As He Came Into The Window
It Was The Sound Of A Crescendo
He Came Into Her Apartment
He Left The Bloodstains On The Carpet
So They Came Into The Outway
It Was Sunday-What A Black Day
Mouth To Mouth Resus-Citation
Sounding Heartbeats-Intimidations
She Was Struck Down, It Was Her Doom.
From Smooth Criminal – Michael Jackson
______________________________________
สมบูรณ์แบบ
เขามองเห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้า สัมผัสได้ถึงเลือดเนื้อระอุที่ไหลรินผ่านผิวหนังอ่อนนุ่มเบื้องล่าง งดงาม – ได้กลิ่นของความกลัวและผวาหวั่นที่รุนแรงเสียจนทำให้ล่องลอย
ไม่ต้องกลัว หมาป่ากระซิบอยู่ในหูของเขา เหยื่อเป็นของพวกเรา รีมัส ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน
แสงจันทร์นวลยะเยือกปลุกพละกำลังที่ถูกกดทับให้เต็มตื้นอย่างน่าปีติ เขาย่อตัวลง – สมองสับสน ภาพเบื้องหน้าเลือนรางราวมีม่านหมอกมาปกคลุม สภาพจิตใจของเขาสับสนปนเปไปกับสัญชาตญาณของสัตว์ป่าที่หลั่งรินเข้ามาในกระแสเลือด – เตรียมพร้อมที่จะกระโจนเพื่อฆ่าฟัน
เห็นนัยน์ตาสีดำที่เบิกกว้างขึ้น ดวงหน้าขาวซีดล้อมรอบด้วยกรอบผมสีเข้มจัดไร้สีเลือดราวแผ่นกระดาษ – ริมฝีปากบางนั้นขยับขึ้นลงออกมาเป็นคำที่เขาไม่เข้าใจ
“ลูปิน..ที่แท้แก…มนุษย์หมาป่า!”
หมาป่าภายในตัวส่งเสียงคำรามด้วยความพึงพอใจ เหยื่อรู้จักมัน!
เหยื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร รู้ว่าเป็นสัตว์ร้ายที่น่าชิงชังแค่ไหน
ฉับพลัน ก่อนที่มนุษย์หมาป่าจะได้ครอบครองเหยื่ออันชอบธรรมของมัน ร่างผอมบางนั้นก็หายไปจากสายตา หายไป…ราวกับไม่เคยมีมาก่อน
นัยน์ตาสีดำแสนลึกลับคู่นั้นหายไปเสียแล้ว สีเดียวที่บ่งบอกถึงความมืดภายในตัวเขาหายไปเสียแล้ว
แสงจันทร์ยิ่งทวีความหนาวเหน็บขึ้น เขารู้สึกถึงความเสียววาบเจ็บปวดในอก เป็นความรู้สึกของการอยู่คนเดียว --ความรู้สึกของการที่ถูกพรากจากสิ่งที่เพียงแค่อีกนิดเดียวก็จะได้มันมา
ทำไม!
เพียงจินตนาการถึงลำคอที่ถูกฉีกเปิดกว้าง เลือดสีเข้มไหลกระเซ็นออกมาราวน้ำพุในมหาวิหาร –มันช่างเจิดจ้าจนชวนให้ลืมหายใจ -- แขนอ่อนแรงที่สั่นกระตุกยามที่เหยื่อพยายามจะผลักร่างหนาหนักของเขาออกไปแม้จะใกล้สิ้นลม – งดงาม งดงาม งดงาม…
แต่มันหายไปเสียแล้ว ทิ้งเขาไว้เพียงกับความกระหายอยากอันรุนแรงและบ้าคลั่ง
โดยไม่ทันได้รู้ตัว… กลิ่นของ เหยื่อ ได้สลักลงในจิตใจของรีมัส ลูปิน และมนุษย์หมาป่าภายในเขานับแต่นั้นเป็นต้นมา
และเขาไม่เคยลืมมันแม้แต่เสี้ยววินาที
++
รีมัส ลูปินถอนหายใจอย่างแช่มช้า นัยน์ตาอำพันของเขาจับจ้องไปยังกระเป๋าเดินทางของตนเองด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ตนเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
งานของเขา…ภาระหน้าที่หนึ่งเดียวในฐานะของศาสตราจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดจบลงแล้ว…
ขอบตาของชายหนุ่มร้อนผ่าว เป็นความผิดของเขาเองรึเปล่าที่ลืมดื่มน้ำยาวูล์ฟเบนส์ในคืนนั้น เป็นความผิดของเขารึเปล่าที่ยอมรับงานที่ดัมเบิลดอร์เสนอให้มาตั้งแต่ทีแรก ทั้งๆที่ไม่มีใคร…ไม่มีใครไว้วางใจมนุษย์หมาป่าอยู่แล้วแท้ๆ…
นาฬิกาบนผนังห้องส่งเสียงเบาๆหนึ่งครั้ง บ่งบอกให้ลูปินรู้ว่ายามเที่ยงคืนได้ผ่านพ้นไปแล้ว ป่านนี้ทุกคนในปราสาทคงจะนอนหลับกันหมด เขารู้สึกถึงก้อนขมๆบางอย่างที่แล่นมาจุกที่ต้นคอ
พรุ่งนี้ ข่าวลือก็จะแพร่สะพัดไปหมด ทุกคนจะรู้ รู้ว่าเขาคือตัวอะไร
ลูปินมองประเป๋าเดินทางของตนเองอีกครั้ง คราวนี้เขารู้สึกถึงอารมณ์แปลกประหลาดที่ท่วมท้นเข้ามาในจิตใจ เป็นอารมณ์ที่เขาไม่ได้รู้สึกถึงมันมานานแล้ว – บางสิ่งบางอย่าง ที่เขากลบฝังมันไว้ลึกในจิตใจ
ความเกรี้ยวกราด
ทำไม
ทำไมคุณต้องทำอย่างนี้ เซเวอร์รัส
คุณยังทำลายชีวิตผมไม่พออีกหรือไง
ลูปินลุกขึ้นยืนเหมือนต้องมนตร์สะกด ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวยาวๆออกจากห้อง จุดมุ่งหมายของคือคุกใต้ดินนั่นเอง – ที่ๆเป็นห้องพักของคนที่เขาอยากพบมากที่สุดในตอนนี้
ไม่ -- ไม่ใช่คำว่า “อยากพบ” แต่เป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น โหดร้ายกว่านั้น
เขาแค่อยากรู้เหตุผล แค่นั้นจริงๆ
++
บริเวณคุกใต้ดินยังคงหนาวเย็นเหมือนเคย ลูปินยืนค้างอยู่ที่บานประตู มองตรงเข้าไปในนั้น
ห้องนอนของเซเวอร์รัส สเนปไม่มีอะไรเหมือนที่เขาจินตนาการไว้เลยแม้แต่น้อย ( -- เตียงสีทะมึนแบบโกธิคพร้อมสัญลักษณ์รูปงู แถบชั้นวางยาพิษขนาดหลากหลายสีสัน พร้อมด้วยโครงกระดูกของเด็กนักเรียนที่ถูกทรมานจนตายห้อยร่องแร่งอยู่ในตู้เสื้อผ้า --) ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย เท่าที่เห็นแล้ว มันก็ดูเหมือนห้องนอนของคนทั่วไป เกือบจะเหมือนเตียงสี่เสาในหอกริฟฟินดอร์ด้วยซ้ำ ลูปินคิด
ถ้าหากห้องนอนของสเนปเป็นอะไรที่เขานึกไม่ถึงแล้ว สิ่งที่ลูปินไม่ได้คาดคิดยิ่งกว่า คือการที่อีกฝ่ายไม่ใส่เสื้อผ้านอน
เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าสเนปยามเปลือยกายเป็นอย่างไร ไม่เคยจินตนาการท่อนแขนผอมบางนั้นวางพาดกึ่งๆจะหล่นจากขอบเตียง แขนขาสะเปะสะปะไปทุกทิศทุกทางราวกับเด็กๆ ไม่เคยจินตนาการถึงผ้าห่มที่ถูกถีบร่นลงมาจนถึงข้อเท้า สีดำเข้มของมันตัดกับผิวขาวซีดราวหินอ่อนของอีกฝ่ายอย่างน่าขนลุก
ใบหน้ายามหลับของสเนปดูอ่อนเยาว์ เหมือนนิทราได้ลบร่องรอยแห่งกาลเวลาของเขาไปหมดสิ้น ริมฝีปากบางที่มักขยับรอยยิ้มเยาะอยู่ประจำนั้นเผยอออกน้อยๆ ปลดปล่อยลมหายใจที่สม่ำเสมอเข้าจังหวะกับแผ่นอกที่ขยับขึ้นลงช้าๆ
ในมือข้างซ้ายของสเนปมีไม้กายสิทธิ์กำแน่นอยู่ในมือ ทั้งที่หลับอยู่แท้ๆ ลูปินไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าจุดจบของคนที่บุกรุกเข้ามาในห้องสเนปจะเป็นเช่นไร แต่คนพวกนั้นไม่ได้มีฝีเท้าที่แผ่วเบาเหมือนเขา ไม่ได้มีประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์อย่างเขา
ดูเหมือนศาสตราจารย์วิชาปรุงยาหนุ่มกำลังอยู่ในฝันที่แสนสุข และความจริงข้อเองนี้ทำให้อารมณ์รุนแรงของลูปินปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“แอคซิโอ ไม้กายสิทธิ์สเนป!”
ท่อนไม้เอโบนี่สีดำสนิทแล่นเข้าสู่ฝ่ามือที่รอรับของลูปิน ชายหนุ่มขยับยิ้มน้อยๆด้วยความพึงพอใจ แต่การเคลื่อนอย่างฉับพลันนั่นเองที่ส่งผลให้สเนปลืมตาขึ้น ตื่นจากความฝันโดยสมบูรณ์
“ลูปิน!” ชายหนุ่มจ้องเขม็ง “นี่มันหมายความว่า -- ”
“อินคาเซอรัส!”
ร่างผอมบางของสเนปกระตุกเฮือก ก่อนที่ข้อมือทั้งสองข้างของเขาจะถูกเชือกเวทมนตร์รัดไว้กับหัวเตียงอย่างแน่นหนา ชายหนุ่มพยายามดิ้นรน แต่มันไร้ผล
“จะบ้ารึไง! แก..ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
ลูปินลดไม้กายสิทธิ์ลงช้าๆ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย นัยน์ตาสีอำพันของมนุษย์หมาป่าหนุ่มเลื่อนมองอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา ราวนักล่าที่จับจ้องเหยื่อ แต่รอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากของเขายังเต็มไปด้วยความสุภาพตามปกติ
“ไง เซเวอร์รัส” เขาทัก
สเนปแยกเขี้ยวใส่เขา ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยโทสะ
เมื่อแน่ใจว่าสเนปไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว ลูปินจึงตัดสินใจนั่งลงข้างเตียง เขาแสร้งมองไม้กายสิทธิ์ของอีกฝ่ายที่อยู่ในมือด้วยท่าทางสนใจ “คุณมีไม้กายสิทธิ์ที่ดีนี่”
“…แกต้องการอะไร”
มือของลูปินชะงักกึก ก่อนที่เขาจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาของชายหนุ่มเย็นเยียบลง
“คุณก็น่าจะรู้ว่าผมต้องการอะไร”
ใบหน้าของสเนปซีดเผือดลงชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากบางๆของเขาจะบิดเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มรวบรวมความกล้าของตนได้อย่างน่าดูชม “อะไรกัน อย่าบอกนะว่าแกโกรธฉัน มนุษย์หมาป่า?”
ลูปินไม่ตอบ เขาโยนไม้กายสิทธิ์ของสเนปลงกับพื้น ไม่ละสายตาจากอดีตเพื่อนร่วมงานแม้แต่วินาทีเดียว มันกลิ้งหลุนๆเข้าไปใต้ตู้เสื้อผ้า มนุษย์หมาป่าหนุ่มสัมผัสได้ถึงสายตาของสเนปที่จับจ้องตามมันไปอย่างสิ้นหวัง แล้วความพึงพอใจพุ่งพรวดขึ้นมาในสำนึกของเขาอีกครา
เขาได้กลิ่นของความกลัว กลิ่นอันคุ้นเคยค่อยๆแผ่ออกมาจากคนตรงหน้า
“ลูปิน ฉันขอบอกว่านี่เป็นการเล่นไม่เข้าท่าที่สุดที่ฉัน --- ”
นัยน์ตาของลูปินสว่างวาบ ก่อนที่รอยยิ้มดุร้ายจะวาดขึ้นบนใบหน้า ของเขาช้าๆ สเนปสะดุ้งน้อยๆ ตัวสั่นราวกับลูกนกบาดเจ็บอยู่ภายใต้ฝ่ามือ นัยน์ตาสีดำคู่สวยนั้นเบิกกว้างขึ้น ชายหนุ่มไม่สงสัยเลยว่าสเนปเห็นอะไรในแววตาของเขา
มนุษย์หมาป่า มนุษย์หมาป่า
“คุณรู้อะไรไหม เซเวอร์รัส” ลูปินพูด จ้องมองใบหน้าของสเนปด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเขาเองยังคิดว่ามันคลุ้มคลั่ง “ผมไม่เคยล้อเล่นกับใคร”
สเนปหุบปากเงียบสนิท กลิ่นอายของความหวาดหวั่นรุนแรงมากขึ้นไปอีกจนเกือบจะเหมือนสารเสพติด น้ำเสียงของลูปินเย็นชา พอๆกับนัยน์ตาของเขา แต่รอยยิ้มบางๆยังคงประดับอยู่ที่มุมปาก ความตื่นตระหนกวาบขึ้นในดวงตาของสเนปเมื่อลูปินคลานขึ้นมาบนเตียงเต็มตัว จากนั้นก็ขึ้นคร่อมเขาโดยสมบูรณ์
ริมฝีปากของสเนปสั่นระริก ใบหน้าของเขาขาวซีด เขาพยายามกระชากข้อมือของตนออกจากพันธนาการอย่างบ้าคลั่ง แต่ผลที่ได้กลับเป็นเลือดสีแดงเข้มที่ค่อยๆไหลเรื่อยลงมาตามท่อนแขนแทน
กลิ่นเลือด
ลูปินสัมผัสเนินแก้มของสเนปอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะเลื่อนมันลงมาตามลาดไหล่ขาวซีดนั่น พระเจ้า เขาไม่อยากจะยอมรับ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยากจะทำร้ายสเนป กลับกัน--
เขาอยากได้สเนป เขาอยากเห็นใบหน้านั่นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดและหฤหรรษ์อยู่ภายใต้ร่างของตน
“…ไม่ ไม่ ไม่….”
ความหวาดกลัวเข้าครอบงำสติสัมปะชัญญะของอีกฝ่ายแล้วในตอนนี้ ลูปินหัวเราะเสียงทุ้มต่ำในลำคอ รู้สึกว่ามันเหมือนกับเสียงคำรามของสัตว์ป่ามากกว่าเสียงของมนุษย์
เขาเอื้อมมือไปกุมร่างกายท่อนล่างของสเนป ก่อนที่จะดึงมันขึ้นช้าๆ นัยน์ตาของสเนปเบิกกว้างขึ้น ก่อนเสียงหายใจกระตุกๆจะหลุดพ้นออกมาจากริมฝีปาก ใบหน้าขาวซีดของศาสตราจารย์ปรุงยาหนุ่มเกลื่อนไปด้วยความขยะแขยงและหวาดกลัว “อย่าแตะต้องฉัน!”
กลิ่นเลือดและความรู้สึกที่เป็นฝ่ายกุมชัยเข้าครอบครองความคิดของลูปินโดยสิ้นเชิง เขามองสเนปเนิ่นนาน ก่อนที่จะปล่อยมือ รู้สึกหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นรัวแรงอยู่ในอกราวนกในกรง
“คุณจะเอาอย่างนั้นก็ได้”
โดยไม่รอคำตอบ – ลูปินเหวี่ยงเสื้อคลุมของเขาทิ้งไปข้างๆ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกด้วยท่าทางสบายๆไม่รีบร้อน สเนปกัดริมฝีปาก
“แกจะต้องเสียใจ ลูปิน” เขาพูดเบาๆ “แกจะต้องเสียใจ… ซิเรียสเพื่อนยากจะพูดว่ายังไงนะ? หมอนั่นจะคิดยังไงที่แกทำอย่างนี้กับ สนิฟเวลลัส หืม ?”
“หุบปาก” ลูปินพูดง่ายๆ “คุณไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง”
เสียงเคล้งของเข็มขัดตกกระทบพื้นดังกังวาน ท่ามกลางเสียงลมหายใจหอบของสเนปและเสียงฮัมเพลงเบาๆของลูปิน
“แกมันบ้าไปแล้ว”สเนปกระซิบเสียงแผ่ว
แทนคำตอบ ลูปินก้าวออกมาจากกางเกงของเขาที่บัดนี้ลงไปกองอยู่ที่พื้น สเนปดูจะแข็งค้าง จ้องมองตรงมาที่ร่างกายของลูปินด้วยความไม่ชอบใจอย่างเปิดเผย
ลูปินรู้ว่าบนร่างกายเขามีอะไร – รอยแผล – รอยที่เกิดจากการทำร้ายตนเอง กรงเล็บของมนุษย์หมาป่าที่ไม่อาจเชือดเฉือนอะไรได้ จึงทำได้เพียงจิกลึกลงในกายตนด้วยความขุ่นเคือง เวลาสามสิบกว่าปีเขาที่ต้องอดกลั้นความกระหายต่อเลือดเนื้อของมนุษย์ ทุกชั่วโมงและวินาทีที่เขาเกลียดคำสาปนี้ แต่ก็ไม่อาจเลิกโหยหาความรู้สึกนั้นได้เสียที
ทุกส่วนในร่างกายเขากำลังกรีดร้อง คำรามออกมา ให้จัดการเหยื่อที่นอนอยู่เบื้องหน้า
ด้วยความรู้สึกราวกับชายที่กระหายน้ำและร่อนเร่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย
“ผมเกือบจะรู้สึกเสียใจกับคุณนะ..” ลูปินพึมพำ สอดมือเข้าไปใต้ท้ายทอยของสเนปแล้วยกขึ้น อีกฝ่ายพยายามเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่เขาก็ถูกจับคางให้หันหน้ากลับมาอยู่ดี “แต่คืนนี้คุณไม่มีทางรอดหรอก”
จริงๆเขาควรจะได้สเนปมาตั้งแต่คืนนั้นด้วยซ้ำ คืนที่พวกเขาเผชิญหน้ากันครั้งแรกในเพิงโหยหวนแสนสกปรกนั่น
เหยื่อของเขา
สเนปไม่ตอบอะไร แต่เขาหลับตาลง บ่งบอกให้ลูปินเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เป็นที่ต้องการ
“เซเวอร์รัส” ลูปินพูดเสียงแห้ง
บางสิ่งที่เกือบจะเหมือนรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนมุมปากของสเนป อดีตศาสตราจารย์ป้องกันตัวจากศาสตร์มืดชะงักกึก ก่อนที่ร่างกายของเขาจะชาวาบไปทั้งตัว เมื่อได้ยินคำพูดนุ่มนวลที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของอีกฝ่าย
“..แกจะไม่มีวันได้สิ่งที่ต้องการ จำคำของฉันไว้”
จำคำของฉันไว้
ทำไมล่ะ เซเวอร์รัส ?
โลกเบื้องหน้าของลูปินมืดสนิทไปชั่วครู่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพบว่าร่างผอมบางของสเนปกำลังดิ้นอย่างรุนแรงอยู่ภายใต้ร่างของเขา ฝ่ามือของลูปินกำอยู่รอบคอของสเนป มันเปราะบางจนดูเผินๆเหมือนจะหักได้ด้วยมือเดียว เขากดลงไป — กดลงไป – วิสัยทัศน์เบื้องหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานด้วยความโกรธเกรี้ยว
เจ็บปวดกับความจริงที่ถูกโยนใส่ซึ่งๆหน้า
สเนปถ่มน้ำลายใส่เขา
เหมือนมันเรียกสติของเขากลับมา ลูปินปล่อยมืออย่างฉับพลัน หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำรัวแรงอยู่ในอก ลมหายใจรุนแรงจนแม้แต่ตัวเขาเองยังนึกกลัว สเนปเองก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก
ลูปินมองลงไป และเห็นนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นช้อนขึ้นมา ขอบตานั้นแดงก่ำเล็กน้อย แลเห็นแพขนตาสีเข้มที่เปียกชื้นด้วยหยาดน้ำอยู่เบื้องล่าง
สเนปนอนอยู่ตรงหน้าเขา อ่อนแอกว่า ไร้พละกำลัง และไม่มีทางปฏิเสธ
ติดกับโดยสมบูรณ์
แล้วความตื่นเต้นของลูปินก็พุ่งพรวดขึ้นมา เขาไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นความต้องการของเขาเองหรือตัวมนุษย์หมาป่า แต่ตอนนี้ – ตอนนี้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างจับต้องได้ และความปรารถนาอันดำมืดของเขากำลังจะกลายเป็นความจริง
หลังจากที่มันถูกยืดเยื้อมาถึงสิบแปดปี
เขายื่นมือออกไปอีกครั้ง เสียงคำรามด้วยชัยชนะของมนุษย์หมาป่าที่ดังกึกก้องอยู่ในหู
++
สมบูรณ์แบบ
ลูปินขยับยิ้มด้วยความพึงพอใจ เมื่อเห็นร่างของสเนปกระตุกเฮือก แผ่นหลังผอมบางแอ่นโค้งขึ้น ตอบรับสัมผัสของเขาอย่างกระหาย แววตาของสเนปเบิกกว้างขึ้น มันจับจ้องตรงมายังเขา ดำมืดเหมือนกับอุโมงค์ที่ว่างเปล่า
และเขาไม่เคยเห็นอะไรที่สวยงามขนาดนั้นมาก่อน
นัยน์ตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว – งดงาม – คล้ายกับสเนปกำลังอ้อนวอนให้เขาหยุดการกระทำนี่เสียที – ใบหน้าขาวจัดนั้นบิดเบี้ยวด้วยห้วงอารมณ์รุนแรงที่ถาโถมเข้าใส่ แลเห็นหยาดเหงื่อใสๆไหลผ่านเนินแก้มลงมาถึงปลายคาง
ใช่ มองที่ฉัน มองมาที่ฉันสิ
ฉับพลัน จุดสุดยอดก็กระแทกเข้ามาโดยไม่รู้ตัว ลูปินเสียจังหวะ เขาไม่อาจรับรู้อะไรได้อีกแล้วนอกจากความร้อนและบีบแน่นอันแสนวิเศษเบื้องหน้า เขาหลับตาลง ปลดปล่อยความต้องการในช่องทางนั้น ลูปินจิกปลายเล็บลงบนสะโพกของสเนปแน่นโดยไม่สนใจถึงบาดแผลที่เจ้าของร่างจะได้รับแม้แต่น้อย ทั่วทั้งร่างของสเนปสั่นสะท้าน ก่อนที่เขาจะหลุดเสียงขลุกขลักออกมาจากลำคอ – เกือบจะเหมือนเสียงสะอื้นด้วยซ้ำ – แล้วเขาก็ปลดปล่อยมันออกมา
ในจังหวะนั้นเองที่ลูปินจ้องมองสเนป จ้องมองอย่างหิวกระหาย ไม่ให้ทุกรายละเอียดหลุดรอดไปจากความทรงจำแม้แต่นิดเดียว วินาทีนั้นเป็นวินาทีเดียวที่ลูปินยังคงจดจำได้ดีจนถึงปัจจุบัน และเขาจะเก็บรักษามันไว้แม้กระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต
มันเป็นวินาทีที่สเนปกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์
เสียงหอบหายใจของทั้งสองดังก้องสะท้อนอยู่ในคุกใต้ดิน อุณหภูมิในห้องดูจะสูงขึ้นอยู่สักหน่อยเมื่อมาถึงตอนนี้ ลูปินค่อยๆถอนตัวออกมา เขาก้มลงมองสเนปที่นอนนิ่งอยู่ด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก
ใบหน้าของสเนปหันไปอีกทาง เส้นผมสีดำสนิทยุ่งเหยิงปิดบังทุกองคาพยพไว้หมดสิ้น เห็นแต่ปลายคางเรียวแหลมขาวซีดโผล่พ้นออกมา ข้อมือของอีกฝ่ายห้อยร่องแร่งอยู่กับเชือก เลือดสีแดงนุ่มนวลเหมือนสีดอกกุหลาบเปียกชื้นอยู่บนท้องแขนของเขา มันไหลเรื่อยลงมาจนกลายเป็นแอ่งเล็กๆอยู่บนผ้าปูเตียง ดูจากองศาที่บิดเบี้ยวของข้อมือแล้ว ลูปินคิดว่าสเนปทำมันหัก
แต่เขาไม่สนอยู่แล้ว
ชายหนุ่มดึงร่างของสเนปขึ้นมา เขาแก้เชือกให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ น่าแปลกที่สเนปไม่มีท่าทางขัดขืนแต่อย่างใด ชายหนุ่มก้มหน้าลง เส้นผมสีเข้มเลื่อนหลุดจากแผ่นหลัง บังสีหน้าของเขาเอาไว้
ลูปินรู้สึกขัดใจอย่างแปลกประหลาด
“มองหน้าผม เซเวอร์รัส”
สเนปเงยหน้าขึ้นมามองแต่โดยดี นัยน์ตาสีดำคู่นั้นว่างเปล่า ดวงหน้าของชายหนุ่มราบเรียบ ปราศจากอารมณ์ที่มนุษย์พึงมี ลูปินประคองใบหน้าของสเนปไว้ในฝ่ามือ ก่อนจะก้มลงจุมพิตริมฝีปากขาวซีดนั้นอย่างนุ่มนวล
“คุณอาจจะไม่เข้าใจ – แต่ผมรักคุณนะ” ลูปินพูด
ถึงแม้ตัวเขาจะไม่คิดว่านั่นเป็นคำที่ถูกต้องก็ตาม
ถ้าสิ่งที่เขามีแก่เซเวอร์รัส สเนปเป็นความรักแล้วล่ะก็ – มันคงเหมือนสิ่งที่บิดเบี้ยวเสียนี่กระไร เพราะในใจของเขามีเต่ความปรารถนาที่จะครอบครอง มีแต่ความปรารถนาที่จะกลืนกินคนตรงหน้าลงไปให้หมดสิ้น
เหมือนความรักของฆาตกร
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับความรักที่สุดที่เขาเคยประสบมาแล้วก็ได้
สเนปไม่ตอบสนอง ริมฝีปากของเขานิ่งสนิทและชืดชาอยู่ภายใต้ลูปิน มนุษย์หมาป่าหนุ่มสอดปลายนิ้วเข้าไปในเส้นผมของอีกฝ่ายเป็นเชิงเตือนกลายๆ ก่อนที่ริมฝีปากของสเนปจะเริ่มขยับ— ช้าๆ
ไม่ใช่จูบตอบ
“แต่ฉันเกลียดแก”
ลูปินยิ้มจางๆกับคำพูดนั้น รู้สึกได้ถึงลมหายใจของสเนปที่ผ่อนออกเป็นจังหวะราบเรียบชวนให้อุ่นใจ เขาหลับตาลง และกระชับร่างของสเนปแน่นขึ้น
“…ผมรู้”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in