สำหรับคนส่วนมากแล้วคงอยากจะมีชีวิตที่โตขึ้นมากกว่าที่ตัวเองเป็นตอนนี้ ตอนเด็กก็อยากโต ตอนเรียนมัธยมก็อยากเรียนมหาลัย และพอเรียนมหาลัยก็อยากทำงาน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่พอเรียนจบแล้วจะมีงานทำเลย และมีเหล่าแกะน้อยที่กำลังจะเติบโตเคว้งคว้างตอนเรียนจบอยู่ไม่ใช่น้อย ฉันคือหนึ่งใน
นั้น
มองดูเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เขามีงานทำกันก็รู้สึกอิจฉาและน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองว่าเราดีไม่พอหรือ ไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง พอบริษัทเห็นว่าเรียกเงินเดือนสูงเกินเรตเด็กจบใหม่ที่สังคมคาดหวัง ก็โดนพูดจาดูถูกถากถาง
"น้อง อย่างน้องที่เพิ่งเรียนจบไม่มีประสบการณ์อะไรเลย พี่แนะนำว่าถ้าไปสมัครที่ไหนเงินเดือนเด็กจบใหม่จะได้หมื่นแปดเท่านั้นแหละ"
ขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับความหวังดี ความมั่นใจในความสามารถของฉันมันหดกลับไปเหมือนคอเต่าที่กลัวมากจนไม่สามารถเอาหน้าออกมาได้เลย
ฉันไม่กล้าที่จะสมัครงานที่ตรงกับความต้องการและคุณสมบัติของตัวเอง เพราะคิดว่าคงคาดหวังสูงเกินไป เราจบใหม่ เราได้แค่นี้ เราอย่าคาดหวังอะไรมาก ฉันเริ่มสมัครงานไปเรื่อย ไล่ไปตั้งแต่พนักงานขายประกันไปจนถึงพนักงานขายของตามบูธ หวังแค่ว่าจะได้งานสักอาชีพทำเพื่อหาเงินเดือนเลี้ยงตัวเอง ฉันลดคุณค่าตัวเอง มาตรฐานของตัวเอง จนฉันสูญเสียความมั่นใจไป จนฉันคิดว่าตัวฉันไม่มีอะไรดีเลย.....
แล้ววันหนึ่งมีคำพูดหนึ่งแว่วเข้าหูฉันมาว่า
"ไม่ต้องรีบ เราเพิ่งเรียนจบ อย่ากดดันตัวเองอะไรขนาดนั้น เราเก่ง เรามีความสามารถ อย่าให้ใครมาลดทอนความสามารถของเราเลย ใจเย็น ๆ อย่าให้สังคมรอบข้างมาบีบบังคับ"
ฉันจึงถึงบางอ้อว่า เออว่ะ เรากดดันตัวเองมากไปจริง ๆ เรายอมให้อิทธิพลรอบข้างมาขีดเส้นทางเดินชีวิตของเรา หลังจากนั้นฉันปล่อยวางได้มากขึ้น ไม่เอาบรรทัดฐานและคุณภาพชีวิตของคนอื่นมาตัดสินตัวเอง และบอกคนรอบข้างเสมอว่าอย่ากดดันตัวเอง
ชีวิตเรามีแค่นี้ อย่าใจร้ายกับตัวเองมาก ให้เวลาชีวิตได้พักบ้าง เหนื่อยกับอะไรก็วางลงสักพัก อะไรที่เรารอคอยจะเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมนั่นแหละ เรื่องของจังหวะชีวิต
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in