เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกหมาบ้าwaytoooofar
บันทึกหมาบ้า 2
  • Tuesday, 7th April
    11.47 PM

    กลับมาอีกแล้ว มาพร้อมกับชื่อบันทึกของเราอย่างเป็นทางการ

    เราได้ศัพท์คำว่า “หมาว้อ” มาจากน้องเจ๋ (เจ้าของร้าน roger.major.tom อะแหละ ไปอุดหนุนกันได้นะคะ lol) น่าจะเป็นภาษาอีสาน แปลว่าหมาบ้า วันไหนสุขภาพจิตย่ำแย่ เจอเรื่องไม่ดีมา เซื่องซึม อารมณ์แปรปรวน ฯลฯ เจ๋ใช้คำว่าหมาว้อเป็นรหัส แค่พูดว่าวันนี้ว้อขึ้น ก็โอเค เป็นอันเข้าใจว่าอย่าเพิ่งประชิดตัวกันมาก หลัง ๆ เราติดคำนี้มาใช้ด้วย

    มีหลายคนบอกว่าเราหน้าเหมือนหมา ไม่รู้เป็นเรื่องที่ดีรึเปล่า แต่เราก็ติดวางคาแรคเตอร์ตัวเองเป็นหมามาหลายปีแล้วเหมือนกัน นอกจากนี้การแปลงร่างเป็นหมาว้อก็เกิดกับเราบ่อย ๆ เราไม่ชอบระบายให้ใครฟังเท่าไหร่ มันเหมือนเอาพลังงานลบไปปล่อยใส่เขาด้วย สุดท้ายมันเลยมักจะจบด้วยการนอนร้องไห้จนกว่าตาจะบวมเหมือนกบ

    หลังจากได้ลองเขียนไปหนึ่งครั้ง ตอนนี้รู้วิธีระงับอาการว้อขึ้นของตัวเองแล้ว เวลาได้เขียนบันทึกอะไรยาว ๆ มันทำให้เราได้ทบทวนตัวเองอีกรอบ เราเลือกที่จะมาเขียนให้ทุกคนอ่าน เพราะมันรู้สึกดีกว่าที่ได้รู้ว่ามีคนเต็มใจจะกดเข้ามารับฟังต่อให้จะไม่ตอบอะไรกลับมาเลยก็ตาม

    บันทึกนี้เลยได้ชื่อว่า บันทึกหมาบ้า ?


    -


    หลังจากบันทึกครั้งที่แล้วเขียนไว้สวยงามเลยว่าแม่กำลังจะหาย แต่ก็นั่นล่ะ เราเขียนไว้ด้วยเหมือนกันว่าเดี๋ยวมันก็มีเรื่องแย่กว่านี้เข้ามาอีก

    แม่ไม่หายจากมะเร็งว่ะ หนักกว่าเดิมด้วย เราสามคนพ่อแม่ลูกรู้ดีว่าตอนนี้อาการแม่ในช่วงนี้น่าเป็นห่วงที่สุดเลยตั้งแต่ป่วยมา แม่ใช้ชีวิตได้ด้วยมอร์ฟีนระงับความเจ็บปวด หิ้วสายน้ำเกลือตลอดเวลา กินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด พ่อบอกว่าถ้าถอดสายน้ำเกลือแม่น่าจะอยู่ได้ครึ่งวัน ยิ่งไปกว่านั้น สภาพจิตใจแม่ตอนนี้แย่ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด หลังจากแอบไปปรึกษาจิตแพทย์มา เรา ลุงหมอ พ่อเห็นตรงกันว่าแม่น่าจะมีภาวะซึมเศร้าด้วย

    บรรยากาศที่บ้านค่อนข้างย่ำแย่ พ่อเราเป็นหมอ ยังคงต้องไปทำงานทุกวัน สถานการณ์โรคระบาดก็แย่ โรงพยาบาลมีคนขวักไขว่ ไม่รู้ว่าใครป่วยใครไม่ป่วย ทีมแพทย์เองก็ไม่ได้เครื่องมือป้องกันและมาตรการที่ดีพอ พ่อวิตกกังวลอยู่เยอะเลย ถ้าเอาโรคมาติดแม่ทุกอย่างน่าจะแย่ลงไปกว่านี้ร้อยเท่า

    หลังจากกลับมาอยู่ที่บ้านได้สองอาทิตย์ เราเพิ่งจะมาเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าทำไมตอนม.ต้นเราถึงได้เป็นซึมเศร้า แล้วทำไมพอไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ ถึงไม่อยากกลับบ้าน บรรยากาศมันไม่ดีเลย พ่อแม่เถียงกันได้ทุกเรื่อง เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เสมอ แต่ในบรรยากาศเหล่านั้นเราก็เริ่มทำความเข้าใจมันได้ทีละนิด ด้วยมุมมองที่โตกว่าเดิมมากแล้ว คำถามที่ค้างในใจมาหลายปีเริ่มตอบได้ทีละข้อ ก็คงเป็นเรื่องที่ดีล่ะมั้ง

    ทั้งหมดนี้อัพเดตชีวิตให้ฟังเฉย ๆ เรื่องที่จะเล่าคือหลังจากนี้




    เรารู้ตัวเองมานานว่าตัวเราไม่เก่งในเรื่องความสัมพันธ์เลย ทั้งความสัมพันธ์กับครอบครัว กับเพื่อน โดยเฉพาะกับคนรัก เราไม่วางใจในความรักที่คนอื่นมีให้ กลัวการไม่เป็นที่รัก หลาย ๆ ครั้งถึงได้แสดงออกมาไม่ถูกต้องนัก บางครั้งก็เรียกร้องจนเกินพอดี แต่บางครั้งก็วิ่งหนี ผลักออก เพราะไม่คิดว่าตัวเองคู่ควรกับความรักที่มากมายขนาดนั้นจากใครเลย

    แฟนเก่าคนนึงของเราสมัยม.ต้น คบกันนานทีเดียว น่าจะเกือบสองปีได้ เขาเป็นคนแรกที่เข้ามาเป็นความมั่นคงในชีวิตเรา ปัญหาครอบครัวเป็นเรื่องที่ยากในการรับมือมาก ๆ สำหรับเราในวัยนั้น มีแค่ตอนที่เขาอยู่ข้าง ๆ เท่านั้นที่เราจะรู้สึกมีตัวตน ช่วงนั้นเป็นช่วงรอยต่อของอะไรหลายอย่าง เราน่าจะเริ่มเป็นซึมเศร้าตั้งแต่ตอนนั้น แต่ยังไม่รู้ตัว รับมือกับตัวเองก็ไม่ได้ จัดการความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ จนสุดท้ายเราก็ต้องแยกกัน เรายกให้ความรู้สึกไร้ทิศทางในตอนนั้นอยู่ในสามอันดับแรกโมเมนต์ยอดแย่ของชีวิตเลย

    ตั้งแต่เลิกกันไปมีแต่ความรู้สึกขาดอยู่ในใจ เราหาคนมาทดแทนความรู้สึกมั่นคงแบบนั้นอยู่ตลอด แต่ยังไม่ทันถึงไหนก็หนีก่อนทุกที บางคนมองว่าเราก็คุยไปเรื่อย ไม่ได้จริงจังกับใคร แต่ที่จริงมันเป็นความกลัว กลัวจะต้องเสียหลักแบบตอนนั้น

    เราเป็นแบบนั้นอยู่ประมาณ 5-6 ปี เหมือนเล่นชักเย่อกับทุกคนที่ผ่านเข้ามา วิ่งไล่ตามบางคนแบบไม่คิดชีวิต แล้วก็วิ่งหนีบางคนทั้งที่ไม่ได้อยากทำ ระหว่างทางก็เจอเหตุการณ์แย่ ๆ เพิ่มเข้ามาจนยิ่งรู้สึกเสียหลักในด้านความสัมพันธ์ กว่าจะเข้าใจตัวเองก็ตอนอายุ 20 เข้าไปแล้ว

    เราเพิ่งค้นพบว่าการไม่มูฟออนของตัวเราเอง (เราคนเดียวนะ ไม่รู้คนอื่นจะเหมือนกันไหม 555) ไม่ได้เกิดจากการรักใครสักคนมากเกินไป แต่มันเกิดจากเราไม่มีหลักที่มั่นคงพอให้ใจตัวเองต่างหาก

    ครอบครัวไม่ใช่ที่ยึดเหนี่ยวของเรามาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ไม่รักนะ เรารู้สึกว่าภาระของแต่ละคนในครอบครัวใหญ่กว่าปัญหาของเรามากจนไม่ได้อยากพึ่งพาให้เขาเหนื่อยกว่าเดิม อะไรที่แก้ด้วยตัวเองได้ก็จะทำด้วยตัวเอง อันที่จริงในด้านจิตใจ ดูเหมือนว่าเราเป็นที่พึ่งของคนในครอบครัวด้วยซ้ำ แล้วเราเองก็ไม่ได้รักตัวเองขนาดนี้มานานมาก เมื่อก่อนจะรู้สึกด้อยอยู่ตลอด รู้สึกว่าตัวเองมีค่าแค่เวลามีใครมารัก

    เรารู้ตัวดีว่าแฟนเก่าคนนั้นไม่ได้ทำให้เราหลงรักจนไปไหนไม่ได้ แต่มันแปลก เราโหยหาความรู้สึกในช่วงนั้นอยู่ตลอดแม้ว่าจะไม่ได้พิสวาทอะไรแล้ว เพิ่งจะเข้าใจก็ตอนนี้ ความมั่นคงที่เราได้จากเขาในตอนนั้นต่างหากที่เราต้องการ ความมั่นคงที่เราไม่ได้สัมผัสจากครอบครัว ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าเขา หลังจากแยกกันไปเลยกลายเป็นว่าเราต้องพยายามหาใครสักคนมาทำให้ตัวเองรู้สึกมั่นคงได้แบบตอนนั้น

    ที่เราขาดไปมันคือความมั่นคงในใจตัวเอง ความรู้สึกที่ว่าเจ็บช้ำจากอะไรมาก็จะมีใครสักคนโอบรับไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไร ออกไปตามหาจากคนอื่นก็อาจจะเจอ แต่ก็คงดีกว่าถ้ามีมันได้ด้วยตัวเอง เราต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเราขาดอะไรที่ทำให้รู้สึกเหมือนบ้าน เหมือนที่พักพิง แต่ก็เพิ่งจะรู้อีกเหมือนกันว่าเราเองก็สามารถเป็นบ้านให้ตัวเองได้

    พอเข้าใจได้แบบนี้ ทุกอย่างในใจปลดล็อกทันทีเลย ต่อให้เราวิ่งหาความมั่นคงถาวรแบบนั้นให้ตายก็ไม่เจอ เราหาทางจะกลับมารักตัวเอง ซึ่งนี่มันโคตรยากเลย ไม่ดิ ตลอดชีวิตไม่เคยรู้สึกว่าต้องรักตัวเองเลย เวลาคนอื่นทำอะไรพลาด เราให้อภัยได้ บอกเขาได้ว่าไม่เป็นไร แต่กลับกันถ้าเป็นตัวเอง เราด่าซ้ำอยู่ตลอด รู้สึกว่าตัวเองน่าอาย เป็นคนไม่ได้เรื่อง กว่าจะเริ่มรักตัวเองแบบที่คนเขาพูดกันได้เราใช้เวลาเป็นปี นี่แค่เริ่มเองนะ

    เรากำลังสร้างบ้านให้ตัวเองทีละน้อย เริ่มจากรู้ทันความคิดตัวเองว่าเมื่อไหร่กำลังซ้ำเติม เมื่อไหร่กำลังไม่ให้เกียรติตัวเอง ยากมากเพราะที่ผ่านมาเราทำจนชิน เรากำลังหันกลับมายอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง ปฏิบัติเหมือนที่ทำกับคนอื่น ให้อภัย ไม่เป็นไร ให้กำลังใจ ชื่นชม แรก ๆ รู้สึกแปลกมาก ต้องทำแบบนี้กับตัวเองด้วยเหรอ ก่อนนอนก็ลูบหัวตัวเอง วันนี้เก่งมาก ทำได้ดีมาก พลาดตรงนั้นไปก็ไม่เป็นไรนะ พรุ่งนี้เอาใหม่

    ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้นหรอก ให้เป็นเปอร์เซ็นต์น่าจะเพิ่มขึ้นมาจากตอนแรกสัก 50% (เยอะแล้ว อย่ากดดันนะ) แต่ดีใจมาก ๆ ที่ปลดล็อกเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งในใจได้สักที หลังจากนี้คงต้องทบทวนกับตัวเองเยอะ ๆ เลย เรามีอีกหลายแผลที่ยังรอจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง



    @waytoooofar
    Wednesday, 8th April
    01.33 AM
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
lonelysaturn (@lonelysaturn)
ตามมาจากในไอจีนะ ถึงแม้เราจะไม่รู้จักกันก็เถอะ? เรื่องราวที่ต้องเจอไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะก้าวผ่านไปได้ แต่ว่าเข้มแข็งได้ขนาดนี้ก็เก่งมากๆเลย (เป็นเราอาจจะทำไม่ได้) ขอเป็นกำลังใจให้สามารถรักตัวเองได้มากพอจนเติมเต็มส่วนที่ขาดไปได้เร็วๆเลยนะ?