เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
internship with suffering childlit studentธนญ
จากทุ่งรังสิตสู่ฝั่งธน
  • ✳︎

    หลังจากทำงานและประชุมผ่านทางออนไลน์มาพักใหญ่ และวันนี้ก็มาถึงวันที่ราพันเซลสาวแห่งทุ่งรังสิตจะได้ออกจากหอคอยงาช้าง ความจริงแล้วที่บริษัทกำลังจะมีการย้ายออฟฟิศ พี่เกดก็เลยอยากให้พวกเราเข้าไปออฟฟิศเพื่อประชุมงานกันแล้วก็ช่วยกันเก็บสตูรวมไปถึงพวกเซ็ตสำหรับการถ่ายภาพ 

    วันนั้นเราติดรถเพื่อนจากทุ่งรังสิตข้ามไปยังฝั่งบางบอน เรียกได้ว่านั่งรถข้ามจังหวะเลยก็ว่าได้ พอไปถึงที่บริษัทงานอย่างแรกที่ได้ทำเลยก็คือ การไปหาสินค้าตามออเดอร์! 

    ซึ่งเป็นงานที่อยากทำมาก โดยเราจะได้กระดาษที่เขียนรายการที่ลูกค้าสั่งซื้อมาตามใบออเดอร์ โดยจะระบุหมายเลขของผู้ขาย (Buyer) และหมายเลขสินค้าที่ลูกค้าสั่ง จากนั้นเราก็แค่เข้าไปหยิบสินค้าในห้องเก็บสินค้าตามออเดอร์แล้วส่งต่อให้ทีมแพ็คสินค้าเตรียมพัสดุสำหรับการจัดส่ง 

    พอเราเตรียมของตามออเดอร์เสร็จแล้วก็จะเป็นช่วงของการนั่งแยกย้ายกันทำงานแล้ว แต่ว่าวันนั้นเราดันลืมหยิบคอมไป บวกกับความจริงแล้วเราทำงานส่วนของคอนเทนต์ไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว พี่เกดก็เลยให้เราลองไปช่วยฝ่าย Operation จัดเสื้อผ้าลงหุ่นก่อนจะถ่าย Profile สินค้า 

    เราก็ตอบตกลงแล้วเข้าไปยืนช่วยแก้เก้ออยู่พักใหญ่จนในที่สุดก็มีงานเข้ามาให้เราทำก็คือ การแพ็คสินค้าลงพัสดุนั่นเอง ฉันมีความฝันที่ฉันเคยฝัน ที่คนธรรมดาคนนึงไม่กล้าฝัน แต่เขาก็ให้ฉันแพ็คพัสดุ!!!! 

    บอกเลยว่าเป็นงานที่อยากทำมากๆๆๆ ให้อารมณ์เหมือนแม่ค้าออนไลน์ ตื่นเต้นมาก เพราะเราชอบการแพ็คของอยู่แล้ว พอได้ลองทำงานส่วนนี้ก็เลยตั้งใจแพ็คมากเป็นพิเศษ บอกเลยว่าอนาคตแม่ค้าออนไลน์อยู่ไม่ไกลแล้ว

    และเมื่อเราแพ็คสินค้าตามออเดอร์ของวันนั้นจนหมด ก็เป็นเวลาช่วงพักกลางวันพอดิบพอดี พี่เกดจึงพาเราและเพื่อนนั่งรถออกไปหาข้าวเที่ยงกันก่อนเพื่อเติมพลัง

    และความพีคของวันก็ได้เริ่มต้นขึ้น

    ถึงจะเป็นเรื่องเล่าหลังจากนี้จะไม่ได้เกี่ยวกับการทำงานโดยตรง แต่นับได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่จำไม่เคยลืมเลยก็ว่าได้ ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่าขณะที่พี่เกดกำลังพาเราและเพื่อนออกไปหาข้าวกิน ตอนแรกพี่เกดบอกว่าจะพาไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยที่อยู่ไม่ไกลออฟฟิตมากนัก แต่โชคไม่ดีร้านนั้นดันปิดพอดิบพอดี พวกเราเลยต้องไปหาร้านข้าวอื่นแทน จนมาหยุดที่ร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่ง

    เมื่อเข้าไปในร้านพนักงานก็หยิบใบเมนูมาให้ เราก็นั่งเลือกเมนูกับเพื่อนกันโดยเมนูที่สั่งไปก็คือสเต็กหมูที่ราคากำลังน่ารัก ระหว่างรออาหารพวกเราก็ชวนคุยเรื่องงานนู้นนี้นั้นไปเรื่อย จนกระทั่งมีพนักงานเดินถือถาดอาหารมาเสิร์ฟ

    เราที่หิวโหยมาตั้งแต่เช้าและตั้งตารอกับสเต็กหมูอาหารจานโปรดของเรามาเสิร์ฟอย่างมีความหวัง แต่ภาพอาหารตรงหน้าก็ทำเอาเราถึงกับนั่งงงตาแตกกับตัวเองว่าใช่เมนูที่เราสั่งไปจริง ๆ หรอ 

    เพราะภาพแรกที่เห็นบนจานคือ ผักต้มเหี่ยว ๆ ที่แม่ชอบกินกับน้ำพริก เสิร์ฟมาพร้อมกับอาหารเคียงอย่าง ข้าวเกรียบปลา ใช่ค่ะ ข้าวเกรียบปลาทอดบนจานสเต็ก เรียกได้ว่างงแบบสองต่อตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่ไม่หยุดแค่นั้นทันทีที่สายตาเหลือบเป็นมองสิ่งที่เรียกว่า 'สเต็กหมู' กลับกลายเป็นหมูทอดแผ่นบางเฉียบราดซอสเทอริยากิแสนหวาน นับว่าเป็นการฟิวชั่นที่สั่นสะเทือนวงการอาหารอยู่ไม่ใช่น้อย

    และที่น่าโมโหสุดคือรสชาติที่เรียกได้ว่าน้ำเปล่าข้าง ๆ ยังอร่อยกว่า แต่สิ่งที่เราทำได้ตอนนั้นคือนั่งกินทั้งน้ำตา จะกินไม่หมดจานก็ไม่ได้เพราะพี่เกดอุตส่าห์พาออกมาเลี้ยงข้าวเป็นมื้อแรกของการฝึกงาน จึงทำได้แค่สะกิดเพื่อนข้าง ๆ แล้วชวนเพื่อนชิมสเต็กของเราทั้งที่ปกติแล้วไม่เคยแบ่งข้าวใครกิน 5 5 5 แถมวันนั้นกลับบ้านมาเราถึงกับต้องสั่งสเต็กเจ้าประจำมากินเพื่อล้างปากทันที 

    เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์การฝึกงานจากทุ่งรังสิตสู่ฝั่งธนที่ทั้งสนุก (ในตอนทำงาน) ทั้งตราตรึง (ในการฟิวชั่นอาหารของชาวบางบอน) และจำไม่ลืม (กับรสชาติสเต็กในวันนั้น) นั่นเอง


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in