เด็กหนุ่มไม่คิดจะรีบเร่งในการเช็ครายชื่อและห้องเรียนของตน

     

     

     

     

    ประตูห้องเรียนถูกปิดไว้สนิทตอนที่เขามาถึง…เป็นการบอกให้รู้ว่าชั้นเรียนเริ่มไปแล้ว แต่มือแข็งแรงก็เปิดผลัวะเข้าไปโดยไม่แม้แต่จะเคาะประตูขออนุญาต อีริคชินแล้วกับสายตาของนักเรียนในชั้นที่จะมองมาแล้วรีบก้มหน้าก้มตา…อาจารย์ที่มีท่าทางไม่พอใจแต่ไม่กล้าทำอะไร…และตัวเขาที่จะเดินตึงๆ ไปนั่งโต๊ะที่จะว่างไว้ทั้งสองที่นั่ง (โต๊ะเรียนของเวสเชสเตอร์เฟิร์สต์คลาสเป็นแบบสองที่นั่งเพื่อส่งเสริมการแบ่งปันและความมีน้ำใจ แต่แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะเรียนรู้มันจากอีริคเท่าไหร่ เขาเลยได้ครองโต๊ะคนเดียวมาตลอดทุกปี)

     

     

     

     

     

    ทุกอย่างจะเป็นอย่างนั้นเสมอ หากตั้งแต่ตอนเช้าที่มีแต่เรื่องที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกประหลาดใจไม่หยุดไม่หย่อน…อีริคก็รู้สึกสังหรณ์ใจแล้วว่าปีการศึกษานี้คงจะมีอะไรหลายอย่างที่ไม่เหมือนกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา

     

     

     

     

    …และลางสังหรณ์ของเขาก็ไม่ค่อยจะผิดพลาดเสียด้วย

     

     

     

     

    นัยน์ตาสีเทาเห็นชัดว่าการเข้ามาของเขาไม่ได้ขัดจังหวะการสอน…แต่เป็นการแนะนำตัวของนักเรียนใหม่ต่างหาก น่าแปลกใจเล็กน้อยที่มีเด็กย้ายเข้ามาช่วงเกรดสิบเอ็ด…แต่น่าแปลกใจมากกว่าที่เด็กคนที่ว่าคือเจ้าเนิร์ดที่กล้าโยนบุหรี่เขาทิ้งต่างหาก

     

         แต่จะว่าไป…ที่หมอนี่มันกล้าทำก็คงเพราะมันเป็นเด็กใหม่นี่แหละ

     

     

     

     

    อีริคมองสำรวจอีกฝ่ายอย่างเต็มตา…ร่างสมส่วนนั้นเนี้ยบแบบลูกผู้ดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมสีดำหวีเข้าทรง เสื้อเชิ้ตถูกใส่ไว้ในกางเกงเรียบร้อย เสื้อสเวตเตอร์ไม่มีแขนสีน้ำตาลอ่อนยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูเหมาะจะขึ้นโปสเตอร์นักเรียนตัวอย่างมากเข้าไปอีก

     

     

     

     

     

    “อ้าว…นายนี่!” นัยน์ตาสีน้ำเงินมีแววยินดี (เป็นอีกครั้งที่อีริครู้สึกว่าหมอนี่ช่างไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศรอบด้านเอาเสียเลย) “นายก็เรียนห้องนี้เหรอ? ฉันชาร์ลส์นะ…ชาร์ลส์ เซเวียร์”

     

     

     

     

     

    เสียงซุบซิบดังหึ่งๆ รอบห้องทันควัน…อีริคไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันคือการแลกเปลี่ยนรายละเอียดของเหตุการณ์ในรถโรงเรียนเมื่อเช้า อารณ์หงุดหงิดพุ่งขึ้นในชั่วพริบตา…แววตาที่เย็นเยียบของเขาทำให้อาจารย์รีบเข้ามาแก้สถานการณ์

     

     

     

     

     

    “เอ่อ…พวกเธอรู้จักกันมาก่อน…”

     

     

     

     

     

    “ไม่” เสียงทุ้มกล่าวแทรกอย่างไม่สนมารยาท ก่อนจะเดินผ่านเข้าไปยังโต๊ะติดหน้าต่างที่ว่างไว้ กระเป๋าเรียนถูกเหวี่ยงโครมลงบนโต๊ะตามอารมณ์คนวาง ก่อนที่มือใหญ่จะกระชากเก้าอี้แล้วนั่งลง…สีหน้ายังคงขุ่นมัว

     

     

     

     

     

    “อืม…งั้น…” อาจารย์พยายามกู้สถานการณ์ “เอาล่ะมิสเตอร์เซเวียร์ ดูซิว่าเธอจะนั่งตรงไหนดี”

     

     

     

     

     

    ต่อให้ไม่มีพลังเทเลพาธอ่านใจ…อีริคก็เห็นชัดว่าไม่มีใครอยากจะนั่งกับมิสเตอร์เซเวียร์ไปแล้วเรียบร้อยด้วยความที่เจ้าตัวมีป้ายล่องหนแปะไว้แล้วว่าเป็น ‘คนที่กล้าแหยมอีริค เลนเชอร์ต่อหน้าสาธารณะชน’ และทุกคนในห้องก็มีคู่นั่งกันหมดแล้วด้วย

     

     

     

     

     

    ความเงียบของการทำความเข้าใจแผ่ตัวไปทั่วห้อง ไม่มีใครกล้าจะออกปากพูดอะไรแม้แต่คนเป็นครูเองก็ตาม…ยกเว้นคนที่ไม่เคยรับรู้ถึงรังสีอันตรายอย่างชาร์ลส์ เซเวียร์

     

     

     

     

     

    “ตรงนั้นว่างนี่ครับ…เอ่อ…” เด็กหนุ่มถามอาจารย์เสียงค่อยตามมารยาทที่ดี “เขาชื่ออะไรนะครับ?”

     

     

     

     

     

    “เลนเชอร์…อีริค เลนเชอร์” เสียงตอบก็ค่อยพอกัน (ถึงจะค่อยเพราะความกดดันก็เหอะ)

     

     

     

     

     

    ชาร์ลส์พยักหน้าหงึกๆ “โอเค ผมนั่งกับเขาก็ได้ครับ”

     

     

     

     

     

    “เธอ…เอ่อ…แน่ใจเหรอมิสเตอร์เซเวียร์?”

     

     

     

     

     

    ดวงตาสีน้ำเงินสวยกระพริบปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์ถึงถามคำถามแปลกๆ แบบนี้

     

     

     

     

     

    “แน่สิครับ ผมเคยคุยกับเขาแล้วครับ…แบ่งขนมให้เขาด้วย”

     

     

     

     

     

    คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้คนฟังทุกคนทำหน้าอึ้งเป็นแถว…แต่คนตอบก็ไม่ได้สนใจ เขาจัดการเดินไปนั่งโต๊ะที่เป็นดั่งโซนแดงของห้องซ้ำยังยิ้มให้เจ้าของโต๊ะเสียด้วย

     

     

     

     

     

    “นายชื่ออีริค เลนเชอร์สินะ…ฉันชาร์ลส์ เซเวียร์” เสียงนุ่มกล่าวเบาๆ เพราะอาจารย์เริ่มสอนแล้ว มือเรียวยื่นให้ “เรียกชาร์ลส์ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

     

     

     

     

     

    อีริคมองคนหน้าสวยด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่จับมือที่ยื่นออกมานั้น และกล่าวแค่ประโยคเดียวก่อนที่จะไม่ได้สนใจอีกฝ่ายอีกเลยจนจบคาบเรียน

     

     

     

     

     

    “ตอนนี้ฉันหงุดหงิดเพราะนายมากพอแล้ว เลิกกวนใจฉันสักที…เซเวียร์”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    tbc.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in