เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
HYMN FOR THE WEEKENDCHERIE AMOUR
I SAY LOVE YOURSELF, YOU SAY LOVE MYSELF #BTSloveyourselfbkk 6-7 Apr 2019
  • หลังจากจบตารางทัวร์คอนเสิร์ต 'The Wings Tour' ไปเมื่อช่วงต้นปี 2017 บีทีเอส หรือ บังทันโซนยอนดัน กลับมาประเทศไทยอีกครั้งกับ Love Yourself Tour in Bangkok ซึ่งถือว่าหายไปนานพอสมควร เพราะเกือบสองปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นเยอะมาก ๆ ไหนจะตีตลาดเพลงฝั่งยุโรปและอเมริกา การก้าวผ่านความเป็นซุปเปอร์สตาร์และไปอยู่ในพื้นที่สื่อหลาย ๆ สื่อทั่วมุมโลก ไปจนถึงพูดเรื่องการรักตัวเองบนเวที United Nations เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา รวมถึงงานเพลงก็ได้ปล่อยซีรีย์อัลบั้ม Love Yourself ไปสามคัมแบคแล้ว (Love Yourself: Her, Love Yourself: Tear และ Love Yourself: Answer)


    ในส่วนของคอนเสิร์ต setlist ก็เปลี่ยนไปตามประเทศพร้อมช่วงเวลาที่คัมแบค พอมาถึงประเทศไทย (ที่เป็นประเทศสุดท้ายของเวิลด์ทัวร์) เราก็แอบเสียดายกับบางเพลงในซีรีย์อัลบั้มที่เราอยากฟังสด แต่ต้องโดนตัดออก (เช่น Best of me) กับเพลงเก่า ๆ บางเพลง เอาง่าย ๆ คือ อยากฟังทุกเพลงเลยค่ะ แต่กับเวลาคอนเสิร์ตแค่ 2-3 ชั่วโมงมันเป็นไปไม่ได้ ฮ่า ๆ


    จากที่ดู The Wings Tour มาแล้ว รู้สึกว่าคอนเสิร์ตนี้ใช้ setlist patternเดียวกัน นั่นก็คือเปิดด้วยเพลงมันส์ ๆ (Wings Tour เปิดด้วย Not Today, Love Yourself เปิดด้วย Idol) ว่าง่าย ๆ เปิดคอนมาก็เหนื่อยเลย ต่อด้วย ment มีคั่น VCR มีเมดเล่ย์เพลงเก่ากลางคอนมาให้หายคิดถึงกันเล่น ๆ แถมยังเอาเพลงไตเติ้ลไว้หลัง ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีโซโล่ของแต่ละคน รวมถึงเพลงของแรพไลน์ โวคอลไลน์ ซึ่งค่อนข้างเฉลี่ยแอร์ไทม์ของแต่ละคนได้ดี จากนั้นก็ต่อด้วย Encore songs ก่อนหน้านั้นก็จะมีการเบรคให้ศิลปินไปเตรียมตัว ส่วนแฟน ๆ ก็จะชานท์รอนั่นเอง (ถือว่าเป็นช่วงพักเหนื่อยที่ดีที่สุดค่ะ) และก็จบด้วยเพลงปิดซีรีย์ (Wings tour- Outro: Wings, Love Yourself- Answer: Love Myself)

    ที่สำคัญคอนเสิร์ตรอบนี้ เป็นการปิดทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศไทย เหมือนเวิลด์ทัวร์ครั้งที่แล้วด้วย

    “เริ่มที่กรุงโซล จบที่กรุงเทพ”
    -Kim Namjoon-


    จากใจอาร์มี่ที่ตามบีทีเอสมาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ทันดูคอนเสิร์ตแรกสมัยยังไม่มีอาร์มี่บอมบ์ (ต้องซื้อแท่งไฟไดโซะมาโบก555) ยังจำบรรยากาศวันนั้นได้ เรารู้สึกว่าพวกเขาเต็มที่มาก ๆ ทั้งร้องสดบวกกับ performanceเต็ม (ที่คนดูแทบจะเหนื่อยแทน) ความเอ็นเตอร์เทน เซอร์วิสแฟนคลับ และก็ความตลกโปกฮาแบบฉบับบังทันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เราประทับใจมาก และหวังว่าในอนาคตจะมีคนให้ความสนับสนุนพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เราอยากให้คนได้เห็นการแสดงคุณภาพของทั้ง 7 คนนี้ และได้รับความประทับใจไม่รู้ลืมเหมือนที่เราได้

    ในส่วนของ performance ที่เราว่า The Wings Tour เจ๋งมากๆแล้ว พอมาดู Love Yourself เราขอเทให้อันนี้มากกว่าครึ่งนึงเลย อาจจะเป็นเพราะสเกลคอนที่ไม่เหมือนปีที่ผ่าน ๆ มาด้วย ซึ่งคอนเสิร์ตนี้ได้จัดสถานที่ใหญ่กว่าเดิม เป็นบัตรนั่งทั้งหมด และเป็น outdoor ที่ทำให้สามารถเล่นแสงสีเสียงได้เต็มที่ เก็บทุกรายละเอียดยัน VCR  โดยส่วนตัวแอบชอบสเกลคอนแบบนี้มากกว่าด้วยที่เป็นบัตรนั่งทั้งหมด และถ้าช่วงไหนศิลปินบอกให้ลุกก็ลุกเอง ประหยัดพลังงานไปได้เยอะ อีกอย่าง เวลาเรียงสีอาร์มี่บอมบ์ตั้งแต่ชั้น ground ไปยันข้างบนดอยก็สวยมาก ๆ 



    บีทีเอสกลับมาพร้อมกับการเปิดคอนเสิร์ตด้วยสเกลที่ใหญ่ขึ้นทุกปี ๆ บวกกับคนจำนวนมากที่ตบตีแย่งชิงกันเพื่อบัตรคอนเสิร์ต สำหรับ 5 ปีที่ผ่านมาบอกเลยว่าเก่งกันมาก ๆ มาไกลจนถอยหลังกลับไปไม่ได้แล้ว ตอนเห็นมวลมหาประชากรอาร์มี่จากดอยชั้น 2 สนามกีฬาราชมังคลา บอกเลยว่าตกใจ ถ้าเราเป็นศิลปินคงยิ้มหน้าบาน


    // ทะเลมี่บอมบ์ตลอดทั้งคอนสวยมาก ดูในรูปไม่สวยเท่ากับดูด้วยตาจริง ๆ และการที่แท่งไฟเปลี่ยนสีในคอนตามจังหวะเพลงเรื่อย ๆ มันยิ่งทำให้คอนสนุกขึ้นx10เท่า


    !! POST CONCERT DEPRESSION ALERT !!

    ก่อนอื่นเลย จุดพีคที่สุดในคอนเสิร์ตสำหรับเราคือฝนตกค่ะ55555 (เกิดมาไม่เคยดูคอนเสิร์ตไหนและฝนตกใส่เลยแฮะ) แต่ performance ก็ไม่ได้ดรอปลงไปเลย อีกทั้งศิลปินก็ยังแสดงอยู่บนเวทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เรามองขึ้นมาจากข้างล่างยังรู้เลยว่าเวทีกำลังลื่นมาก ๆ จนมาถึงช่วงโซโล่เพลง Love ของนัมจุนที่ฝนเริ่มตกลงมาจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการดูคอนเสิร์ตแล้ว เจ้าตัวพูดขึ้นมาว่า  ‘It’s raining but I still love you’  ก็ยิ่งเพิ่มกำลังใจให้คนดูอย่างเรา (ทั้งๆที่เรามาให้กำลังใจเขานิหน่า!?) 


    Vocal line vs Rap line

    (จากคอนที่แล้วชอบ Lost และ Cypher pt.4 มากๆ อันนี้เลยอยากพูดของคอนนี้หน่อย)

    - The truth untold -

    เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงที่ดึงอารมณ์คนดูได้ดีมากทีเดียว บอกเลยว่าทั้งจิน จีมิน วี และจองกุก ทำ performance นี้ออกมาได้เพอร์เฟคและไร้ที่ติใด ๆ ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนและไฮโน๊ตที่สูงเฉียดฟ้าเท่านั้น แต่ทั้งสี่คนแสดงสีหน้าและวาจากายที่แสดงถึงความเจ็บปวดผ่านเพลงออกมาดีมาก 

    ช่วงที่ทำให้ขนลุกที่สุดในเพลงนี้คือไฮโน๊ตช่วงสุดท้ายท่อน 'but I still want you' บอกเลยว่าใครที่อุดปากกรี๊ดกับท่อนนี้ได้จนจบเพลง คุณเก่งมาก! 

    โดยปกติแล้ว ในบรรดาสายโวคอลเราจะชอบเสียงจีมินมากที่สุด (เป็นความชอบส่วนตัว) แต่เพลงนี้ขอยกเครดิตให้ทุกคน บอกเลยว่าถ้าขาดใครคนใดคนนึงไปเพลงคงไม่ออกมาเพอร์เฟคขนาดนี้ ถือเป็น powerful performance เลยก็ว่าได้ ที่สำคัญคือ ก่อนหน้านั้นพึ่งเต้นมาเหนื่อยๆ พอต้องต่อด้วยเพลงที่ต้องใช้พลังเสียงเยอะขนาดนี้ แต่เสียงกลับไม่มีขาดเลย 



    - Outro: Tear -

    To me, goodbye is a tear,
    that blooms unknowingly in my eyes.
    The words that we couldn’t say flow out.


    ด้วยความที่ความหมายเพลงมันกินใจอยู่แล้ว พอได้มาฟังจริงยิ่งเพิ่มความอินหลอ x100 55555 แรพขิง แรพข่า แรพโหดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร พอตัดภาพไปที่ Trivia โซโล่ของแต่ละคนก็คนละอารมณ์เลย โดยเฉพาะพี่เจโฮปของเรา จากสเตจสดใส ๆ อย่าง Just Dance ดูแล้วยิ้มตาม พอมาเห็นเจโฮปสเตจนี้ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกเวอร์ชั่น และเป็นอีกคนที่แสดงถึงอารมณ์ความเจ็บปวดผ่านเพลงได้ดีมาก


    ที่ชอบอีกอย่างคือ production ทั้งหมดในเพลงนี้ที่คล้อยไปตามบรรยากาศเพลง ความจอขาวดำ ตัดด้วยแท่งไฟที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวกระพริบเข้ากับจังหวะเพลง โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยได้ฟังเพลงนี้เท่าไหร่  แต่หลังจากคอนเสิร์ตก็กลับมาฟังไม่หยุด และก็รู้สึกว่ามันเพราะกว่าเดิมแฮะ หลังจากนี้เวลาฟังเพลงนี้ทีไรเราก็จะนึกถึงแต่บรรยากาศในคอนเสิร์ตตอนที่ได้ดูเพลงนี้


    I SAY LOVE YOURSELF, YOU SAY LOVE MYSELF.

    ช่วงท้าย ment คอนวันที่สอง จะมีตอนที่เจโฮปได้กล่าวว่า เนื่องจากนี่คือคอนเสิร์ต love yourself ผมเลยอยากให้ทุกคนพูดตามว่า  ‘when I say love yourself, you say love myself’


    ตอนนั้นทุกคนพร้อมใจตะโกน ‘love myself’ กันดังมาก (รวมถึงตัวเราด้วย) เรารู้สึกว่าเป็นอะไรที่ให้พลังบวกคนได้มากจริงๆนะ มันไม่ใช่แค่การเล่นกับคนในคอนธรรมดา แต่ deep message นี้ ที่ได้สื่อผ่านเพลงและพยายามจะ empower ผู้คนมาตลอด ตอนนี้ผู้คนได้รับมันแล้วจริงๆ 


    embrace all your flaws, learn all your faults, and courage to forgive yourself.


    "เพื่อนที่ห่างกันไปนาน พอกลับมาเจอกันใหม่ความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิม"


    มีหลายคำพูดในช่วง ment ที่เราชอบทั้งสองวัน บางช่วงก็ตลก บางช่วงก็ฟังแล้วน้ำตาคลอ (5555) แต่ช่วงที่รู้สึกทัชใจมากๆ คือตอนที่แต่ละคนเล่าถึงความหลังของตัวเองตอนมาไทยครั้งแรก (ซึ่งได้พูดใน The Wings Tour เช่นกัน) นัมจุนเล่าว่า ‘สมัยพึ่งเดบิวต์ได้ 5 เดือน ตอนนั้นยังถอดแว่นกันแดดไม่ได้ (5555)...พวกเราไม่ใช่คนดัง ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย แต่ก็มีแฟนๆ ไปรอรับที่สนามบิน และให้การต้อนรับเป็นอย่างดี...พอมาวันนี้ อาร์มี่ก็ยังเหมือนเดิมเลย’     ส่วนยุนกิ ‘...ชื่อวงเหมือนชื่อรถไฟฟ้า BTS ที่ประเทศไทย...ไม่เกี่ยวอะไรหรอกครับ แค่นึกได้อยากพูดเฉยๆ...’ 

    และอันนี้เป็นอีกประโยคนึงจากจีมินที่เราจำได้แม่น

    ’พวกเราคิดถึงวันที่มาเมืองไทยครั้งแรก คิดถึงทุกคนที่ให้การต้อนรับเรา ซึ่งตอนนั้นเราเป็นใครก็ไม่รู้ เพราะความรักและแรงเชียร์ของทุกคนที่มีให้กับพวกเรา เลยทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้...’


    ศิลปินที่พึ่งเดบิวต์เปิดตัวมาไม่กี่เดือน เดิมทางมาประเทศไทยครั้งแรก และไม่ได้มีชื่ออะไรขนาดนั้น ณ เวลานั้น พอเจอแฟนๆ มาเซอร์วิสเยอะขนาดนี้ มันเลยเป็นเหตุการณ์ที่คนได้รับประทับใจมากๆ ไม่แปลกที่จะพูดอยู่ตลอด ก็เลยเข้าใจว่าทำไมถึงให้คำนิยามประเทศไทยใน Burn the Stage the Movie ที่ฉายไปเมื่อปีที่แล้วว่าเป็น ‘เพื่อนเก่า’ เพราะไม่ว่าจะกลับมากี่ครั้ง ก็รู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า รู้สึกสนุกที่ได้กลับมา :)


    MUSIC AND ARTIST FOR HEALING.


    อย่างที่บอกว่าสองปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นกับบีทีเอสเยอะมาก สำหรับเราและหลายๆคนก็มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะเหมือนกัน เมื่อเราโตขึ้น ความคิดก็เปลี่ยนไปตามอายุ มีความผิดพลาดมากขึ้น บางทีก็สุขมาก หรือบางทีก็ท้อจนไม่รู้จะท้อยังไง แต่ที่ผ่านมาได้ส่วนนึงก็เพราะเพลงของพวกเขาเนี่ยแหละ และ การที่ได้มาดูคอนเสิร์ตสองวันที่ผ่านมา ก็เหมือนได้ชาร์ตพลังให้กับตัวเอง ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงในคอนเสิร์ตได้คุ้มค่าจริง ๆ 


    (+ ชอบคำแปลโปรเจควันแรกมากๆเลย)


    우리라서 다행이다 함께 여서 다행이다 해
    “โล่งอกจังที่เป็นพวกเรา โล่งใจจังที่อยู่ด้วยกัน”






    เราดูคอนเสิร์ตบีทีเอสในไทยมา 5/7 รอบแล้ว ซึ่งรอบนี้บอกเลยว่าประทับใจที่สุดและคุ้มค่าทุกวินาที ทั้งคุ้มค่าบัตร คุ้มที่ทนอากาศร้อน ๆ ข้างนอก และคุ้มที่นั่งตากฝนดู (วันที่สอง) เพราะเป็นการแสดงที่ผ่านการคิดมาหลายตลบ และ setlist ตลอดทั้งคอนเสิร์ตนั้นมีเรื่องราว และความสนุกอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เพลงที่เราอยากฟัง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะตลอดสามชั่วโมงนี้ เราใจจดจ่ออยู่แต่ในคอนเสิร์ตจริงๆ (พึ่งมารู้สึกตัวว่าคอนใกล้จบแล้วก็ตอนเบรกก่อน Encore song)  คือเราได้อะไรไปมากกว่าแค่การใช้วันหยุดไปกับการดูคอนเสิร์ต แต่บีทีเอสทำให้เรารู้สึกเหมือนกลับมาหาเพื่อนเก่าจริง ๆ และในระหว่างนั้นเราก็ได้เหมือนเรียนรู้และแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาซึ่งกันและกัน 


    บีทีเอสเป็นวงที่มี passion ในการทำเพลงสูงมาก และเขาเก่งมากที่สามารถนำ concept ซีรีย์อัลบั้มทั้งสามเวอร์ชั่นมาถ่ายทอดบนคอนเสิร์ตได้เป็นเรื่องเป็นราวและลงตัวขนาดนี้ ซึ่งตรงกับคอนเซปของซีรีย์อัลบั้มที่เล่นกับความหมายของชีวิต  Answer จะเหมือนเป็นตัวบาลานซ์ระหว่าง Her ที่หมายถึงแสงสว่าง ส่วน Tear จะหมายถึงความมืดมิดและความเดียวดาย และสิ่งที่พวกเขานำเสนอออกมานั้นแสดงให้เห็นถึงแพชชั่นและความตั้งใจทางดนตรีไม่ใช่แค่ศิลปิน แต่รวมถึงทีมงานเบื้องหลัง ที่คำนึงถึงคนดูเป็นอันดับแรก


    ใจหายตอนคอนเสิร์ตจบ มันทั้งซึ้ง ประทับใจ ร้องไห้ รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเร็วมาก ดีใจที่ได้เป็น 1 ใน 40,000 กว่าคน ซึ่งครั้งนี้ก็ถึงกับจองบัตรข้ามปี รอกันหลายเดือนกว่าจะได้ดู เพื่อแลกกับเวลาเพียงแค่2-3 ชั่วโมง ครั้งหน้าก็หวังว่าจะได้เจอกันอีก เจอกันต่อไปทุกคอนเสิร์ตเลยเนอะ เพื่อนเก่า :-)

















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in