เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
JJBA Fanfiction - La Tua Canzone [ BruAbba Siren AU]ashie
La Tua Canzone [ BruAbba Siren AU] #Epilogo
  • Warning - BL
    Pairing - Buciarati x Abbacchio
    R - ?
    AU - Siren
    xx / xx / xxxx

    บรูโน่ บูจาราตี้

    ชื่อของผมในฐานะชาวประมงนั้นก็ถือเป็นที่รู้จักอยู่ทั่วชานเมืองเนอาโปลิส ทุกวันผมจะนั่งเรือลำเล็กออกไปทอดแหที่ชายทะเล สักพักก็นั่งเรือแล่นออกไปอีกสักหน่อย ปล่อยให้ตัวเองชื่นชมความงามของทัศนวิสัยริมขอบฟ้าพวกนั้นจนชินตา นกนางนวลสีขาวบนฟ้าครามร้องเสียงเจี้ยวแจ้วประดับฉาก ตัดเสียงคลื่นสีขาวกระทบขอบเรือนั่นราวกับเมโลดี้ที่ถูกแต่มแต้มไว้เป็นอย่างดี

    ตั้งแต่ตอนนั้นที่คุณพ่อจากไปผมก็รับงานชาวประมงนี่มาตลอด อาจจะพูดยากว่าที่รับมาก็เพราะเป็นธุรกิจของพ่อที่ทำมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กตัวเล็ก เอาเข้าจริงก็เพราะแม่ด้วยส่วนนึงผมถึงไม่ได้ออกไปไกลจากชานเมืองนี่เสียเท่าไหร่

    ทุกวันผมจะรอจนกว่าวันปีใหม่ของทุกปีจะมาถึง

    วันที่แม่กลับมาบ้าน พร้อมกับผู้ชายคนใหม่ที่แม่แต่งงานด้วย

    จะว่าผมงี่เง่าก็คงไม่แปลกอะไร แม่ที่ทิ้งผมกับพ่อออกไปหาสีสันพวกนั้นต่อให้ผมจะรักแค่ไหนก็คงทำใจชอบอีกครั้งไม่ลง

    ทว่าเรื่องมันก็ผ่านมาสิบกว่าปีเข้าไปแล้ว จะให้ผมทำตัวเงอะงะขี้งอแงแบบเด็กเล็กๆนั่นคงจะเสียหน้าวัยรุ่นกำลังโตไม่ใช่น้อย อย่างว่า กล่าวทักทายสวัสดีสักครั้ง หาข้าวปลาให้เขาทาน พาเดินเล่นไปทั่วแบบที่เคยทำ

    ก็แค่เรื่องเดิมๆที่ผมต้องทำในทุก ๆ ปี


    ผมเริ่มเขียนบันทึกเล่มแรกเมื่ออายุได้ 15 ปี

    บนสมุดบันทึกหน้าแรก ผมเริ่มด้วยเรื่องราวของการอยู่ตัวคนเดียว ชีวิตชาวประมงของผมมันเริ่มจากตรงนั้น

    ทั้งทุกข์และสุข แต่ละวันของผมถูกแต่งแต้มเป็นตัวอักษร เรียงร้อยถ้อยคำแสนวิเศษลงบนแผ่นกระดาษสีชา บางวันก็เป็นเพียงเรื่องราวสั้นๆไม่กี่บรรทัด บางวันก็ราวกับนิทานเล่มเล็กที่หาได้ตามท้องตลาด รู้ตัวอีกทีการเขียนบันทึกก็กลายเป็นชีวิตประจำวันของผมไปเสีย

    น้ำหมึกหยดลงบนผิวกระดาษผิวหยาบ ร้องเรียงตัวอักษรออกมาตามความรู้สึก บางครั้งก็เผลอกดหมึกแรงไปจนน้ำหมึกสีทมิฬทะลุไปหลายหน้ากระดาษ แต่ผมก็ใช่จะถือสาอะไร

    ยังไงเสียก็มีแต่ผมที่จะได้อ่านเรื่องราวแสนวิเศษที่ว่านี่

    จากเล่มที่หนึ่ง สู่เล่มที่สอง

    เล่มที่สาม
    เล่มที่สี่..
    เล่มที่ห้า…


    ไม่นานอายุของผมก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 20


    ชื่อเสียงของผมโด่งดังในหมู่ของชาวประมงด้วยกันในฐานะเด็กหนุ่มมากกำลังท่ามกลางหมู่ผู้ใหญ่ ทุกสิ่งค่อยๆเติบโตขึ้นด้วยความห่วงใยและความรู้มากมาย รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นที่รู้จักของผู้คนรอบเนอาโปลิส เสียงขานเรียกชื่อของผมที่ได้ยินจนชินหู ตอบรับคำเรียกเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม

    ชาวประมงหนุ่มบนผืนทะเลสีคราม

    กลายเป็นที่รักชอบของผู้คนมากมาย ราวกับของขวัญแสนล้ำค่าที่เปลี่ยนชีวิตแสนบัดซบนั่นให้มันมลายหายไปผ่านตัวอักษรที่ร้อยเรียงขึ้นมาในทุก ๆ วัน 

    ครั้งหนึ่งผมออกไปหาปลา นั่งเรือออกไป ทอดแหยาวลงทะเลแสนกว้างใหญ่

    ลมยามบ่ายพัดประหน้าเสียจนผมหน้าม้ายุ่งกระเซิง ทิวากรสาดแสงอ่อนผ่านกลุ่มเมฆหนาที่บดบังไว้ราวกับไม่ต้องการให้ผู้ใดก้าวผ่าน นกนางนวลขาวยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วตัดคลื่นขาวกระทบขอบเรือไม่ขาดสาย ผมล่องเรืออยู่ข้างนอกนั่นเกือบวัน ปล่อยให้ปลาเข้ามาติดแห พอตกเย็นก็จัดการเก็บกวาดทุกอย่างแล้วค่อยกลับมาเริ่มใหม่ในอีกวัน

    ชีวิตของผมดำเนินด้วยเรื่องราวแบบนั้น เรื่องราวแสนวิเศษที่ผมลงมือเขียนมาตลอดห้าปี เนื้อเรื่องเดิมๆบนกระดาษสีชา ไม่มีอะไรแปลกใหม่หรือแตกต่าง
     
    ผมเคยคิดแบบนั้นมาตลอด 

    กระทั่งวันที่ผมได้พบกับเธอ


    "     ..ตัวเธอผู้แสนวิเศษ 
    เธอผู้ไม่เหมือนใครและจะหาใครเหมือน
    ดวงตาของเธอส่องประกายยามเมื่อต้องแสงทินกร 
    งดงามยิ่งกว่าสิ่งใดที่ผมเคยพบ 
    ครั้งหนึ่งผมเคยได้ยินเสียงเรียกจากเธอ
    ราวกับเสียงแห่งความหวังที่รอวันกังวาน
    รู้ตัวอีกทีผมก็เผลอหลงรักเข้าเสียเต็มอก 
    หลงรักเข้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก
    หลงรักกับสิ่งที่ไม่ทราบแม้แต่นาม
    สิ่งที่สัมผัสได้หากจะมีแต่เสียงของเธอจากท้องทะเลไร้จุดจบ..     "


    ตั้งแต่ที่ผมได้ยินเสียงของเธอในวันนั้น 

    รู้ตัวอีกทีก็ลบมันออกไปไม่ได้เสียแล้ว

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in