จงอย่าร้องไห้ เพราะน้ำตาไม่มีความหมาย
หรือห้ามร้องไห้ เพราะชีวิตที่ร้ายกว่านี้ยังรอเราอยู่?
รีวิวแบบไม่สปอยจากคนที่ไม่ได้เป็นโอตะ ไม่ได้รู้จักน้องทุกคนในวง ไม่ได้ติดตามผลงานอะไรใครเป็นพิเศษ เป็นแค่คนตามกระแสปกติคนหนึ่ง
ถ้าตัดเรื่องการไปดูเพราะชอบน้องๆกลุ่มนี้ พรี่หนอมว่าหนังเรืองนี้เหมาะกับคนที่กำลังท้อแท้ พยายาม หรือตั้งคำถามกับการมีชีวิตนะ โดยเฉพาะคนที่ต้องตัดสินใจเลือกอะไรบางอย่างในชีวิตอยู่ มันคือการดูประสบการณ์ของคนผ่านหนังเรื่องหนึ่ง
ต่อจากนี้จะสปอยแล้วนะ ...
---
สปอยแล้วนะ
สปอยจริงๆ
สปอย
สปอ
สป
ส
---
คำถามแรก : คุณเป็นคนแบบไหน
1. ตัวท็อปเก่งกาจ เจออะไรแค่ไหนก็เอาชนะได้2. คนธรรมดาที่รอลุ้นกับผลของความพยายาม
3. คนที่พยายามแค่ไหนก็ไม่ได้ห่าอะไรสักอย่าง
ถ้าคุณเป็นแบบแรก คุณจะเข้าใจว่าทำไมคนแบบนี้ถึงเอาชนะได้ทุกอย่าง ถ้าคุณเป็นคนแบบที่สอง คณจะเห็นทั้งความล้มเหลวและสำเร็จกับสัจธรรมบางอย่างของชีวิต แต่ถ้าคุณเป็นคนแบบสุดท้าย คุณจะเข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องพยายามต่อไป แม้ว่าจะไม่มีใครเห็น
และที่สำคัญ ทุกคนมีความทุกข์ในแบบของตัวเอง
คำถามสอง : ทำไมคนชอบบอกให้คนอื่นพยายามมากขึ้น
ความย้อนแย้งของสังคมไทย (สังคมอื่นด้วยหรือเปล่าไม่รู้) มักจะให้คุณค่ากับความพยายาม สุภาษิต ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น จึงเป็นคำที่พร้ำสอนบ่อยๆ หรือประโยคในตัวอย่างหนังเช่น ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร ก็มักจะถูกใช้เสมอๆ
แต่คำพูดพวกนี้คือคำพูดจากคนที่ไม่ได้เห็นว่า คนๆนั้นที่เรากำลังสอนเขาอยู่น่ะ เขาพยายามแค่ไหนแล้ว บางทีเขาอาจจะพยายามเกินกว่าสิ่งที่คุณกำลังบอกให้เขาทำมากขึ้นแล้วก็ได้
จริงอยู่ที่ว่า ความพยายามไม่ได้ทำร้ายคนที่พูด
แต่มันทำร้ายคนที่พยายามอย่างสุดใจแล้วเสือกได้ยินมัน
คำถามสาม : เราควรแข่งกับตัวเองหรือแข่งกับคนอื่น?
เมื่อก่อนเราเองก็ชอบพูดหล่อๆว่าอย่าเปรียบเทียบกับใครจงแข่งกับตัวเอง พิสูจน์เราว่าดีขึ้นกว่าวันเมื่อวาน บลาๆๆ
ดูหนังเรื่องนี้จบลงแล้ว ผมกลับรู้สึกเรื่องพวกนี้มันเป็นสุขนิยมและการหลอกตัวเองรูปแบบหนึ่งนะ คือโอเค คุณทำได้แหละ ถ้าหากคุณมีเป้าหมายชัด เลือกการใช้ชีวิตในรูปแบบตัวเองได้ และมีโอกาสที่ดีในระดับหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
แต่ถ้าคุณอยู่ในสังคมการทำงาน สังคมที่ตีค่าผลงานคุณเปรียบเทียบกับคนอื่น ยอดไลค์ ฟอลโลว์ ไปจนถึงความนิยมที่คอยวัดผลคุณว่าจะได้งานหรือเปล่า ได้โตหรือเปล่า รวมถึงมีรายได้หรือเปล่า คุณจะต้องอยู่ในโลกของการแข่งขัน และแน่นอนคุณต้องทำมันได้ดีถึงจะเป็นคนชนะ หรืออยู่รอดในเกมส์นี้
ลองมองย้อนกลับไปที่สังคมการทำงาน คุณก็ต้องแข่งขันกับคนอื่นอยู่นั่นแหละ เพียงแต่คุณแค่ไม่กล้าเรียกว่ามันคือการแข่งขัน เพราะมารยาททางสังคม หรือกลัวว่าตัวเองจะยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้หรือเปล่า?
คำถามสี่ : เราหนีความเป็นตัวเองได้หรือเปล่า?
ระหว่างการเป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่มีใครจดจำ กับการเป็นคนที่คนอื่นรักและคาดหวัง แต่สับสนว่าตัวเองทำอะไรอยู่ มันมีความแตกต่างกันคนละแบบนะ
แบบแรก คุณจะตั้งคำถามกับสังคมว่าทำไมถึงไม่ยอมรับเราสักที แบบที่สองคุณจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำอะไรอยู่
ไม่ว่าคุณเป็นคนแบบไหน สุดท้ายคุณจะเป็นคนที่คุณอยากจะเป็น ตัวตนของคุณจะเปลี่ยนแปลงไป สังคม (กลุ่มหนึ่ง) จะเข้าใจคุณในที่สุด
ในหนังมีประโยคหนึ่ง ที่น้องเมมเบอร์คนหนึ่งบอกว่า ต้องมีภาคต่อสิ เพราะว่าจะได้รู้ว่าอนาคตเราจะเป็นแบบนี้ คิดแบบนี้อยู่หรือเปล่า หรือว่าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน?
เราจะหนีความเป็นตัวเองไปทำไมกันเล่า
เพราะสุดท้ายตัวเราก็จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่อยู่ดี
คำถามสุดท้าย : คนแบบไหนที่เราควรชื่นชม?
คนที่เราควรชืนชม คือคนแบบไหน คนเก่ง คนตลก คนพยายาม คนน่ารัก คนมีคาแรกเตอร์ หรือ คนที่เจอแล้วรู้สึกถูกชะตา ฯลฯ
โดยส่วนตัว เราชอบน้องเมมเบอร์คนหนึ่งที่พูดว่า ตัวเองไม่ได้สนใจว่าชื่อเสียงของตัวเองดังแค่ไหน จะโดดเด่นหรือเปล่า แต่วง BNK48 จะต้องดังและอยู่รอดได้ นั่นคือความฝันของเขา เค้าอยากให้วงประสบความสำเร็จ
ในการทำงาน เราต้องการคนแบบนี้มากๆ คนที่ทำเพื่อทีม เพื่อส่วนรวม เพื่อคนอื่นก่อน เพราะองค์กรไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ คนแบบนี้แหละที่เราต้องการ
แต่เรื่องนี้น่าตลกตรงที่เราจดจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของเขา และชีวิตจริงเราก็ทำแบบนั้นกับคนเหล่านี้อยู่เสมอๆ
บทสรุปกับสิ่งที่ไม่เคยถาม
บทสรุป ผมไม่ได้ร้องไห้ (เพราะไม่ใช่เกิร์ลแล้ว เป็นโอลด์แมน 555) และไม่ได้รู้สึกชอบน้องคนไหนมากขึ้นจนต้องไปกดติดตามแฟนเพจยังเป็นคนที่ติดตามตามกระแสเหมือนเดิม
สิ่งที่เพิ่มเติมคือ เรารู้สึกว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นผู้ใหญ่กว่าคนอื่นอีกหลายๆคน หรือในบางแง่มุมเขาอาจจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนในวัยใกล้ 40 อย่างเราเสียด้วยซ้ำ
ถ้าการร้องไห้คือการระบายความเสียใจ หนังเรื่องนี้อาจจะเปลี่ยนความคิดให้เราคิดว่าการร้องไห้มันเป็นการก้าวข้ามผ่านช่วงชีวิตที่อ่อนแอ ก่อนที่จะแชร์บทเรียนของความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นก็ได้
สุดท้ายแล้วการร้องไห้อาจจะไม่มีความหมาย
และโลกที่ร้ายกว่านั้นก็รอเราอยู่จริงๆนั่นแหละ
แต่เรารู้สึกดีที่มีน้ำตา
เพราะว่ามันกำลังบอกว่า
เรายังเป็นมนุษย์อยู่...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in