อิลยา ไนชูล์เลอร์ชาวรัสเซียเคยเป็นนักดนตรีร็อค ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์หลังมิวสิกวีดีโอเพลง Bad Motherer ของวง Biting Elbows โด่งดังในโซเชี่ยลมียอดวิวยูทูปกว่า30ล้านวิว จากการถ่ายทำโดยใช้มุมมองกล้องผ่านสายตาบุคคลที่หนึ่งคล้ายๆกับการเล่นเกมส์แนวแอ็คชั่น อาทิ Doom , Call of Duty และCounter Strike เพราะตัว อิลยา เองก็ชอบเล่นเกมส์
เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดจากมุมมองของบุคคลที่ 1(First Person Perspective) ในภาพยนตร์ แอคชั่นที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็วอยู่ตอนทั้งเรื่องจึงไม่เหมาะสมต่อผู้ที่เวียนหัวง่ายอย่างมากพลอตเรื่องจริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรมาก แต่มีปมมากกว่า1 ปม และมีความหักมุมอยู่ในตัวปมแต่ละปมจะบอกว่าถ้าหนังถ่ายทอดออกมาในแบบมุมมองของภาพยนตร์ทั่วไปที่ดูเรื่องแบบกว้างๆเราเข้าใจสถานการณ์ต่างๆมากกว่าตัวดำเนินเรื่อง ก็อาจจะสนุกเหมือนกันแต่เมื่อหนังถ่ายทอดออกมาในแบบมุมมองบุคคลที่ หนึ่ง ทำให้เรารู้พอๆกับตัวเดินเรื่องซึ่งก็คือ Henry ทำให้เราเข้าใจสถานการณ์พอๆกับ Henry เราจึงเข้าใจตัวละครมากขึ้นว่าเค้าน่าจะคิดอะไร รู้สึกยังไง และจะทำอะไรต่อไป
ผมเชื่อว่าหลายต่อหลายคนที่เห็นตัวอย่างหนังเรื่องนี้คงเกิดอาการผวากันไปก่อนล่วงหน้าเข้าไปดูหนังจริงๆเพราะกลัวว่ากล้องแนว First Person Point of View (POV) หรือมุมกล้องสายตาของตัวละครหลักซึ่งจะว่าไปแล้วมุมกล้องแบบนี้อาจจะดูโฉบเฉี่ยวมากกว่ากล้องแบบหนังที่ตัวละครถือกล้องส่ายไปส่ายมาก็จริงแต่สำหรับ HARDCORE HENRY ก็ไม่ได้เคลื่อนกล้อง(หรือสายตาคนดู)แบบหนักหน่วงมากนักมันมีช่วงหนักและเบาสลับคละเคล้ากันไปจนคนดูไม่ถึงขั้นอยากอ้วกกลางโรงหนังแต่ก็เช่นกันถ้าหากคุณดูหนังเรื่องนี้บนจอใหญ่ๆก็ควรนั่งให้ห่างจากตัวจอโรงหนังอย่างน้อยค่อนมาทางข้างหลังโรงจะช่วยให้สายตาของคุณปรับสภาพได้ดีกว่า
ตัวหนังเริ่มเปิดเรื่องราวมาที่เฮนรี่ชายหนุ่มผู้สูญเสียความทรงจำหลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาได้พบก็คือเอสเตลล์ภรรยาของเขาที่ดูเหมือนเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังช่วยซ่อมแซมร่างกายของเขาให้กลับมามีรูปร่างเหมือนมนุษย์อีกครั้งแต่ทุกอย่างยังไม่ทันจะเข้าที่เข้าทางกองกำลังลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนที่เฮนรี่จะรู้ตัวว่าเขาอยู่ที่ไหนวินาทีต่อมาเอสเตลล์ก็พาเขาหนีโดยขึ้นกระสวยลงจากยานไปยังพื้นดินด้านล่างแต่ทุกอย่างก็วุ่นวายกว่าเดิมเมื่ออคันหัวหน้ากองกำลังทหารที่มีแผนการจะยึดครองโลกลักพาตัวเอสเตลล์ไปเขาจึงต้องออกตามหาภรรยาของเขานอกเหนือไปจากนี้ยังมีชายปริศนาที่ชื่อจิมมี่ ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือเฮนรี่
เงื่อนไขอย่างแรกที่ตัวหนังทำให้ผู้ชมกลายร่างเหมือนเป็น“เฮนรี่” ก็ด้วยการใช้สายตาแทนตัวละคร ไปเลยสิ่งที่เกิดอยู่ตรงหน้าคือสิ่งเดียวกับสิ่งที่เฮนรี่เห็นและอีกเงื่อนไขเดียวกันที่ทำให้คนดูรู้สึกใกล้ชิดเฮนรี่มากขึ้นกว่าเดิมอยู่ตรงที่ว่าตัวละครนี้“พูดไม่ได้” สอดคล้องกับการที่ผู้ชมต้องนั่งดู “เงียบๆ” ในโรงยิ่งทำให้เรามีความรู้สึกแบบเดียวกับตัวละครจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน
สิ่งเหล่านี้จะไม่ทำให้คนดูเชื่อได้เลยถ้าหากสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าปราศจากความสมจริง บรรดาฉากแอ็คชั่นระเบิดโครมครามนั้นผ่านการออกแบบจนคนดูเชื่อเสียสนิทใจเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆทั้งที่ความเป็นจริงแล้วภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นผ่านกระบวนการออกแบบงานสร้างมาแล้วทั้งการเคลื่อนกล้องคิวนักแสดงคิวสเปเชียลเอฟเฟคจนทุกอย่างมันดูเกิดขึ้นจริงจนไร้รอยต่อใดๆและเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดูไหลลื่นเหมือนไม่มีตะเข็บระหว่างฉาก(แม้ว่าบางเหตุการณ์ตัวละครเฮนรี่จะมีอาการภาพตัดไปเป็นระยะเพื่อย่นเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตามที)
จุดที่ดีของหนังก็กลายเป็นจุดที่แย่ของหนังเรื่องนี้ได้เหมือนกันในขณะที่เราดูฉากยิงแหลกแจกกระสุนด้วยความสะใจ เรากลับพบว่าฉากที่เน้นการเตะต่อยนั้น ถึงจะหนักหน่วงสะใจแค่ไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า“มันดูไม่รู้เรื่องจริงๆ” ตอนปะทะกับศัตรูนับสิบ คือยอมรับครับว่า “เมาจริง” คือมันโคตรมั่ว โคตรเร็ว โคตรจะดูไม่ออกเลยว่าทำอะไรยังไง…ถึงจะบอกว่ามันเรียลในช่วงเวลาคนเราโดนยำตรีนมันก็มั่วๆแบบนี้แต่ในแง่ของภาพยนต์แล้ว ตรงนี้ไม่สามารถนำเสนอในส่วนของการ”ให้ความบันเทิง”ที่ดีนัก ตรงนี้จำใจหักจริงๆ
หนังสนุกไหม สำหรับผม มันบู๊ระเบิดเมืองก็จริงดูก็รู้เลยว่า โจทย์ของหนังเรื่องนี้คือการเอาสิ่งที่มีอยู่ในเกมส์โดยเฉพาะเกมส์ประเภท FPS มาใส่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วดูว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรสำหรับผมมันเป็นภาพที่น่าหดหู่มากกว่าที่จะสนุกแต่ผมว่านั้นแหละวัตถุประสงค์ของคนทำหนังที่อยากให้คนเห็นว่าชีวิตจริงถ้าเจออย่างในเกมส์ มันไม่สนุกเลยสักนิด
คนที่ชอบเล่นเกมส์แนว FPS จะดูรู้สึกเฉยๆกับภาพที่ชวนให้อ้วกแต่สำหรับคนยังไม่เคยดูหนังแนวนี้เลยอาจจะต้องเตรียมถุงสักนิดอาจจะวินหัวจนอาจจะอ้วกได้
สำหรับคะแนน 8/10 คะแนน
เล่นจากมุมมองของตัวครเหมือนเป้นคนเล่นเอง