เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : กวางตุ้งเฮฮา
  • ผู้เขียน : ยุวดี ตันสกุลรุ่งเรือง
    สำนักพิมพ์ : แพรว
    จำนวนหน้า : 151 หน้า (ไม่รวมหน้าท้ายสุด)
    ราคา : 125 บาท


         มีเชื้อสายจีนใช่มั้ย?

         หลายคนคงตอบว่าใช่กับคำถามนี้


         ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ชนชาวจีนได้อพยพหนีความยากลำบากจากประเทศตัวเอง ข้ามน้ำข้ามทะเลไปตั้งถิ่นฐานตามดินแดนต่างๆ นั่นเป็นสาเหตุของการที่มีชาวจีนอยู่ทั่วทุกมุมโลก รวมไปถึงในประเทศไทยด้วย และด้วยความที่คนจีนเป็นคนขยัน เมื่อไปอยู่ที่ใดก็มักใช้ความอุตสาหะประกอบอาชีพจนเลี้ยงตัวเองได้ แล้วแต่งงานแต่งการมีลูกมีหลานต่อๆมา ส่วนหนึ่งของผลผลิตนั้นก็คือเราๆท่านๆหลายคนที่กำลังเขียนกำลังอ่านบทความนี้กันอยู่นั่นเอง

         เอาล่ะ ก่อนจะกลายเป็นบทความเชิงประวัติศาสตร์ของลูกจีนในไทยไปเสียก่อน วกกลับมารอบๆหนังสือสักหน่อย เป็นที่ทราบกันว่า คนจีนในไทยนั้นมีหลาย...กลุ่ม เผ่าพันธ์ เอ เอาเป็นว่า ที่รู้จักกันก็จะมี จีนกวางตุ้ง จีนไหหลำ จีนแต้จิ๋ว จีนแคะ จีนฮกเกี้ยน และอื่นๆอีกมากมาย และแต่ละเชื้อสายนั้นก็อาจมีวิถีการดำเนินชีวิตต่างกันออกไป

         คุณยุวดี ตันสกุลรุ่งเรือง ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ เธอเป็นลูกผสมระหว่างคนไทยกับคนจีนเชื้อสายกวางตุ้ง เกิดและเติบโตมาอย่างคุ้นเคยกับธรรมเนียมของคนจีนกวางตุ้งโดยมีแม่และยายเป็นผู้สาธิตวิถีการดำเนินชีวิตอย่างไม่จำเป็นต้องออกเป็นตำรา แต่สามารถฝังอยู่ในความคิด ความจดจำ ไม่รู้ลืม และเมื่อมีโอกาส เธอจึงถือโอกาสบอกเล่าความเป็นคนกวางตุ้งให้แก่ผู้อ่านได้เข้าใจทางตัวอักษร ในหนังสือที่ชื่อ "กวางตุ้งเฮฮา" เล่มนี้

      
         เนื้อหาในหนังสือเป็นการเผยให้เห็นโลกของคนกวางตุ้งตลอดจนความเป็นจีนได้ในหลายๆบริบท ตัวอย่างเช่น ด้านอาหารการกิน ก็เป็นที่รู้อยู่บ้างแหละว่าคนจีนนั้นถือเรื่องการกินเป็นเรื่องสำคัญ จนมีเรื่องเล่าขนาดว่า คำทักทายที่คนจีนใช้นั้นแปลว่า "กินข้าวหรือยัง" เล่นเอาคนฟังเชื่อแบบนั้นอยู่นานสองนานจนกระทั่งได้เรียนภาษาจีนด้วยตนเอง จึงทราบว่า หนีห่าว นั้นมาจาก หนี่ ที่แปลว่า คุณ กับ ห่าว ที่แปลว่า ดี อ้าว ไหนล่ะ กินข้าวหรือยัง ไม่เห็นเกี่ยวกับข้าวสักแอะนึง กินข้าวหรือยังนั่นพูดว่า ชือฟ่าน(กินข้าว) เลอ(แล้ว) มะ(ยัง?) ตะหากเล่า ใครหนอเป็นต้นตอปล่อยข่าวลือเรื่องนี้

         ว่าด้วยการกินของชาวกวางตุ้งที่น่าสนใจจากหนังสือเล่มนี้ก็อย่างเช่นคำเปรียบเปรยประมาณว่า คนกวางตุ้งกินสิ่งที่มีขาทุกอย่างยกเว้นเก้าอี้ กินสิ่งที่มีปีกทุกอย่างยกเว้นเครื่องบิน นั่นป่ะไร แล้วก็มีตัวอย่างของการ "กินทุกอย่าง" เป็นเรื่องเล่าการจับลูกหนูและแมลงสาบมาทำยา ไม่ใช่เขียนแค่ประโยคเดียวหนา บอกเล่าตั้งแต่วิธีหา(สัตว์)ถึงขั้นตอนการดองยากันเลยทีเดียว เธอว่าแมลงสาบเอาไว้ทำยาแก้ไอ บรื๋อ รับประทานเข้าไปได้อย่างไรกัน
         นอกจากเมนูเปิบพิสดารนั่นแล้ว คุณยุวดีเธอก็ยังเขียนเรื่อง เป็ดปักกิ่ง ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของจีนอีกด้วย ซ้ำเคลมด้วยว่าต้องคนกวางตุ้งทำนะ จึงจะอร่อย และแน่นอน มีตั้งแต่วิธีเลี้ยงเป็ดว่าต้องเลี้ยงให้ไม่ออกกำลัง จะได้มีเนื้อนุ่มๆ ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกว่าคนแถวนี้ก็ปฏิบัติตัวราวจะขุนให้ตัวเองเป็นเป็ดปักกิ่งกับเขาเหมือนกัน กลับเข้าเรื่องดีกว่า สรุปได้ว่า เป็ดปักกิ่งจะอร่อยได้นั้นจะต้องมีวิธีเตรียมและวิธีปรุงสูตรเฉพาะที่ไม่ใช่แค่คิดจะทำก็ทำได้ ทั้งตัวเป็ดและน้ำจิ้ม ดูเหมือนเมื่อเป็นเรื่องการกินแล้ว ยังคงเชื่อมั่นในความจริงจังของชาวจีนและ เอ้อ ชาวกวางตุ้ง ได้เสมอ


         นิสัยของคนกวางตุ้งอีกก็บอกเล่าให้เย้ายิ้มได้เช่นกัน เช่นว่าความชอบจิกกัดเจ้าคารม การทำอะไรรวดเร็ว ความประหยัดในสายเลือด และความเป็นคนพูดเสียงดัง เอ นี่มันแค่กวางตุ้งจริงๆน่ะเหรอ เพราะคนจีนหลายคนที่เคยเห็น ทั้งเพื่อนและไม่ใช่เพื่อน เขาก็ดูเป็นคน....เสียงดัง และทำอะไรปึบปับอยู่หนา แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นกวางตุ้งหรือเปล่า ไม่เคยถามสักที ส่วนเรื่องปากคอนั้น เผอิญไม่เคยเถียงกับคนจีนสักทีเหมือนกัน แต่เคยอ่านที่เขาแสดงความเห็นเรื่องต่างๆ ตลอดจนอ่านหนังสือที่เขียนโดยคนจีนก็พบว่า เป็นคนที่เจ้าสำนวนพอตัวเลยจริงๆ ถ้าเรียกแบบไทยต้องเรียกว่า มีดโกนอาบน้ำผึ้ง ส่วนเรื่องประหยัดไม่ขอออกความเห็นเพราะไม่มีประสบการณ์ เอาเป็นว่าเชื่อก็แล้วกัน เมื่อคนกวางตุ้งเคลมว่าคุณสมบัตินี้เป็นของเขามากกว่า ก็ตามนั้น
      
         แล้วก็มีวิถีชีวิตต่างๆที่เป็นของชาวกวางตุ้งเอง และเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ของจีน ตั้งแต่วิธีหาคู่ที่ต้องพึ่งพาแม่สื่อแม่ชัก (ยุคนี้ไม่น่าต้องใช้ เขาปัดทินเดอร์กันแล้ว) ความลำบากในการเป็นสะใภ้ ที่ต้องดูแลทั้งสามี รับความกดดันจากแม่สามี ต้องมีลูก ต้องเลี้ยงลูก โน่นนี่นั่น แล้วยุคก่อนเขาแต่งสะใภ้ตั้งแต่ผู้หญิงยังอายุเด็กๆ เผลอๆไม่บรรลุนิติภาวะ ทำไม่ดีก็โดนพ่อแม่สามีตีไปอีก โอ๊ย กราบขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่ไม่ได้เกิดเป็นผู้หญิงในยุคนั้น

         ส่วนเกร็ดประวัติศาสตร์ก็เช่นเรื่องประวัติของเทศกาลเรือมังกร ว่าเกิดจากการตายของคนๆนึง และชาวบ้านต้องการช่วยๆคนๆนั้น เลยผูกของกินโยนลงน้ำแล้วแล่นเรือให้มังกรเอาคนๆนั้นกลับมาคืน เกร็ดประวัติเรื่องต่างๆมักมีความเหนือจริงเสมอ แต่อ่านแล้วก็เพลิดเพลินดี


         สิ่งที่สัมผัสได้จากหนังสือเล่มนี้คือ ความเป็นคนช่างเล่าของคุณยุวดี ที่เธอสามารถเขียนถึงเรื่องๆหนึ่งและโยงไปอีกเรื่องหนึ่งได้อย่างไม่ขัดเขิน ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงการมีความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องราวต่างๆของจีนอย่างลึกซึ้ง จนสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด

      
         เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้ทั้งความรู้และความบันเทิงจริงๆ


         ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็มีคนในบ้านอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วบอกว่า ไม่อินกับสไตล์การเขียนของคุณยุวดี เพราะฉะนั้นคุณผู้อ่านควรทดลองอ่านดูก่อนว่าถูกจริตหรือเปล่า ถ้าชอบเรื่องเกี่ยวกับจีนอยู่เป็นทุนเดิมและอ่านแล้วรู้สึกถูกจริต ก็ลองรับมาอ่านต่อที่บ้านดูนะคะ
          อย่างไรก็ดี หนังสือเล่มนี้พิมพ์มาหลายปีแล้วหนา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าร้านหนังสือทั่วๆไปมีขายหรือเปล่า


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่

         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html

         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in