เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ฉบับคัดสรร
  • ผู้เขียน : ดังตฤณ
    สำนักพิมพ์ : ฮาวฟาร์
    จำนวนหน้า : 144 หน้า
    ราคา : 110 บาท  

         
         สวัสดีวันศุกร์ค่ะคุณผู้อ่าน

         ขอวกกลับมาเรื่องที่เราลงเมื่อวันอังคารเกี่ยวกับมวยไทย หลังจากนั้นเราไปเจอโพสต์ของคุณเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีคนอยู่เบื้องหลังที่ต้องการให้ไทยแตกกับกัมพูชาเพื่ออะไรสักอย่าง และในคอมเม้นท์ก็มีคนตั้งข้อสังเกตอีกว่า อาจจะเพราะทางนั้นใกล้เลือกตั้งเลยต้องหาประเด็นอะไรสักอย่างเพื่อปลุกความรักชาติของเขา
         ซึ่ง...มันก็เป็นไปได้ทั้งสองข้อสังเกต เพราะฉะนั้นเลยมาเตือนให้ทุกคนตามข่าวและแสดงความเห็นกันอย่างมีสตินะคะ 
         ....ด้วยความปรารถนาดี 

         จะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน นับแต่วันนี้ไปอีกประมาณหนึ่งเดือน ถ้าเราเกิดอาการเพ้อๆ ฟุ้งๆ บ้าๆบอๆ ในบทความ ต้องขอโทษล่วงหน้านะคะ 
         นับแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ งานเราเยอะมากค่ะ อาจเกิดอาการประสาทรับประทานได้ แต่ถ้ายังมีแรงก็จะมาเขียนงานให้อ่านนะคะ 

         งานยุ่ง จิตไม่ปกติ งั้นอ่านหนังสือธรรมะดีกว่าค่ะ หวนกลับไปหาหนังสือของคุณดังตฤณอีกสักรอบ 


         เราเคยเล่าถึงหนังสือชื่อ “เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม 1” ของคุณดังตฤณ ไปเมื่อนานมาแล้ว และเราก็เล่าว่าหนังสือซีรีย์ “เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว” มีด้วยกันสิบสองเล่ม
         ก็ยังมีสิบสองเล่มค่ะ

         อย่างไรก็ดี เมื่อเวลาผ่านไป ทางสำนักพิมพ์ได้จัดพิมพ์ “เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว” ฉบับพิเศษ ซึ่งได้รวมบทความที่คัดแล้วว่าน่าสนใจจากหนังสือของคุณดังตฤณเล่มต่างๆ โดยมีเนื้อหาจาก “เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว” สิบสองเล่มนั้น เป็นหลักในการจัดวางเนื้อหา
         ซึ่งหนึ่งในเล่มพิเศษ(มีมากกว่าหนึ่งเล่ม)ก็คือเล่มนี้ค่ะ “เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ฉบับคัดสรร”

         ถามว่าเนื้อหาข้างในเป็นอย่างไร
         ก็เป็นแบบหนังสือคุณดังตฤณนั่นแหละค่ะ (ฟึบ กระโดดหลบหมัดคุณผู้อ่าน)

         อธิบายๆ คืองี้ หนังสือเล่มนี้จะเป็นการรวบรวมบทความของคุณดังตฤณมาจัดเรียงใหม่โดยแยกเป็นหัวข้อทั้งหมด 6 หัวข้อ ได้แก่ เงินๆทองๆ, รักๆใคร่ๆ, สวยๆงามๆ, ภัยพิบัติ, แก้ทุกข์ทางใจ และ ความเข้าใจกรรมวิบาก ซึ่งในแต่ละหัวข้อจะมีบทความอยู่สองสามแนว แนวที่หนึ่งก็ตามสไตล์ “เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว” ที่มีการตั้งคำถามแล้วคุณดังตฤณตอบ บ้างก็มีบทความที่ตัดมาจากท้ายเล่มของ “เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว” บางเล่ม และถ้าจำไม่ผิด เราว่าเราเห็นเนื้อหาจากหนังสือเล่มอื่นของคุณดังตฤณด้วยนะ แนว “มีชีวิตที่คิดไม่ถึง” อะไรแบบนี้
         อ้าว ไม่ใช่ ในคำนำบอกว่า นอกจากคำถามใน “เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว” แล้ว หลายบทความมาจากคอลัมภ์ “ข่าวน่ากลุ้ม” กับ “เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน” ค่ะ ในเมื่อสำนักพิมพ์บอกแบบนั้น ก็ตามนั้น


         ว่ากันตามตรง เนื้อหาต่างๆในเล่มเราก็อ่านแล้วแทบทั้งหมดนั่นแหละ เพราะเราอ่านเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวครบทั้งสิบสองเล่ม แต่ละเล่มอ่านซ้ำมากกว่าสามรอบด้วย (ขอบคุณห้องสมุดครุศาสตร์และหอสมุดกลางมา ณ ที่นี้) แต่พอกลับมาอ่านอีกรอบก็ยังมีความรู้สึกร่วมไปกับเนื้อหาในหนังสืออยู่

         ที่ตลกคือบทแรก กับคำถามแนว “ทำบุญยังไงถึงจะรวย” แล้วคุณดังตฤณก็ตอบโดยใช้ภาษาแบบกวนนิดๆ อารมณ์เสียหน่อยๆ ใจความประมาณว่า “ประทานโทษ นี่จะทำบุญเก็งกำไรรึไง”
         ส่วนสาระในบทน่ะหรือคะ การให้ทาน การตั้งใจประกอบสัมมาชีพ(อาชีพสุจริต) และความกตัญญู เป็นที่มาของการมีทรัพย์ ส่วนที่มาของการเสื่อมทรัพย์คือ ความตระหนี่ ความอกตัญญู(เด็กรุ่นใหม่บางคนอ่านแล้วจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนมั้ยนะ?) การผิดศีลข้อสอง(ลักขโมย) เป็นต้น

         อีกบทที่ชอบคือหมวดเรื่องสวยๆงามๆ หรือจี้ให้ถูกจุด เราชอบคำถาม “กรรมที่ทำให้มีเสน่ห์” ค่ะ ไม่รู้สิคะ อ่านกี่ครั้งก็ชอบน่ะ อ่านไปสำรวจตัวเองไปว่า เรามีกรรมที่ทำให้เกิดเสน่ห์ทางกาย ทางวาจา และทางใจแล้วหรือไม่ มีมากหรือมีน้อย อะไรแบบนี้
         ถ้าคุณผู้อ่านอยากตรวจสอบนิยามเสน่ห์ของตัวเองในทางพุทธ ก็ลองอ่านดูได้นะคะ

         แต่บทที่เฉยๆมาก คือเรื่องภัยพิบัติ เออเราเคยอ่านและเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า ภัยพิบัติแบบที่มาถึงกวาดทั้งโลกตายหมดนั้น แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะมันยากมากที่สัตว์มีบุญแบบมนุษย์ทั้งโลกจะมาล้มหายตายจากในเวลาเดียวกัน
         แต่ภัยต่างๆน่ะมีแน่ เกิดตรงไหนเมื่อไหร่เท่านั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับธรรมชาติคัดสรร กรรมใครกรรมมัน
         ...ถึงแม้ว่าบางทีตอนเบื่อชีวิตมากๆ เราจะแอบอยากให้มีสงครามล้างโลกให้ตายกันให้หมดเลยก็ตาม

         ส่วนเรื่องแก้ทุกข์ทางใจ ก็โอเคค่ะ ท่องไว้ “อย่าคิดมาก” แต่แหม การเป็นคนคิดมากโดยกมลสันดานมันแก้ด้วยการท่อง “อย่าคิดมาก” ไม่ได้เสมอไปหรอกนะคะ หึ

         อีกสองบทที่เหลือก็อ่านๆได้ อ่านแล้วอ่านอีก เนี่ย คอยดูนะ ครึ่งปีผ่านไป เราก็กลับมาอ่านเล่มนี้อีกครั้ง ปล่อยหนังสือเล่มใหม่ค้อนขวับอยู่บนชั้น


         จะอ่านแล้วอ่านอีกสักกี่รอบ เราก็ยังชื่นชอบงานเขียนของคุณดังตฤณอยู่เช่นเคย เราว่างานของเขา นอกจากกระตุ้นให้เราขบคิดเรื่องต่างๆในชีวิตได้ ยังให้คำตอบกับความเป็นไปรอบตัวหลายๆอย่างถึงเหตุที่มาที่ไปได้อีกด้วย
         ตามความเห็นของเรา ประโยชน์สูงสุดจากการอ่านหนังสือของคุณดังตฤณคือ ทำให้เราเชื่อในกรรมวิบากค่ะ ทำให้มีกำลังใจที่จะปฏิบัติตัวตามแนวทางที่ควรจะเป็นในฐานะพุทธศาสนิกชน และทำให้มีความหวังว่า หากเรา “ทำ” มากพอ เราจะสามารถปฏิบัติธรรมและบรรลุธรรมได้ดังที่เนื้อนาบุญ อุบาสก และอุบาสิกาทั้งหลายเคยทำสำเร็จมาแล้ว
         ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะบรรลุธรรมได้ชาติไหน หรือจะทำเหมือนที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า จะขอตามไปเป็นข้าฯรองพระบาทรัชกาลที่ ๙ ทุกชาติไป ดีล่ะ? (เห็นว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์นะ ชาติสุดท้ายน่าจะได้เกิดเป็นพระพุทธเจ้า) 
         แหม อะไรจะวางแผนข้ามภพข้ามชาติชั่วกัปชั่วกัลป์ขนาดนั้น เอาชาตินี้ให้รอดก่อนเถอะ 
         ก็...นั่นแหละค่ะ  


         คุณดังตฤณกล่าวประมาณว่าบุคคลใดตั้งคำถามว่าทางใดที่นำไปสู่ประโยชน์สูงสุด แล้วพยายามปฏิบัติให้ได้ตามนั้น หากเกิดในภายภาคหน้าจะเป็นคนฉลาด
         เอาน่ะ เราก็เชื่อในกรรมวิบากแล้ว แม้ชาติหน้าจะไม่บรรลุอะไรทั้งสิ้น อย่างน้อยเราน่าจะฉลาดกับเขาบ้างล่ะ 555

      
         หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่ชอบหนังสือของคุณดังตฤณ อ่านหนังสือธรรมะได้หรือชอบอ่านหนังสือธรรมะ รับรองว่าได้ประโยชน์แน่นอนค่ะ
         แต่ถ้าหนังสือธรรมะไม่ใช่แนวของคุณ เอ้อ จะว่าไป เรื่องกรรมที่ทำให้มีเสน่ห์ เราว่า มันก็อ่านได้ทุกคนนา ลองอ่านดูมั้ย?


         ถ้าสนใจก็ทดลองอ่านดูนะคะ เล่มนี้มีให้อ่านฟรีเป็นไฟล์ pdf ในเว็บไซต์ dungtrin.com ค่ะ ส่วนถ้าอยากได้รูปเล่ม เคยเห็นเมื่อนานมาแล้วในร้าน 7-11 นะคะ ไม่รู้ตอนนี้ยังขายอยู่ไหม

         ขอให้สนุกกับการอ่านหนังสือค่ะ


         สวัสดีค่ะ 

         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่     https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in