Trigger Warning: Suicide, Death or dying, Blood (implied)
-0-
นาฬิกาประดิษฐ์เรือนเก่าทำจากวัสดุไม้เนื้อหยาบกึ่งโลหะดูไม่น่าพิศมัยแขวนบนผนังห้องสีขาวซีดบอกเวลาสามนาฬิกา ดูผิวเผินคงเช้าตรู่เกินไปสำหรับวัยเยาว์ ทว่าเมื่อเติบใหญ่มันคือนาฬิกาแห่งวิถีชีวิตที่ไม่อาจเอ่ยได้อย่างเต็มปากนักว่าโมงยามของความรับผิดชอบควรเริ่มต้นเมื่อไหร่ กระทั่งลังเลว่ามีวันสิ้นสุดหรือไม่ ชีวิตต่างดำเนินไปด้วยสองสิ่งควบคู่กัน คือความว่างเปล่าและความคาดหวัง และแน่นอนว่าชะตาชีวิตนั้นน่าเย้ยเยาะเพียงใด
รอยผุลอกของสีบนฝาผนังร่วงหล่นลงบนพื้นไม้เป็นระลอก คล้ายความชราพรากความหนุ่มสาวจากมวลมนุษย์ อนุมานแทบไม่ถูกถึงจุดกำเนิดร่องรอยสึกหรอ เฉกเช่นเดียวกับเนื้อหนังหยาบกระด้างบนฝ่ามือขาวซีดคู่หนึ่ง
ร่างสูงปัดป่ายฝุ่นเขรอะออกจากเสื้อสูทสีดำด่าง เศษซากสกปรกเหล่านั้นติดมาพร้อมกับเขาหลังเสร็จสิ้นการทำงานข้างนอกอย่างลวก ๆ ไม่เพียงแต่ติดอยู่บนพื้นที่จุดเดียว รวมถึงกางเกงสแลคเนื้อดี
การนอนถือเป็นสิ่งเหนือความคาดหมายสำหรับกรณีอย่างเรา ๆ หากแต่ไม่มีมนุษย์คนไหนปฏิเสธความต้องการตามกลไกของธรรมชาติได้แม้แต่คนเดียว 'นายไม่ใช่มนุษย์เสียหน่อย' น้ำเสียงขึงขังก่อนหน้ายังติดอยู่ในห้วงความทรงจำหลืบหนึ่ง 'น่าแปลกที่นายกลับมีสิ่งหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะมีด้วยซ้ำ'
/
4 a.m
เครื่องปรับอากาศส่งเสียงดังต่ำตัดความมืดมิดยามราตรี แสงไฟสลัวจากพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวทอดเงาลงบนพื้นกระเบื้องห้องปูนเปล่าเปลือยเงียบสงัด ตรงกันข้าม เสียงสะอื้นหนึ่งแผ่วเบาเป็นครั้งคราวไร้ซึ่งคำสวดอ้อนวอนดังเช่นวันวาน ชั่วอึดใจพลัน แสงสว่างวาบวูบหนึ่งฉายลอยเหนือมวลอากาศขึ้นตรงหน้า
ชายหนุ่มยกแขนข้างซ้ายตั้งฉากให้แก่ชายชราข้างกาย ดวงตาเว้าลึกประกอบริ้วรอยเหี่ยวย่นจ้องมองใบหน้าของเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงทาบนิ้วมืออ่อนแรงที่กำลังสั่นระริกต่อความหวาดหวั่นภายในอกอย่างปิดไม่มิด สัมผัสบางเบาบนเนื้อผ้าชุดสูทสีเข้ม 'ผมจำได้ แววตาคู่นั้น' ชายชราเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทว่าจับใจความแล้วกลับนุ่มลึกอย่างบอกไม่ถูก 'คุณบอกผมว่าเราจะเป็นนิรันดร์ถ้าหากไม่เกรงกลัวสิ่งใด' เจ้าของริ้วรอยเหี่ยวย่นลอบยิ้มอย่างใจเย็น 'บอกผมหน่อย ว่ายังต้องกลัวภาพตรงหน้าหรือเปล่า' ชายหนุ่มเอียงตัว มองลึกไปยังแววตาคู่สวยตรงหน้า กาลเวลาไม่อาจพรากดวงตาสีวอลนัทไปจากกายของเขาได้ เว้นเสียแต่สีคล้ำบนรอยเปลือกนอก กระนั้นภาพจำทุกอย่างในการมีอยู่จากตัวตนของชายตรงหน้ายังคงแจ่มชัด เขาส่ายหน้าตอบกลับเสียงอ่อนทันที 'มนุษย์เกรงกลัวเฉพาะสิ่งที่ไม่รู้' บทสนทนาถูกปล่อยทิ้งไว้เพียงเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายอาศัยความเงียบเป็นคำตอบโยงใยนัยยะสำคัญของเนื้อสาร ชายชราอนุญาตให้น้ำเสียงทุ้มลึกส่งผ่านความสงบนิ่ง ดังเวียนวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ภายใน ราวม้วนเทปเพลงโปรดสมัยเด็กหาได้รู้จักความเบื่อหน่าย ก่อนทั้งสองคนจะย่างกรายเข้าสู่แสงสว่างค่อย ๆ เรืองสีอ่อนลงขึ้นทุกที เมื่อเข้าใกล้พื้นที่ปริศนาแห่งนั้น ความมืดมิดกลืนกินรอบกายชั่วขณะ ก่อนดวงไฟดวงสุดท้ายจะสูญหาย ห้องปูนเปล่าเงียบสงัดอีกครั้ง ไร้ซึ่งเสียงอ้อนวอนดังเช่นวันวาน ชั่วอึดใจพลันแสงสว่างวาบวูบหนึ่งถูกดับลง —
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in