922 words
#ควานเฉิง (pg-15) ; พี่ชายข้างบ้าน au
ping-pong game (n.) หยั่งเชิง, หมาหยอกไก่, (ต่างฝ่ายต่างลองตบลูกปิงปองให้อีกฝ่ายตบกลับมา เพื่อดูพฤติกรรมและความคิดของอีกคน)
/
เวลาหกโมงนิดๆเริ่มมีแสงส่องผ่านเมฆทึบ เสียงรถยนต์ดังเป็นระยะ ริมถนนในซอยเริ่มมีวัยรุ่นสวมชุดนักเรียนเดินกันสามสี่คน สายตาของคุณทอดมองไปยังกลุ่มเด็กหล่านั้นพลางหาวหวอด เพราะนอนไม่หลับจึงลุกขึ้นมายืนนอกระเบียงชั้นสองกับบุหรี่หนึ่งมวน คุณเถียงกับตัวเองในใจว่าไม่ใช่อาการของวัยทองหรอกน่า ㅡให้ตายสิ เพิ่งยี่สิบห้าเองนะหลิวไห่ควาน
อัดควันสีจางเข้าปอด ก่อนพรูออกมาพร้อมเสียงปิดประตูจากบ้านข้างๆ, นั่นดึงดูดความสนใจคุณได้ ไม่ใช่จากประตูบานสีขาวแต่เป็นคนที่ก้าวขาออกมา
คุณหัวเราะเบาๆเพราะเห็นสีหน้าของนักเรียนมัธยมปลายที่ยับยู่เหมือนทุกเช้า ㅡทุกเช้าที่คุณยืนเหม่ออยู่นอกระเบียงเพราะหลับต่อไม่ได้ และเด็กหนุ่มก็จะเดินออกมาเวลาเดิมด้วยการป้องปากหาวหวอดเกือบทุกวัน
ก่อนเจ้าของนันย์ตาสีดำกลมเกลี้ยง, คล้ายลูกแมวในความคิดคุณจะมองมา อีกฝ่ายยกยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาว ตาหยีตามจนเกือบปิด ทำให้คุณอดส่งยิ้มบางกลับไปให้เสียไม่ได้ ความคิดที่ว่าอยากตื่นมาเวลานี้ทุกวันก็แล่นฉิวเข้ามาก่อนถูกกลบด้วยเสียงใส
"พี่ควาน"
"ครับ" คุณขานรับ มือเคาะมวนบุหรี่กับราวเหล็กทิ้งละอองสีเทาลงพื้น คงไม่ทันเห็นว่าคู่สนทนาเม้มปากลงด้วยความประหม่า คุณเลื่อนตาเรียวไปสบก่อนยกสิ่งในมือจ่อริมฝีปาก
"นอนไม่หลับอีกแล้วหรอ" เด็กน้อยย่นคิ้ว
"งานเยอะน่ะ ใกล้เดดไลน์แล้วด้วย" พูดพลางถอนหายใจ
"ลำบากแย่เลย"
"ดูแลตัวเองด้วยนะพี่"
"รับทราบครับ" คุณเอ่ยพร้อมท่าตะเบ๊ะเรียกเสียงขบขันจากเด็กข้างบ้่าน
"พี่เก่งอยู่แล้ว"
"เฉิงก็เก่งเหมือนกัน"
"แน่นอน" เขายืดอกรับคำชม คุณหัวเราะ
"ไปแล้วนะ" เขาบอกลา
"วันนี้ก็เป็นเด็กดีกับคุณครูด้วยล่ะ เฉิงเฉิง"
เฉิงเฉิงและเด็กดีเป็นคำที่คุณใช้หยอกล้อร่างเล็กอยู่บ่อยครั้ง จะว่าเอ็นดูก็คงใช่ เพราะปฏิกิริยาของร่างเล็กน่าดูทุกครา ㅡ เช่นแบบนี้
" พี่ควาน ! " บากบางเบะออก หัวคิ้วแทบจะชนกัน อีกทั้งเสียงเรียกชื่อคุณก็คล้ายลูกแมวกำลังขู่ฟ่อ น่าแกล้งเหลือเกินในความคิด แก้มใสที่กำลังขึ้นสีจางก็ยิ่งแล้วใหญ่ จนคุณอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเห่อแดงกว่านี้จะน่ารักเพียงใด ㅡช้าก่อนไห่ควาน
"ครับ" เอียงคอตอบรับ ยิ้มอย่างที่ชอบทำยามถูกใจ เท้าแขนกับระเบียงและดูดนิโคตินเข้าปอด ภาพนี้ทำให้จั๋วเฉิงยกธงขาว เสตาหลบก่อนพึมพำเบาๆด้วยใบหน้าร้อนผ่าว
"ขี้โกง"
"แอบด่าพี่หรอ" คุณขำกับท่าทางนั้น, ครั้งที่สามสิบแปด
"ไม่รู้ไม่บอก เฉิงไปแล่ว" เขาหลุดแทนตัวเองด้วยชื่อ ทำให้รอยยิ้มบนหน้าคุณดูอ่อนโยนเข้าไปอีก จนคนที่ถูกเย้าหยอกรู้ตัวนั่นแหละ ถึงได้เบือนหน้าหนีแล้วรีบสาวเท้าออกไป
คุณมองแผ่นหลังในเสื้อนักเรียนสีขาวจนลับสายตา
ใบหน้าเรียบเฉยหากแต่ข้างในปั่นป่วนไม่ใช่น้อย
"แย่"
"ท่าทางโคตรจะไม่ดี" คุณโอดครวญ ฟุบหน้าลงกับท่อนแขน ถึงรูปประโยคจะดูอับจนหนทางแต่กลับรู้สึกชอบใจอย่างบอกไม่ถูก
คุณที่เคยเกลียดการนอนไม่หลับ
กลับรักหกโมงก่อนฟ้าสาง
ระเบียงชั้นสอง
บุหรี่หนึ่งมวน
และบทสนทนากับเด็กข้างบ้าน
/
สี่โมงเกือบห้า ท้องฟ้าย้อมด้วยสีส้มพาดผ่านด้วยชมพู แสงอาทิตย์สาดส่องไล้ไปตามกำแพงขาว สะท้อนเข้ามาในห้องนอนของคุณ เครื่องปรับอากาศดังแผ่วไปกับเพลงที่ถูกเล่นอย่าง
call you mine - jeff bernat คุณนั่งเขียนต้นฉบับตั้งแต่บ่ายกว่าๆจนเกือบจบ นั่นกินเวลานานพอควรกับเอสี่หกหน้าครึ่ง อย่างว่า งานเขียนต้องใช้อามรณ์ส่งมากพอถึงจะเค้นออกมาเป็นตัวอักษรบนกระดาษสักใบได้
เสียงเข็นรั้วจากบ้านข้างๆทำให้คุณต้องชะโงกมองผ่านหน้าต่างตรงหน้า เห็นคนคุ้นเคยเข้าบ้านมาด้วยเหงื่อชุ่มแผ่นหลัง คุณนึกเป็นห่วงนิดหน่อยเพราะเด็กน้อยดูเหนื่อยอ่อนกว่าทุกวัน พอรู้ตัวว่าจมกับความคิดนานเกินไป ก็ส่ายหัวไปมาเพื่อให้ตนจดจ่อกับงาน, ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
เพลง come thru - jeremy zucker ดังขึ้น คุณร้องคลอไปกับทำนองด้วยเสียงแหบต่ำ, ที่ได้รับคำชมมากมายเกินยกนิ้วนับ
ตัวอย่างเช่น
'เสียงพี่โคตรเซ็กซี่เลย' (คงไม่ต้องเอ่ยชื่อเจ้าของประโยคนี้หรอกนะ) คุณย้อนวันวาน สีหน้าคนในความคิดฉายชัด หลังรู้ว่าตนพูดอะไรออกมาก็ได้แต่ละล่ำละลักอธิบาย
'ม-มันไม่ใช่แบบนั้นนะพี่ คือไม่ใช่เซ็กซี่แบบนั้นนะ มันก็คือเซ็กซี่นั่นแหละ แต่- เสียงพี่ดีมากๆๆแบบ
นั้นอ่ะ' ประกอบกับการโบกไม้โบกมือ คล้ายปัดป้องสายตาของคุณที่จ้องมองใบหน้าขึ้นสีของเขา
หลิวไห่ควาน นายชอบหวังจั๋วเฉิงรึไง
อยู่ๆคุณก็ตั้งคำถาม
ใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง
คงใช่
ตัวคุณอีกคนตอบ
และคุณไม่ใส่ใจที่จะไตร่ตรองด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะตอนอาทิตย์แรกที่คุณย้ายเข้ามา, ครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสเหมือนฤดูร้อน, เมื่อครั้งได้ยินเสียงหวานร้องเพลงตอนห้าทุ่มจากห้องนอน
หรืออาจเป็นทุกห้วงเวลาที่มีตัวตนของหวังจั๋วเฉิงอยู่
ดวงตาสีดำขลับชัดเจนในความคิดเสมอ คุณมักจะชอบฉายภาพนี้ขึ้นเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ㅡราวมนตราที่ปัดเป่าทุกวามวุ่ยวายและเหนื่อยหน่าย
ก่อนจะถลำลึกในทะเลความทรงจำ คุณก็เห็นร่างคนเคลื่อนไหวไปมาอยู่ด้านหน้า, ตรงบานหน้าต่างกว้างของบ้านตรงข้าม คุณเงยหน้าขึ้นมอง กาแฟในปากเกือบถูกพ่นออกมา
แผ่นหลังขาวเปลือยในสายตา เพราะเสื้อนักเรียนสีขาวของเด็กหนุ่มถูกปลดเปลื้องลงไปกองที่ศอก เหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังกดโทรศัพท์ยุกยิกโดยไม่ได้สนใจเลยว่าตนยืนอยู่กลางหน้าต่างที่ไม่ได้มีสิ่งกั้นขวาง ㅡจากสายตาพี่ชายข้างบ้าน, กวาดมองตั้งแต่ต้นแขนขาว บ่ากว้าง ถึงขี้แมลงวันกลางหลัง
ไม่อยากคิดเลยว่าหากมีรอยแดงจากคุณฝากไว้จะน่าชมแค่ไหน
จนคุณรู้ตัวว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่คล้ายก้าวขาเข้าไปในคุกข้างหนึ่งนั่นแหละ ถึงเบนจุดสนใจออก ถอนใจอย่างระงับอารมณ์
"หวังจั๋วเฉิง"
"สงสัยต้องดุหน่อยแล้ว" ยกมือกุมขมับ คุณพยายามยับยั้งตัวเองไม่ให้ช้อนตาขึ้นมองสิ่งยั่วยุ ㅡที่ยังคงเดินไปมาในห้องด้วยสถาพนั้น อาจรู้สึกไปเองว่าอีกคนตั้งใจแช่อยู่ใกล้กับหน้าต่างนานกว่าปกติ
แต่ที่มั่นใจคือ ขาว ขาวมาก
หมายถึงเสื้อนักเรียนน่ะนะ
และคืนนั้นก็ทำคุณนอนไม่หลับยิ่งกว่าเดิมจากจินตนาการฟุ้งซ่าน
/
คุณทำอย่างนี้มาอาทิตย์กว่า
หนึ่ง แลกเปลี่ยนคำพูดกับพี่ชายข้างบ้าน
สอง คอยสังเกตกิจวัตรของเขา
สาม ถอดเสื้อตรงหน้าต่าง
ใช่ นั่นคือความตั้งใจของคุณที่ผ่านการคิดอย่างถี่ถ้วน คุณรู้ดีว่าพี่ควานมักจะทำงานในห้องนอนเขาที่ตรงข้ามกับห้องนอนคุณ กั้นด้วยระเบียงกว้างหกสิบเซนและอากาศสองนิ้ว
เอาเข้าจริงก็อายตัวเองเหมือนกัน ที่ทำไปก็เผื่อว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอะไรๆเหมือนกับเขา ㅡอยากจ้องมอง สัมผัส รู้จักตัวตน
ถ้าตรงๆมันก็เรียกว่ายั่วนั่นแหละ เลี่ยงบาลีไปอย่างนั้นเอง คุณถอนใจ
วันนี้คุณเหนื่อยเกินจะทำอะไรแบบนั้น ตัดสินใจอาบน้ำ แช่ตัวอยู่ในอ่างพร้อมความคิดที่ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจจุดประสงค์ของคุณไหม จะรู้สึกลึกซึ้งเท่าคุณหรือเปล่า เพราะการกระทำของคนอายุมากกว่าก็ค่อนข้างเกินกว่าคำว่าพี่ชายข้างบ้านไปร้อยหลี่ได้
เช่น
'เฉิงเฉิง กินเลอะเทอะ'
ไม่พูดเปล่า ยกมือเช็ดมุมปากคุณ
แลบเลียครีมที่ติดอยู่บนนิ้วตน
หัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างช่วยไม่ได้
(แน่สิ คุณไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ)
'รู้ว่าชอบฝน แต่อย่าตากนาน เข้าใจไหม'
น้ำเสียงอบอุ่นถูกใช้อีกครั้ง
และคุณไม่เคยบอกด้วยว่าตัวเองชอบฝน
แล้วพี่ข้างบ้านคนนี้รู้ได้อย่างไร
'พี่ทำข้าวเที่ยงมาให้ เอาไปกินโรงเรียนด้วยล่ะ'
ประโยคที่ดังขึ้นทุกเช้าวันจันทร์ พุธ ศุกร์
บางทีก็ส่งคลิปที่ตนเองร้องเพลงเล่นกีต้าร์มาให้คุณตอนสามทุ่ม คล้ายแกล้งกันเมื่ออีกฝ่ายโยกใบหน้าเข้าหากล้อง
ไม่ว่าจะเอ่ยขออะไรพี่ชายคนดีก็ยอมตามใจทุกสิ่งอย่าง พร้อมรอยยิ้มเอ็นดูและแววตาไม่อาจคาดเดา
หรือเป็นคุณเองที่ไม่อยากลองเดา เพราะกลัวคิดไกลเกินความจริง
เลิกใจดีกับผมสักที พี่ควาน
ไม่อย่างนั้นจะชอบไปมากกว่านี้แล้วนะ, คุณคิด แก้มร้อนผ่าว
/
หลังจากเช็ดผมให้พอหมาด หยิบเสื้อยืดสีกรมตัวโคร่งกับบ็อกเซอร์มาใส่ คุณเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตั้งใจจะดูหนังเรื่องนี้ให้จบ, ดาวบันดาล ㅡfault in our stars (2014) หลังจากที่ค้างคาไว้จนเกือบลืม คุณก้าวขาลงไปชั้นล่างอย่างไม่รีบร้อน มือก็เช็ดผมตัวเองไปด้วย ส่วนใจก็ไปอยู่หน้าประตูบ้านข้างๆ
ชั่งใจอยู่บนโซฟาประมาณสิบนาที ก่อนส่งข้อความหาคนในความคิด
: พี่ควาน
: ว่า
เขาตอบมาทันที นั่นพอทำให้คุณนึกเข้าข้างตัวเองอีกนิด
: ผมซื้อแผ่น fault in our stars มา
: พี่ว่างไหม
synonym of ดูหนังกับผมไหม
: ป๊อบคอร์นชีสกับโค้กนะ
: ค้าบ
คุณยิ้มจนแก้มจะแตกรอมร่อ ไม่ต้องอธิบายอะไรพี่ควานก็เข้าใจทันที หนึ่งในเหตุผลที่คุณชอบเขา (มันให้ความรู้สึกเหมือน soulmate ยังไงยังงั้น มองข้อความก็รู้ใจ อ๋า จั๊กจี้ยุบยิบ)
หกโมงสี่สิบห้านาที
ร่างสูงอยู่ในห้องนั่งเล่นกับคุณที่ตอนนี้เหยียดยาวอยู่บนพื้นพรม ปล่อยให้มือเรียวจับผ้าขนหนูเช็ดผมสีดำขลับ ซึ่งคุณชอบนักเวลาได้รับสัมผัสแบบนี้ จากคนนี้
หนังดำเนินไปเรื่องพร้อมกับมือที่คว้าป๊อบคอร์นเข้าปาก และบางทีมือคุณกับเขาแตะกันด้วยบังเอิญ ซึ่งเป็นคุณที่ชักมือออกก่อนทุกครั้งเพราะเหมือนกระแสไฟแล่นทั่วร่างกระตุกให้ใจไหววูบ
'ฉันปล่อยให้มันไปไกลกว่านี้ไม่ได้แล้ว'
'ทำไมล่ะ'
'เพราะฉันไม่ต้องการทำร้ายนาย'
'ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ, เฮเซล เกรซ มันจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่หัวใจฉันแตกสลายเพราะเธอ'
เขาเอ่ยอย่างจริงใจ
นั่นทำให้อกคุณท่วมท้นด้วยบางสิ่ง
ผมยินดีให้ดวงใจแตกสลายเพราะพี่ เช่นเดียวกับออกัสตัสที่ยินดีให้ดวงใจแตกสลายโดยคนรัก
เวลาก้าวเดินไปพร้อมหนังที่ขึ้นจอดำแล้ว ป็อบคอร์นในถ้วยแก้วเหลือเพียงเศษ น้ำอัดลมถูกรินออกมาไม่มากนักจึงยังอยู่เกือบครึ่ง
"เราชอบประโยคไหนมากที่สุด"
"pain demands to be felt" คุณตอบ เขาเงียบฟัง
"ความเจ็บปวดบังคับให้เรารู้สึก"
คนถามตั้งใจฟัง หันหน้ามองและวางแขนกับพนักโซฟา
"หากเราพยายามไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด บาดแผลก็ไม่มีทางหายขาด จะเพียงแต่ทำให้ลืมไปชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น"
"เยียวยา ยอมรับ และโอบกอดมัน, เป็นทางออกที่จะทำให้บาดแผลแห้งสนิทได้"
คุณกล่าวเสริม หลุบตาลงต่ำทำให้ไม่เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าที่เผยขึ้น ราวถูกใจกับคำอธิบายของคุณ
"พี่ชอบนะ"
นั่นไง ใจคุณเต้นไม่เป็นส่ำอีกแล้ว แค่เพราะประโยคบอกชอบที่ไม่ได้หมายถึงคุณเนี่ยนะ
"อันนี้พี่ก็ชอบ"
"You don’t get to choose if you get hurt in this world ㅡbut you do have some say in who hurts you."
เขาเว้นช่วง ไม่แน่ต้องการหายใจหรือเน้นประโยคถัดไป
" I like my choices. and i hope she likes hers. "
"เจ็บปวดในโลกนี้หรือไม่ ไม่สามารถเลือก แต่เลือกที่จะให้ใครเป็นคนทำร้ายเราได้
ผมชอบตัวเลือกนี้ และผมหวังว่าเธอจะชอบของเธอด้วย"
เขาเอ่ยอย่างแช่มช้า เหมือนหวังให้ทุกถ้อยคำซึบซาบลงในใจคุณ แววตาวาววับคล้ายผิวทะเลสาบจ้องมองมา คุณไม่กล้าคิดไปเองว่าเห็นความรู้สึกท่วมท้นอยู่ในนั้น ได้แต่พยายามข่มใจที่เต้นรัวปานกลองศึกให้สงบ แต่นั่นแทบเป็นไปไม่ได้เมื่อเห็นแสงอาทิตย์ตรงหน้า
ยิ้มนั่นสว่างไสวและอบอุ่นกว่าทินกรดวงแท้เป็นไหนๆ
สุดท้ายการพบปะครั้งนี้ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยสิ่งที่คั่งค้างออกมาเสียที
/
เที่ยงคืนสิบห้า จั๋วเฉิงพลิกกายไปมาบนเตียงนอน เข้าเน็ตฟลิกซ์ก็แล้ว อ่านหนังสือก็แล้ว ก็ยังไม่สามารถข่มตาลงหลับได้ เขาผุดลุกขึ้นมา สาวเท้าและเปิดกระจกออกไปนอกระเบียง ไฟสีเหลืองอมส้มจากหน้าต่างบานตรงหน้าทำให้อดนึกเป็นห่วงไม่ได้
ป่านนี้ยังไม่นอนอีกหรอ, เขาคิด
ลมเย็นอ่อนๆของเดือนธันวาคมปะทะใบหน้า แสงจันทร์เดือนเพ็ญอาบไล้ทั่วร่าง เสียงหวานเอ่ยเอื้อนบทเพลงด้วยเผลอไผลกับบรรยากาศรอบข้าง สายตาอ่อนทอดมองเหม่อไปด้านหน้า ใจลอยไปพร้อมแรงลม หวังให้พระพายหอบหิ้วความคิดถึงไปยังคนในห้วงคำนึง
คิดถึงผู้ใด ผู้นั้นก็มา
ไห่ควานเปิดกระจกใสและผ้าม่านออกมายืนเหยียดแขนอยู่นอกระเบียง (จะไม่บอกหรอกนะว่าได้ยินเสียงอีกฝ่ายเลยเดินออกมา)
"ไม่นอนอีกหรอเรา"
"น้องไม่หลับ หัวใจกระสับกระส่าย" คนเด็กกว่าหัวเราะ และอีกฝ่ายก็ทำเช่นเดียวกัน
"เป็นเด็กต้องรีบนอน จะได้โตไวๆ" เขาเย้า
"นี่ยังไม่โตพออีกหรอ" พูดไปก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก จะมาคิดได้ตอนมันไหลลื่นออกไปแล้ว
"สำหรับอะไรล่ะ" ไห่ควานยิ้ม แต่ไม่เหมือนดั่งอาทิตย์อบอุ่นในยามนี้ คล้ายความร้อนรุ่มไว้ล่อลวงให้เขาอยากเข้าไปเสียมากกว่า
ซึ่งหวังจั๋วเฉิงก็เต็มใจ
"งานพี่เสร็จแล้วหรอ"
"อ่าฮะ นั่งดูหนังอยู่"
"มาไหม" พี่ข้างบ้านเอ่ยชวน
"อือ" ตอบรับ ก้าวขายาวๆใต้บ็อกเซอร์สีกรมข้ามระเบียงไป (อย่างที่บอก ระยะห่างมันกว้างแค่คืบ) อีกฝ่ายยกแขนตั้งรับเผื่อคนน้องหกคะเมนลงไปบนพุ่มไม้ด้านล่างจะซวยเอา
หลอกลูกเขาเข้าห้องแถมยังทำเจ็บตัวอีก โทษสองเด้งลูกปืนสองนัดชัวร์ๆ
ทั้งสองพาร่างของตนมานั่งอยู่ข้างเตียง ความประหม่าก่อตัวขึ้นในอกจั๋วเฉิง ตีขึ้นลำคอจนอึดอัด ดวงตาเมล็ดซิ่งกวาดมองไปทั่วห้องสีขาวปลอดคล้ายสำรวจ ความพยายามหันให้ไกลสายตาคู่หนึ่งที่กำลังมองมามลายลง เพราะเสียงเรียกของอีกฝ่ายเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
"หวังจั๋วเฉิง"
เจ้าของชื่อหันไป
"พี่ชอบเรา"
ไม่ทันให้ตั้งตัว
เขาเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาราวขนนก แต่หนักแน่นดั่งศิลา ยิ่งนัยน์ตาที่สะท้อนภาพคนอ่อนวัยกว่ายิ่งชัดเจน
หลิวไห่ควานไม่เคยรู้สึกหลายอย่างขนาดนี้พร้อมกันมาก่อน
ทั้งตื่นเต้น ประหม่า เก้อเขิน เสียงดวงใจเต้นระรัวเพราะคำสารภาพที่ตนเอ่ยเองเสียอย่างนั้น น้ำลายเหนียวหนืดถูกกลืนลงอย่ายากลำบาก เขาไม่ละสายตาออกจากดวงดาวสีน้ำตาลเข้มแม้เสี้ยววินาที ใจกลัวคำปฏิเสธจะถูกกล่าวออกมา หากโดนเกลียดชังคงรับไม่ไหวเป็นแน่ ในหัวเตรียมรับความเจ็บปวดไว้หลากหลายวิธี ㅡไม่แน่แอลกอฮอล์อาจต้องการเขาอีกครั้ง
ส่วนคนฟังนิ่งค้าง ก่อนถูกคลื่นแห่งความดีใจ สับสน ตกตะลึงถาโถมเข้าใส่ใบหน้าจนเห่อร้อน คาดว่าเสียงหัวเราะติดแหบนั่นคงดังขึ้นเพราะเหตุนี้
"ทำไม" เขาถาม เสียงอ่อนด้วยความขวยเขิน
"พี่ก็ไม่รู้ อาจจะเป็นตอนเราร้องเพลง ตอนใช้น้ำเสียงแบบนั้นเรียกชื่อพี่ ตอนเรายิ้มให้ทุกครั้งที่เจอกัน ตอนใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆที่แม้แต่พี่เองยังไม่รู้ㅡ
ที่จริงคงเพราะเป็นหวังจั๋วเฉิง เพราะเราเป็นเรา เราที่พี่ชอบ"
ไม่พูดเปล่า ยังเอานิ้วก้อยมาทาบทับอวัยวะเดียวกันของคนที่ตัวแดงเป็นกุ้งสุกอีกต่างหาก
หวังเจั๋วเฉิง
อายุสิบแปดปี
สาเหตุการตาย : อุณหภูมิในตัวสูงทะลุเพดานโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า และหัวใจเต้นเร็วเกินกำหนด
ฆาตกร : หลิวไห่ควาน
"ว่าไงครับ"
"เฉิงเฉิง" เสียงทุ้มแหบเรียก ใจเริ่มแป้วเพระความเงียบงันจากคนน้อง
"ทำไมไม่บอกเร็วกว่านี้"
"ผมถอดเสื้อจนจะเป็นหวัดอยู่แล้ว"
เขาเม้มปากช้อนตาขึ้น ทำให้คนมองหัวใจเต้นข้ามจังหวะ เมื่อสมองประมวลผลได้ว่าหมายถึงเรื่องอะไรก็หัวเราะออกมาเบาๆ
"ร้าย" เขากระตุกยิ้ม
"เฉิงก็ชอบพี่"
"ที่สุดในโลกเลยใช่ไหม"
"น้อยกว่าทาร์ตไข่" เขาหัวเราะคิก คนอายุมากกว่าได้แต่บีบปลายจมูกอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยว
"ต้องโดนลงโทษแล้วมั้งเนี่ย" ไห่ควานโน้มหน้าเข้าไปหา สายตาสอดประสานกันรอให้จั๋วเฉิงเอ่ยห้าม
ㅡแต่ไม่ เขาจึงไม่รีรอทาบริมฝีปากลงไปที่หน้าผากมน จูบไล้มาจนถึงขมับ มือเรียวประคองดวงหน้าผ่องอย่างทะนุถนอม แก้มนิ่มถูกฉกฉวยด้วยรอยจูบจนถึงสันกรามและคางมน นิ้วโป้งถูกเกลี่ยบนกลีบกุหลาบนุ่มหยุ่น
ห้วงน้ำสีน้ำตาลเข้มกำลังดึงดูดให้กะลาสีจมลงไปยังก้นบึ้ง ต่างฝ่ายต่างเป็นกะลาสีพร้อมทะเลกว้างใหญ่ของกันและกัน ㅡชุ่มชื้น โอบอุ้ม และลึกล้ำ
พวกเขาดำดิ่งในช่วงเวลาที่หยุดหมุน ก่อนไห่ควานจะแนบกลีบปากลงไปลิ้มรสหวาน ใช้ฟันขมเม้มเบาๆอย่างหยอกเย้า ส่วนคนอ่อนวัยใช้ลิ้นแลบเลียอีกฝ่ายเช่นคนช่างเอาใจ ร่างสูงเอนกายเข้าหาคล้ายมีแรงดึงดูด ㅡหวังจั๋วเฉิงก็เช่นกัน มือเนียนปัดป่ายจนได้โอบลำคอแกร่งเป็นหลักยึด ทั้งคู่ยังคงทำเสียงน่าอายลอดเล็ดออกมาปลุกเร้าอารมณ์ให้ทวี ลิ้นซุกซนกวาดไปทั่วโพรงปาก ดูดดุนและบดเบียด
ไม่รู้ตอนไหนที่เฉิงเฉิงคร่อมหน้าขาอีกฝ่าย ส่วนบนยังคงเชื่อมติดกันจนคนพี่ทนไม่ไหว
"เฉิงเฉิง" เสียงพร่ากว่ายามปกติทำให้เจ้าของชื่อกลืนน้ำลายเอื้อก
"พี่จะไม่ไหวแล้ว"
"กลับห้องก่อนไหม" ยังคงเป็นสุภาพบุรุษและอ่อนโยนเหมือนเดิม แม้ไฟสีส้มยังคงโชติช่วงในแววตา
"ทำได้ไหม"
"เราพร้อมหรอ"
"อือ"
"ถ้าเจ็บหรืออยากให้หยุดบอกเลยนะ"
เด็กมอปลายลอบกลืนน้ำลาย ทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่าอาย แต่ที่เด่นชัดคงเป็นความกลัวในสิ่งใหม่ที่นึกอยากลิ้มลอง
ปากบางปรนเปรอคนในอ้อมแขนด้วยจูบไล้ทั่วร่าง ไหล่มน ไหปลาร้า วนกลับมาที่ซอกคอขาว ขบเม้มเสียจนเกิดรอยแดงเรียกเสียงหวานอื้ออึงจากลำคอ มืออีกข้างที่ว่างก็ปลดกระดุมเสื้อของชุดนอนตัวโคร่งสีขาวสะอาดจนหมด ร่างบางกำลังจะถอดออกแต่ไห่ควานเอ่ยขัดเสียก่อน
"ใส่ไว้ก็ได้"
"?" เขินแหละ แต่ก็งง
"เหมือนเสื้อนักเรียนดี"
"พี่ชอบ"
เด็กหนุ่มใช้ความพยายามพอควรไม่ให้ใบหน้าเห่อแดงไปมากกว่านี้
"เข้าคุกนะพี่"
"ไม่สน" เสียงขบขันดังขึ้น
ละมือจากร่างเนียนมาบีบเฟ้นที่ส่วนล่าง ต้นขาลามถึงแก่นกลาง เสียงครางฮึ่มฮั่มในลำคอพร้อมสะโพกที่ลงมาบดเบียดกับตักเขายิ่งเร้าอารมณ์ มือที่เชี่ยวชำนาญเกี่ยวบ็อกเซอร์ขากว้างทิ้งลงพื้นอย่าไม่ใยดี คนน้องได้เแต่ก้มหน้างุดกับบ่ากว้างอย่างเหนียมอาย
"พี่ควาน อย่าจ้องนะ"
ไห่ควานยิ้มบางอย่างเอ็นดูก่อนค่อยๆใช้มือรูดชักขึ้นลงสลับกับกดจูบอย่างมันเขี้ยว ผู้ถูกกระทำได้แต่อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขน
เขานึกอยากแกล้งจึงหยุดไปเฉยๆเสียอย่างนั้น ทำให้เด็กหนุ่มต้องกัดปากที่สั่นระริกร้องขอ
"พี่- พี่ควาน"
"คะ"
"ทำ- ต่อที" จากเด็กที่เคยพูดเยอะได้ทุกเรื่อง ตอนนี้กลับเอ่ยออกมาเป็นกลุ่มคำเท่านั้น
"ทำอะไรคะ" คนตัวโตยังทำไขสือ อยากรู้ว่าเด็กน้อยจะทำยังไงต่อ
"ใส่เข้ามา" มือเรียวไล้ลูบส่วนแข็งขืนของคนพี่
"นะครับ" เสียงหวานออดอ้อนกว่าทุกครั้ง และเขาก็ไม่คิดยั้งตัวเองอีกต่อไป
"ถ้าอยากให้หยุด เฉิงบอกพี่นะ"
เขาพยักหน้ารับ มือเหนี่ยวรั้งไว้บนบ่ากว้างพร้อมนิ้วเรียวที่ชโลมด้วยเจลแตะปากทางสีหวานของตน
"อย่างเกร็งนะเด็กดี" ร่างสูงปลอบประโลมก่อนจะสอดใส่นิ้วชี้เข้าไปสำรวจ ยังไม่ทันไรก็รับรู้ได้ถึงหยาดน้ำใสที่หยดแหมะลงบนไหล่ตน ดวงใจเขาไหววูบ จูบที่ขมับซ้ายหวังให้ผ่อนคลาย
"พี่ เจ็บ"
"ให้หยุดไหม" เขากำลังจะถอนนิ้วออก
"ไม่"
"จูบผมที"
เด็กหนุ่งรั้งใบหน้าเข้าชิด จูบครั้งที่เจ็ดของชั่วโมงนี้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ร่างกายที่เคยต่อต้่านเริ่มผ่อนคลายทำให้นิ้วเรียวชำแรกเข้าไปง่ายขึ้น ช่องทางคับแน่นทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปได้ลำบาก เขาแก้ด้วยการเพิ่มสารหล่อลื่นเข้าไปอีก ขยับเข้าออกอยู่อย่างนั้นสักพัก จากหนึ่งนิ้วเป็นสองพร้อมการดูดดึงริมฝีปากไปมา จนกระทั่งนิ้วเรียวกดที่จุดกระสันอย่างพอดิบพอดี ทำให้ร่างบางสั่นอย่างห้ามไม่ได้
"ฮ๊ะ !" ตะครุบปากตัวเองเมื่อรู้ตัวว่าเสียงน่าอายหลุดออกมาอย่างง่ายดาย
ร่างสูงยกยิ้มอย่างพอใจ เอ่ยเย้าอย่างไม่รู้เบื่อ
"ชอบไหมคะ" กระซิบข้างใบหู
คนถูกถามจี้ได้แต่เบือนหน้าหนี แม้ร่างกายจะเว้าวอน
"ตรงไหนนะ" เขาขยับไปมา เฉียดผ่านจุดที่ว่าอยู่หลายครั้งจนผู้ถูกกระตุ้นทนไม่ไหวต้องออกปาก
"ซ-ซ้าย ตรงนั้น"
"อือ อ๊ะ- พี่" เสียงหวานกระเส่า
"ใส่เข้า- ฮ่ะ มาเลย" ทั้งคู่หอบหายใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เครื่องปรับอากาศอุณหภูมิยี่สิบห้าองศาไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
ไห่ควานจัดแจงถอดเสื้อ กางเกงขาสั้นและไม่ลืมจะใส่เครื่องป้องกัน แก่นกลางที่แข็งขืนทำให้คนมองต้องกลืนน้ำลาย แม้ขนาดไม่ได้ใหญ่มากจนน่าร้องไห้แต่ก็นึกกลัวอยู่ดี ㅡนิ้วกับไอ้นั่นมันต่างกันนะโว้ย
"ถ้าเจ็บบอกพี่" ย้ำเป็นครั้งที่สามทำให้เขาอุ่นใจขึ้น
ที่จริงแค่เป็นหลิวไห่ควานเขาก็วางใจ
แรกๆที่ตัวตนของร่างสูงเข้ามาก็นึกเสียใจ (ทำไมมันเจ็บได้ขนาดนี้) แต่เมื่อพี่ควานโน้มตัวเข้ามาจูบซับน้ำตาข้างแก้มไล้ไปทั่วร่าง ก็อุ่นวาบในใจ
คนตัวโตเห็นสีหน้าเหยเกก็อดสงสารไม่ได้ นึกจะถอนกายออกแต่จั๋วเฉิงเอาแต่พร่ำบอกว่า ไม่เป็นไร ทำต่อเถอะ เขาขยับไปมาอย่างเนิบนาบกลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บไปมากกว่านี้ จนได้รับสารจากคนใต้ร่างจึงพอวางใจ
"พี่ อือ"
"จะขยับ ร-เร็ว ก็ได้ ฮ่ะ-"
ได้ยินอย่างนั้นตนก็เร่งจังหวะ เสียงเนื้ิอกระทบกันทำให้ช่องท้องหวิววาบ เสียงครางจากปากเรื่อที่บวมเจ่อจากการดูดดึงและขบเม้ม แก้มขาวผ่องตัดกับเลือดฝาด และเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายตามกรอบหน้า ทำให้เขายิ้มอย่างเอ็นดูอีกครั้ง
"พี่ อ๊า ยิ้มอะไร- อึก" ถึงจะถูกกระทั้นจากช่วงล่างแต่ยังประคองสติให้เรียบเรียงประโยคได้
"พี่ชอบเรานะ"
คำหวานอีกครั้งครา และการกระทำที่อ่อนโยนราวประคองดวงแก้ว เขาขยับอย่างนุ่มนวลแต่ทำให้รู้สึกดี ดีมากด้วย ทั้งที่ตนบอกว่าจะทำแรงๆเลยก็ได้ ยิ้มบางดั่งฤดูร้อนอบอุ่นฉายออกมาบนใบหน้าคมที่แม้มีเหงื่อที่ไหลไล้ตามสันกรามก็ยังดูดี(มาก)จนอดอิจฉาไม่ได้ หล่อเกินไปแล้ว และแววตาที่มองอ่อนลงกว่าทุกทีบอกทุกสิ่งอย่างโดยไม่ต้องเรียบเรียงคำพูด
เขาขยับเร่งเร้าและสะโพกมนก็โยกรับเมื่อใกล้จะถึงฝั่งฝัน ชื่อของอีกคนถูกขานเรียกนับครั้งไม่ถ้วน
"พี่ควาน ฮ๊ะ-"
"เฉิง- เฉิง"
หลังยามเสร็จสมไห่ควานจัดแจงทำความสะอาดคนรักด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาด เช็ดใบหน้าและร่างกายหวังให้น้องนอนหลับได้อย่างสบายตัว
"พี่ควาน ทะนุถนอมผมไปไหม" เสียงแหบแห้งจากิจกรรมเมื่อครู่ถาม
ใบหน้าเปื้อนยิ้มเอ่ยตอบพลางเกลี่ยปอยผมชื้นเหงื่อที่ปรกหน้าผากอีกฝ่าย
"รักใครก็จงถนอมเขาอย่างดี"
"แม่พี่สอนไว้"
คนฟังยิ้มกว้าง แบบที่ไห่ควานชอบมองนักหนา
พระเจ้าต้องเกลียดหวังจัวเฉิงแล้วแน่ๆ
ที่มีความสุขเกินหน้าเกินตาแบบนี้
แต่ก็ขอบคุณท่านที่ปั้นมนุษย์คนนี้ออกมาได้อย่างดีล่ะนะ
"พระเจ้าสร้างพี่มายังไงเนี่ย"
"ทำไมดีแบบนี้"
ทั้งคู่ยิ้มและหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ตีหนึ่งครึ่ง
แสงจันทร์ที่โลดแล่นบรรเลงเพลง
พร้อมสองดวงใจกำลังเต้นรำ
และเขาทั้งคู่นึกขึ้นได้ว่า
ชั่วนิรันด์มีอยู่จริงในห้วงเวลาอันกระจ้อยร่อย
เป็นเช่นนี้นี่เอง
/
จบ
มาติชมก่นด่าได้ที่ใต้ทวิตฟิคนี้เลยนะคะ ชอบอ่านมาก ไม่ต้องเขิน ออกมาซะดีๆ
ด้วยรัก
ชั่วนิรันด์มีอยู่จริงในห้วงเวลาอันกระจ้อยร่อย
ตรงนี้มากๆ เลยค่ะ