"ถ้าจะโชคดีขนาดนี้... กูว่าบุญเก่าคงหมดแล้วอะ"
ครืด.... ครืด.... เสียงสั่นเตือนของโทรศัพท์ที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ ร้องเตือนพร้อมข้อความจากแอพพริเคชั่น Messenger ที่ไม่รู้ว่าอะไรไปดลใจท่านมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กให้แยกมันออกมาจาก Facebook
"รบกวนขอเบอร์ติดต่อ..."
สิ่งที่แสดงโชว์ขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้ผมรีบปลดล็อกโทรศัพท์และเข้าไปดูมัน พร้อมกับใจที่เต้นแรงขึ้นๆ และใช่ครับ... ผมเป็นผู้โชคดีที่ร่วมกิจกรรมของเพจ Eazy FM และได้ไปร่วม Meet & Greet กับ Troye Sivan นักร้องที่ผมโคตรจะหลงรัก
ผมจำได้ว่าผมเคยฟังเพลงของ Troye ครั้งแรกผ่าน Playlist ของแอพฟังเพลงของ Smartphone เจ้าหนึ่ง เพลงนั้นคือเพลง Blue จากอัลบั้ม Blue Neighborhood ผมเปิดฟังเพลงนั้น วนซ้ำไป ซ้ำมา เกือบทั้งคืน และผมก็พบอีกว่าไม่ใช่แค่เพลง Blue เพลงเดียวที่ทำผมดิ่งไปกับเสียงร้องและท่วงทำนอง แต่! เป็น! ทั้ง! อัลบั้ม!
หลังจากวันนั้นผมก็ตามเปิดดูเพลงของ Troye ไปเรื่อย จนเจอเข้ากับช่องในยูทูบของเค้า ผมตามดูตั้งแต่คลิปแรกจนคลิปสุดท้าย ตั้งแต่ร้องเพลงCover ไปจนแว๊กขนหน้าแข้ง คำว่า "Really Really..." ยังติดอยู่ในหัวผมตอนนี้อยู่เลยครับ
กลับมาเรื่องการไป Meet & Greet กันต่อนะครับ... งาน Meet แบ่งออกเป็น 2 วันครับ วันแรกจะเป็น Listening Session ที่จะเอาเพลงในอัลบั้มที่ (ตอนนั้น) ยังไม่ออก มาเปิดให้แฟนๆฟังพรีวิวกันก่อน และวันที่ 2 จะเป็นวันของการสัมภาษณ์จากสื่อต่างๆ
ในส่วนของ Listening Session นั้นทางทีมงานได้เปิดเพลงของอัลบั้ม Bloom ให้ฟังและ Troye จะพูดถึงที่มาและแรงบันดาลใจของเพลงและอัลบั้ม โดย Troye ได้บอกว่า อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ตนเองต้องการเก็บไว้เป็นเหมือนบันทึกความทรงจำของตัวเค้าเองว่าตัวเค้ามีความสุขมากขนาดไหน หากเวลา 10 20 30 ปีผ่านไป เมื่อเค้าเปิดมันขึ้นอีกครั้ง ก็จะทำให้ตัวเค้าจำความสุขนี้ได้ Troye ยังพูดอีกว่าอัลบั้มนี้จะไม่ใช่ Sad Gay Music อย่างอัลบั้มก่อน แต่จะเป็นอัลบั้มที่เต็มไปด้วยความสนุกและ Passion ที่ตัวของเค้ามี
เพลงที่เปิดในวันนั้นมีอยู่ 3 เพลงคือ Animal, Seventeen และ Lucky Strike โดยเพลง Animal จะเริ่มต้นด้วยเสียงของพายุฝน Troye บอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เหมาะกับวันที่ฝนตก แม้ดนตรีจะให้ความรู้สึกของการดำดิ่งเหมือนอยู่ใต้มหาสมุทร แต่ความหมายของเนื้อเพลงหมายถึงการที่เมื่ออยู่กับใครซักคนที่เรารักและเรารู้สึกปลอดภัยจนสามารถเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ใช้เพียงสัญชาตญาณของเราเหมือนกับสัตว์ป่า ส่วนที่ผมชอบที่สุดของเพลงนี้ต้องยกให้ส่วนที่ดนตรีดรอปและใส่เอฟเฟคของวิทยุเข้ามา มันเป็นช่วงดรอปที่ตัดกับจุดพีคได้อย่างลงตัวมาก
เพลงต่อมาคือเพลง Seventeen เป็นเพลงที่ Troye เขียนขึ้นมาเพราะตนเองอยากกลับไปใช้ชีวิตในช่วงวัย 17 ปีที่ตัวเค้าไม่มีโอกาสได้ใช้ ซึ่งเป็นช่วงที่มีอิสระและสุดเหวี่ยงที่สุดของคนทั่วไป ทั้งการปาร์ตี้, จูบแรก, แฟนคนแรก, Making out เค้าจึงเขียนเพลงนี้ขึ้นมาบรรยายความรู้สึกของการเป็นผู้เฝ้ามองช่วงเวลาเหล่านั้น
เพลงสุดท้ายคือ Lucky Strike ซึ่ง Troye ตั้งใจให้เพลงนี้เป็น The Perfect Pop-Music ที่พูดถึงความโชคดีด้านความรักของเค้า และเพลง Lucky Strike นี้เป็นเพลงที่ Troye ร่วมกันทำกับเพื่อนสนิทของเค้า Alex Hope เป็นเพลงที่สองต่อจากเพลง Blue (เพลงโปรดของข้าพเจ้าาา) เนื้อหาของเพลงเกี่ยวกับประสบการณ์ความรักของเค้าที่เหมือนกับรสชาติของบุหรี่ Lucky Strike
หลังจากการฟังเพลงของ Lisenting Session ในวันแรกจบลง วันที่สองซึ่งเป็นวันที่เปิดให้สื่อต่างๆสัมภาษณ์ Troye และเป็นวันที่ผมจะได้คุยแบบนังโซฟาเดียวกับ Troye แค่คิดถึงก็ดีใจตัวสั่นละครับ วันที่สัมภาษณ์เป็นวันที่ผมตื่นเต้นจนเกร็งไปหมด ทั้งได้เห็น Troye ตัวเป็นๆและใกล้ๆ ตัวจริง Troye สูงมากครับ (หรือจริงๆ กูเตี้ยวะ) ผอมมากด้วย วันนั้นเค้าดูค่อนข้างเหนื่อย (เราได้เป็นคิวสัมภาษณ์เป็นคิวสุดท้ายของวัน) แต่ก็ยังยิ้ม ยังมีเอเนอจีอยู่ ตัวจริง Troye เฟรนลี่มากกกก ขอถ่ายรูปก็ชวนคุยถามเป็นยังไงบ้าง เดินทางเหนื่อยไหม กลับวันไหน และตอนสัมภาษณ์ก็พยายามตอบให้ยาวหาเรื่องมาเล่า ตั้งใจฟังและยิ้มตลอด
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Eazy FM และ Universal Music Thailand ที่จัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ขึ้นมาครับ และขอบคุณพี่แชมป์และพี่ต้นที่ดูแลอย่างดีตลอดทริปครับ และขอบคุณ Troye Sivan, My Milestone.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in