ผู้เขียน : อู่จื้อหง
ผู้แปล : เพ็ญศิริ รัตนศรี
สำนักพิมพ์ : วารา
จำนวนหน้า : 417 หน้า (ไม่รวมหน้าโน้ต)
ราคา : 340 บาท
สวัสดีค่ะ
คุณผู้อ่านหลายท่านอาจจะงงว่า วันอังคารยัยนี่มันไม่ลงบทความเหรอ(วะ) คือ เราลงไปแล้วล่ะค่ะ(มีผู้อ่านทัน 8 คน ถ้วน) แต่คิดไปคิดมา มันดูไม่ค่อยมีประโยชน์น่ะ ก็เลยกดซ่อนไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาประเมินอีกที
ถ้าหลังจากนี้รู้สึกว่าเรื่องไหนหายไป นั่นคือยัยคนเขียนประเมินแล้วเห็นว่า ควรลบ นะคะ
และเนื่องจากตอนนี้เราก็ยังคงอยู่ในโหมดดาร์ก อยู่ในโหมดที่ต้องเผชิญกับความดุดันของงานและเพื่อนร่วมงาน วันนี้ก็จะนำเสนอหนังสือดาร์กๆอีกเล่มหนึ่งที่ชื่อ "ทำไมบ้านทำร้ายเรา" ของนักเขียนชาวจีนนาม "อู่จื้อหง"
คุณอู่เขียนหนังสือสนุกมากค่ะ อีกเล่มที่ได้อ่านคือ "ร่างกายรู้คำตอบ" อีกสามเล่มที่รอสอยตอนลดราคาคือ "ทำไมความรักทำร้ายคน", "ขอบคุณที่ไม่เพอร์เฟกต์" และ "ความฝันรู้คำตอบ"
สำหรับ "ร่างกายรู้คำตอบ" วันหน้าจะมาเล่าให้อ่าน ส่วนอีกสามเล่ม ถ้าได้อ่านก็จะมาเล่าเหมือนกัน
ปล. "ทำไมบ้านทำร้ายเรา" เล่มนี้ เราซื้อมาถูกกว่าราคาเต็มตั้งครึ่งหนึ่งแน่ะ ยินดีกับเราหน่อย เหอๆ
เมื่อพูดถึง "บ้าน" หลายคนจะคิดไปว่า เป็นที่ซึ่งปลอดภัยที่สุดของคนเรา เป็นที่ซึ่งมีแต่คนที่เรารักและรักเรา เป็นที่ๆอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความสุข ฯลฯ
จริงหรือ?
"ทำไมบ้านทำร้ายเรา" บอกว่า ไม่จริง...เสมอไป
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นชาวจีน อาศัยอยู่ในประเทศจีน และทำงานเป็นนักจิตบำบัด(หรือเกี่ยวกับจิตวิทยาสักอย่าง) และเขาเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นโดยอิงจากปัญหาในครอบครัวของคนจีนซึ่งเขาได้ประสบพบมาระหว่างที่ทำงานอยู่ ในตอนแรก เจ้าตัวแทบไม่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะมีอยู่จริง แต่เมื่อประสบพบเหตุการณ์แต่ละอย่างไปเรื่อยๆ ก็เริ่มตระหนักว่า ครอบครัวชาวจีนนั้น...มีปัญหา....ที่หลากหลาย อย่างเหลือเชื่อ
และ "บ้าน" ที่ทำร้าย "เรา" ในที่นี้ จะหมายถึง "พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่" ที่การกระทำหลายๆอย่างอัน กระทบต่อ จิตใจและชีวิตของ "ลูก" หรือ "หลาน" ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
และเนื่องด้วยในหนังสือมีเรื่องราวมากมาย จะขอยกให้เห็นสักหนึ่งหรือสองตัวอย่าง...พอสังเขป
ในบทแรกๆของหนังสือ คุณอู่เล่าถึงชายคนหนึ่งที่ไม่เคยลืมรักครั้งแรก(น่าจะรักครั้งแรกนะ เท่าที่อ่านดู)ของเขาได้เลย นั่นเพราะเธอทำให้เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่น...ที่เขาไม่เคยได้รับจากแม่ผู้ให้กำเนิด เนื่องจากตั้งแต่พ่อของเขาตายจากไป แม่ได้เปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆและไม่ใส่ใจในตัวเขา เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในชีวิตเขา รักเขา และดูแลเขาอย่างจริงใจ เขาจึงรู้สึกผูกพันกับหล่อนมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชายผู้นี้กลับทำตัวน่ารำคาญ เที่ยวหึงหวงจับผิดอย่างไม่มีสาเหตุ แถมยังชอบหาจุดด้อยของคนรักมาพูดให้หล่อนช้ำใจ จนสุดท้ายเธอทนไม่ได้ และจากเขาไป
เธอแต่งงานและมีครอบครัวที่อบอุ่นในที่สุด ส่วนเขาก็เปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆ อย่างที่แม่ของเขาเคยทำ
ยังมีตอนที่ชื่อ "เผชิญความสำเร็จและความล้มเหลวในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปพร้อมกับลูก" ซึ่งเล่าถึงพ่อแม่จำนวนมากที่คอยกดดันเรื่องผลการเรียนของลูกๆของตน จนเด็กเกิดความเครียดและสะสมกลายเป็นความผิดปกติทางจิตใจ กลัวสังคม กลัวความล้มเหลว และกลัวคนรอบข้างไม่ยอมรับ
จะว่าไป เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกิดเฉพาะที่ประเทศจีน เชื่อว่าในประเทศไทยก็มีไม่น้อย
และเรื่องราวอีกมากมายจากหลายครอบครัว ที่อ่านแล้วชวนปวดหัวมิใช่ย่อย
การ "ทำร้าย" ที่เน้นย้ำในหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่การทุบตี ไม่ใช่การกระทำชำเรา ไม่ใช่การประทุษร้ายทางร่างกาย แต่คือการทำร้ายทางจิตใจ คือการที่พ่อแม่ขีดกรอบให้ลูกเดินโดยไม่ถามความสมัครใจของลูก คือการที่พ่อแม่ใช้วาจาทำให้เกิดบาดแผลฝังใจ คือการที่พ่อแม่เมินเฉยจนลูกคิดว่าตัวเองไม่ดีพอแก่การได้รับความรัก ฯลฯ
คือการที่บุคคลในบ้าน ซึ่งควรเป็นคนที่ปลอดภัยที่สุดของลูกหลาน ทำตัวให้กลายเป็น มหันตภัย ของลูกหลานเสียเอง
และแน่นอน มันส่งผลต่อความเป็นตัวตนของเด็กคนนั้น และส่งผลให้เขากลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่สมบูรณ์ในแบบที่ควรจะเป็น ถ้าพูดให้ชัดคือ มันเป็นการสร้างผู้ใหญ่ที่มีสภาวะจิตอันไม่ปกติ อันสามารถส่งต่อความไม่ปกติหรือก่อให้เกิดความไม่ปกตินี้ ไปสู่คนรุ่นต่อๆไปได้
เชื่อว่าฆาตกรโรคจิตและผู้ป่วยในโรงพยาบาลบ้าหลายคน ก็มาจากพ่อแม่แบบนี้นี่แหละ
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือจิตวิทยาแนวดาร์กๆ ที่นำเสนอแง่มุมด้านลบของความเป็นครอบครัวออกมา อ่านไปก็จะสะเทือนใจไป ยิ่งหากท่อนใดของหนังสือเกิดตรงหรือคล้ายกับสิ่งที่เคยได้รับมาก่อน มันก็จะรู้สึกอึ้งๆแบบพูดไม่ออก
และไม่ว่าจะสะเทือนใจเพียงใด ความจริงก็คือ โลกใบนี้ยังมีพ่อแม่ที่ไม่ตระหนักว่า การถนอมน้ำใจบุตรหลานคือสิ่งจำเป็น อยู่อีกมากมาย และอยู่ทั่วโลกเสียด้วย
ไม่นับพวกเห็นแก่ตัวทำร้ายลูกเพื่อความสะใจในแบบต่างๆนะ (ถ้านับรวมกันนี่...โอ้ เหลือประมาณ)
แต่สิ่งหนึ่งที่คิดได้ก็คือ เราไม่ใช่คนเดียวที่ถูกทำร้าย ยังมีคนอีกมากมายที่ถูกทำร้ายเช่นกัน บางคนโชคร้ายกว่าเราเสียด้วยซ้ำ
กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเราแก้ไขไม่ได้ ที่ทำได้คงมีแค่ การตั้งใจว่า หากมีลูก จะไม่ทำให้ลูกเจ็บปวด..อย่างที่เคยได้รับมา
ความสนุกของหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ความตลกโปกฮา หากแต่คือการทำให้สามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับเหตุการณ์ในหนังสือ คือการทำให้เผลอหลุดปากตำหนิการกระทำของ "บ้าน" บางคนออกมา และคือการทำให้ได้ย้อนกลับเข้าไปดูในตัวตนของตนเองว่า มีความผิดปกติใดๆอยู่มากน้อยประการใดบ้าง และพอแก้ไขได้หรือไม่ อย่างไร
มองอีกมุม การอ่านอะไรเครียดๆก็ถือเป็นการปลดปล่อยอย่างหนึ่ง เพราะมันทำให้เราแสดงอารมณ์ด้านลบออกมา พอปล่อยอารมณ์ออกมาถึงจุดหนึ่งก็จะรู้สึกผ่อนคลายลงได้ (ลีลาการเขียนชักใกล้เคียงสำนวนนักเขียนคนจีนละ หุหุ)
บางที สาระของหนังสือเล่มนี้ อาจเป็นการทำให้ผู้อ่านได้เห็นปัญหาของคนอื่น เพื่อ "ย้อน" ดูปัญหาของตัวเองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
...ก็เป็นได้...
สวัสดี
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in