สวัสดีค่ะ เราเป็น dek64 ที่เพิ่งผ่านการสอบแกทแพท โอเน็ต และวิชาสามัญไปในปีนี้ หลังจากช่วงก่อนสอบมีการเรียกร้องถึงขั้นฟ้องศาลให้เลื่อนสอบเพราะมีหลายโรงเรียนที่ยังไม่ปิดภาคเรียนบ้าง สอบแกทแพทโอเน็ตสามัญช่วงเดียวกับไฟนอลบ้าง บวกกับโควิดที่กำลังระบาดอีกรอบ ถึงจะไม่ได้เลื่อนสอบตามที่เราคาดหวังกันแต่ก็ทำเต็มที่กันมากเลย ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันผลักดันเรื่องนี้ถึงผู้ใหญ่จะไม่ค่อยเห็นหัวเราเท่าไรนะคะ
สำหรับโพสต์นี้เป็นการบันทึกและเล่าเรื่องการเตรียมตัวสอบของเราโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ(+ญี่ปุ่นนิดหน่อย) แบบไม่เรียนพิเศษแต่มีพื้นฐานอยู่แล้ว หนังสือที่อ่าน เพจที่ติดตาม ประสบการณ์การสอบ วันที่คะแนนออก จนถึงการเลือกอันดับในรอบ 3 ค่ะ
แนะนำตัวก่อน เราจบจากโรงเรียนสาธิตม.สีเขียวเวอร์ริเดียน(ขอ edit ชื่อรร.ออกนะคะ กลัวมีคน search เจอ 55555) สายศิลป์-ญี่ปุ่น ติดรอบ 3 คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาฯ ใช้เกณฑ์ admission 1 (gat 70% + pat1/pat7 30%) ค่ะ
ในส่วนของการอ่านหนังสือ เริ่มจากภาษาอังกฤษก่อน เราเริ่มเก็บ vocab ปลายเดือนพฤษภา 2020 ขอเล่าก่อนว่าเรามีเรียนอังกฤษ 3 ตัว แล้วช่วงก่อนปิดเทอมขึ้นม.6 วิชาอังกฤษนัดสอบศัพท์ทั้งหมดที่เรียนมา กับอังกฤษอีกตัวนัดสอบศัพท์ครูสมศรี 4 หน้า จำไม่ได้ว่าใช้เวลากี่วันถึงอ่านหมด เราท่องประมาณวันละ 32 คำ วันต่อไปก็เอาของวันก่อน ๆ มาทวนด้วย คือท่องเพิ่มขึ้นทุกวันให้มันผ่านตา พออ่านครบแล้วเราก็จะไล่ดูว่าคำไหนที่ยังไม่แม่น แล้วก็รวมคำพวกนั้นมาทวนอีกรอบจนกว่าจะจำได้ พอเปิดเทอมใกล้สอบค่อยทวนทั้งหมดอีกรอบหนึ่งค่ะ นอกจากนี้จะเป็นศัพท์ที่อาจารย์ให้ตอนม.6 กับศัพท์จากหนังสือรวมข้อสอบที่เราอ่านเพิ่มเอง
บอกก่อนว่าเราไม่ได้เป็นคนขยันอ่านหนังสือ แต่ก็ไม่ได้ขี้เกียจขนาดที่จะไม่แตะหนังสือเลยหรือเก็บไว้อ่านก่อนสอบไม่นาน สิ่งที่เราทำคือการค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ สะสม ช่วงม.6 ก็มีบ้างที่แทบไม่ได้อ่านหนังสือเลยเพราะงานเยอะมาก แต่ช่วงที่ไม่ได้อ่านก็ต้องตั้งใจเรียนในห้องเพื่อเก็บเนื้อหาให้ครบด้วย แล้วก็เราลองสอบ Dek-D's Pre-Admission รอบแกทแพทกับวิชาสามัญ เพื่อกระตุ้นตัวเองให้อ่านหนังสือ แต่ก่อนสอบพรีแอดเราก็ไม่อ่านอยู่ดี 5555 ถือคติไม่ใช่ข้อสอบจริงไม่ต้องอ่านก็ได้ แบบว่าไปเอาแนวข้อสอบเฉย ๆ ค่ะ แถมของพรีแอดก็ยากกว่าข้อสอบจริงด้วย
TU-GET: เห็นแล้วอาจจะงงว่าเกี่ยวอะไรกับแกท คือเราสอบ TU-GET เดือนตุลา ไม่ได้สอบเพื่อเอาคะแนนไปยื่นที่ไหนนะคะ สอบเฉย ๆ นี่แหละ แต่ก็จริงจังนิดหน่อยถึงขั้นซื้อหนังสือมาสองเล่ม เหมือนเป็นคนที่มีการสอบเป็นแรงผลักดันให้อ่านหนังสือยังไงก็ไม่รู้ เล่มนี้จะเป็น simulation test ทั้งหมดหกชุด ซึ่งเราทำทั้งเล่มได้คะแนนอยู่ที่ 520-670/1000 ส่วนตัวถือว่าโอเคเพราะว่าศัพท์ค่อนข้างยากสำหรับเรา พาร์ท reading ก็ยาว แล้วทั้งหมดร้อยข้อ อ่านจนเมื่อยตาเลยค่ะกว่าจะทำเสร็จแต่ละชุด แต่คะแนนข้อสอบจริงเราได้มากกว่าที่ทำได้ในเล่มนี้คือ 700 ซึ่งเราก็พอใจเพราะไม่ได้เอาไปยื่นเข้าที่ไหน ได้เยอะกว่าที่ฝึกมาก็ดีใจแล้ว แล้วก็มีศัพท์ที่ไม่รู้เยอะเลยได้ศัพท์ใหม่จากเล่มนี้มามากเหมือนกัน แนะนำให้ลองทำดูค่ะ
Intensive GAT ภาษาอังกฤษ: เล่มนี้ดีมากๆสำหรับเด็กเตรียมสอบทุกคน ช่วงแรกของหนังสือคือพาเรารู้จักข้อสอบว่ามีกี่พาร์ท รวมสำนวนต่าง ๆ สรุปไวยากรณ์ บอกทริคการทำรีดดิ้ง etc. ย้ำว่าเล่มนี้เริ่ดมากจริง ได้ทริครีดดิ้งมาจากเล่มนี้เลย ส่วนของข้อสอบมีหกชุดและเฉลยละเอียด ไม่รู้ว่าเพราะเราทำเล่มนี้หนึ่งสัปดาห์ก่อนสอบหรือเปล่าเราเลยคิดว่ามันไม่ยากเท่าไร ช่วงคะแนนของเราเล่มนี้อยู่ที่ 47-53/60 ประมาณชุดกลาง ๆ ที่เราคิดว่ายากนิดนึง เราอ่านโจทย์วนไปวนมาแล้วงง อยู่ดี ๆ ก็แปลไม่ออกเลยมั่วไป คิดว่าระดับความยากใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมาก มีการสลับให้แต่ละชุดมีพาร์ทหนึ่งยากพาร์ทหนึ่งง่ายสลับกันไป สรุปแล้วเล่มนี้แนะนำมากจริง ๆ ค่ะ
ถอดรหัส Error & ตะลุยโจทย์ Error 500 ข้อ: ตามชื่อหนังสือเลยค่ะ error ที่ค่อนข้างเป็นจุดอ่อนภาษาอังกฤษของเราเมื่อก่อน ทำสองเล่มนี้ไปแล้วก็ยังคงเป็นจุดอ่อนอยู่ หยอกกก เราก็เข้าใจพอยท์มากขึ้นนะ เพราะต้องอ่านไวยากรณ์ด้วย ทำ error ด้วย มันก็ช่วยให้เข้าใจมากขึ้นอะ ในเล่มคือเราจำไม่ค่อยได้แล้วแต่เล่มซ้ายครึ่งแรกเป็นสรุปพอยท์ว่าส่วนใหญ่แล้วจะออกไวยากรณ์หรือโครงสร้างประโยคแบบไหน ครึ่งหลังเป็น test ส่วนเล่มขวาคือ test ล้วนเลย ซึ่งเราซื้อเล่มนี้มาก่อน เจอเทสชุดแรกไปแล้วอ๊องเลย เพิ่งรู้ตัวว่าอ่อน error ขนาดนั้น แต่ก็ฝืนทำต่อจนจบเล่มกับคะแนนอันน้อยนิดสุด ๆ แต่เราก็แนะนำเช่นกันนะคะ ทั้งสองเล่มเลย หรือใครที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้วเอาแค่เล่มขวาก็พอ ถึงพาร์ท error ในข้อสอบจริงทั้งแกทและโอเน็ตจะมีไม่เยอะแต่ก็สามารถเป็นพาร์ทเก็บคะแนนได้ถ้าเราเข้าใจนะ
แนวข้อสอบ 9 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ: นี่คือหนังสืออังกฤษวิชาสามัญที่เราซื้อมาลองทำก่อนไปสอบพรีแอดมิชชั่นรอบวิชาสามัญค่ะ ไม่มีอะไรมาก ข้อสอบล้วนพร้อมเฉลยละเอียดเหมือนเดิม เราทำไปแค่ 4 ชุดจากกี่ชุดไม่รู้ แต่คะแนนคือแหะ ๆ ไม่ถึง 70 เลย เสียเซลฟ์เล็กน้อยแต่เพราะเราไม่ชินกับรูปแบบข้อสอบวิชาสามัญเท่าไหร่ มี 80 ข้อ ให้เวลาทำ 1 ชม.ครึ่ง ต้องใช้ความเร็วในการทำมาก ๆ เลยอาจต้องมองข้ามบางข้อเพราะกลัวหมดเวลาก่อน แนะนำเหมือนเดิมกับคนที่ต้องใช้คะแนนวิชาสามัญนะคะ เราคิดว่ามันไม่ค่อยเน้นแกรมม่าแต่เน้นการอ่านแล้วเข้าใจและเวลาจำกัดมาก ๆ ตอนที่ทำคือเราต้องดูเวลาทุกสิบข้อเลย กลัวไม่ทัน 555555
นอกจากหนังสือเป็นเล่มแล้วเรายังมีเพจที่แจกไฟล์ข้อสอบแกทย้อนหลังและเฉลยละเอียดให้ฝึกทำย้อนหลังหลายปีเลย เด็กเตรียมสอบน่าจะรู้จักกันดีกับเพจ GAT Community บน facebook เป็นแหล่งรวมข้อสอบแกทเชื่อมโยงและแกทอังกฤษย้อนหลัง ซึ่งเราเก็บไว้ทำช่วงเดือนธันวาถึงมกราเพราะมันเป็นข้อสอบย้อนหลัง แปลว่าระดับความยากง่ายก็เทียบเท่ากับข้อสอบจริงที่จะเจอแน่นอน บวกกับเมื่อปลายเดือนธันวาที่ผ่านมาโรงเรียนเราหยุดการเรียนการสอนไปประมาณสิบกว่าวันเนื่องจากโควิดกำลังระบาดอีกรอบ ก็ถือว่าได้หยุดปีใหม่ไปด้วย เราเลยใช้เวลาสิบกว่าวันนั้นทำข้อสอบแกทและโอเน็ตอังกฤษทุกวันเลย แต่หลังจากหยุดยาวก็เรียนออนไลน์กันยาวจนจบเทอมด้วย ทำให้ตอนเรียนออนไลน์เราพักการอ่านอังกฤษจริงจังไปเกือบสองเดือน โดยเฉพาะเดือนกุมภาที่เราปั่นงานไฟไหม้มาก ปั่นทุกงานก่อนเดดไลน์ไม่กี่วันเพราะใกล้สอบไฟนอลด้วย ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็เริ่มอ่านญี่ปุ่นแทนเพราะก่อนหน้านี้เราไม่จริงจังกับแพทญี่ปุ่นเลย เพิ่งเริ่มเก็บเนื้อหาจริงจังเมื่อต้นปีนี้เองค่ะ
ในส่วนของแกทเชื่อมโยง อาจารย์เราสอนวิธีทำที่โรงเรียนตั้งแต่ม.5 เลยไม่เรียนพิเศษค่ะ แต่ช่วงแรกก็ทุลักทุเลพอตัวเพราะเรียนไม่เข้าใจเท่าไร แค่พอเข้าใจว่าเส้น A D F คืออะไร จนมาทำอีกรอบตอนสอบพรีแอดมิชชั่นก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น แต่ยังปล่อยชิวอยู่ เพราะเริ่มมีความมั่นละว่าสอบจริงได้เต็มแน่นอน คือมันไม่ยากมากก็จริงแต่อย่าเพิ่งมั่นไปก่อนเหมือนเรานะคะ เราชิวกับแกทเชื่อมจนสองอาทิตย์ก่อนสอบแกทจริง ไปอ่านหนังสือกับเพื่อนแล้วเพื่อนก็ส่งไฟล์ข้อสอบย้อนหลังแกทเชื่อมโยงมาให้ อยู่ในเพจ GAT Community นั่นแหละค่ะ นั่นคือช่วงที่เราเริ่มฝึกทำอีกรอบแล้วพบว่าข้อสอบจริงมันมีความซับซ้อนอยู่ ตอนนั้นก็เริ่มล่กแต่ทุกครั้งที่ฝึกก็พยายามมีสติ อ่านซ้ำ ๆ เช็คคำตอบจนแน่ใจแล้วค่อยตรวจ ห้ามมองข้ามแม้แต่ตัวอักษรเดียวเลย สำหรับใครที่ยังทำแกทเชื่อมไม่เป็นเราแนะนำแชแนลยูทูป Aj KLUI ปูพื้นฐานแกทเชื่อมโยง เราไม่เคยดูแต่เห็นว่ามีเพื่อน ๆ หลายคนพูดถึง จะได้ไม่ต้องเสียค่าเรียนพิเศษนะคะ พวกข้อสอบเก่าก็หาได้ตามกูเกิ้ลนี่แหละ แต่หลายบทความในข้อสอบคือเราไม่ชอบมาก ๆ มันสลิ่มอะ แกทเชื่อมของปีนี้ก็สลิ๊มสลิ่ม เป็นข้อสอบตัวที่เราเห็นว่ามีปัญหาทุกปีเรื่องคะแนนด้วย ตอบเหมือนกันแต่ได้คะแนนไม่เท่ากันงี้ แถมไม่มีสอนในหลักสูตรอีก ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเอาไว้วัดอะไร งง ๆ
มาที่ภาษาญี่ปุ่นกันบ้าง เรียนศิลป์ญี่ปุ่นมาก็ต้องแน่นอนว่าเราสอบ pat 7.3 ไม่ได้เรียนพิเศษเหมือนเดิมนะคะ โรงเรียนเราใช้หนังสือ Akiko to tomodachi ซึ่งจริง ๆ เรียนจบหกเล่มแล้วแต่เนื้อหามันก็ไม่ได้ครอบคลุมในการสอบแพทแบบ 100% ยังขาดอีกนิด แต่เซนเซเราติวไวยากรณ์ที่ออกสอบแต่ไม่อยู่ในหนังสือเพิ่มให้ตอนม.6 ส่วนตัวก็เลยไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษค่ะ(ยกความดีความชอบให้เซนเซ เลิฟ) จริง ๆ เคยมีความคิดจะหาติวเตอร์อยู่พักใหญ่ คืออย่างที่เราบอกไปก่อนหน้าว่าเพิ่งเริ่มอ่านจริงจังก็เดือนมกราแล้วก็เลยกลัวจะอ่านเองไม่ทัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ติวที่ไหนเลยเพราะขี้เกียจเรียนเพิ่ม เลยอ่านเอาเองแล้วกัน ช่วงแรกที่อ่านก็ชิวอยู่แต่หลัง ๆ ไฟไหม้สุด ไหม้ยันคืนสุดท้ายก่อนสอบ หนังสือญี่ปุ่นเรามีไม่เยอะเหมือนอังกฤษเพราะเน้นทำโจทย์ไปเลยมากกว่า
รู้ทัน PAT 7.3 ภาษาญี่ปุ่น ตอนไวยากรณ์+คำศัพท์: เป็นหนังสือแพทเล่มแรกที่ซื้อมาเพื่อความอุ่นใจว่ามีไว้ก่อนดีกว่าไม่มีเลย ว่างก็หยิบมาเปิดสารบัญดูว่ามีตรงไหนที่เรายังจำไม่ได้ เล่มนี้เป็นสรุปไวยากรณ์ที่ออกสอบ รูปประโยค คำกริยา คำช่วย การผัน แบบทดสอบนิดหน่อย ท้ายเล่มมีรวมศัพท์ด้วย แต่เราอ่านแค่กริยาวิเศษณ์ ลักษณนาม การผัน กับศัพท์ท้ายเล่ม แบบทดสอบไม่ได้ทำเลยอาจจะบอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี คือเปิดเล่มนี้น้อยมากแต่รู้สึกว่าอย่างน้อยยังมีประโยชน์ในระดับนึงเพราะรวมจุดที่ออกข้อสอบมาไว้ในนี้เลย ประมาณว่ามีไว้ให้อุ่นใจนี่แหละค่ะไม่มีอะไรมากกว่านั้น
เฉลยข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาภาษาญี่ปุ่น (ตุลาคม 2541 - มีนาคม 2548): อันนี้คือดีมากสำหรับคนเน้นทำโจทย์แบบเรา ข้อสอบเยอะแบบสะใจสุด ถึงจะเป็นข้อสอบ entrance ยุคเก่าแต่มันก็มีส่วนคล้ายส่วนเหมือนกับแพทปัจจุบันนะ มีข้อสอบ 14 ชุด แต่มีเฉลยละเอียดแค่สองชุดสุดท้ายนะคะ พวกชุดแรก ๆ จะง่ายหน่อย ง่ายมากแบบเทียบแพทไม่ติดเลยแต่ไม่ต้องตกใจว่าทำไมง่ายขนาดนั้น พอทำไปกลางเล่มจะเริ่มยากขึ้นทั้งคันจิ ศัพท์ ไวยากรณ์ รีดดิ้ง แล้วรีดดิ้งถี่จนปวดหัว เราทำไปก็หงุดหงิดว่าจะให้อ่านอะไรมันทุกข้อ เหนื่อยยย จริง ๆ มีบางส่วนยากกว่าแพทด้วยนะในความรู้สึกเรา ท้ายเล่มมีรวมคำช่วยกับคำสันธานพร้อมคำแปลให้ ซึ่งดีมากเพราะเราชอบสับสนว่าสันธานตัวนั้นนี้แปลว่าอะไรแล้วตอบผิดบ่อยมาก แต่ดันเปิดเจอคำแปลก็ตอนที่ทำไปจบเล่มแล้วอะค่ะ ก็ไม่เป็นไร ยังคงมีประโยชน์มากถึงมากที่สุดอยู่ดี บางข้อในข้อสอบแพทปีนี้เราตอบถูกเพราะเล่มนี้ด้วย ดีจริงอยากกราบมาก เหมาะสำหรับทุกคนที่จะสอบแพทญี่ปุ่นสุด ๆ แนะนำมาก
ลืมเล่าอีกว่าเรามีเรียนพิเศษภาษาไทยกับสังคมของ SociThai ด้วย เป็นคอร์ส TCAS Admission เราซื้อคอร์สไปเมื่อเดือนกันยาเผื่อว่าจะได้ใช้ในการสอบวิชาสามัญกับโอเน็ตแล้วก็เพราะเราไม่แม่นเนื้อหาสังคมกับขี้เกียจอ่านเอง เนื้อหามันเยอะ จริง ๆ คือแอบแม่ซื้อคอร์สเรียนด้วย แม่เราไม่สนับสนุนให้เรียนพิเศษเลย ก็เป็นคอร์สที่มีประโยชน์นะ เรียนสนุก สอนไวไปหน่อยแต่เข้าใจว่าเนื้อหามันเยอะ ต้องรีบนิดนึง มีง่วงบ้างตอนพาร์ทประวัติศาสตร์ไทยที่ยาวมากแถมเป็นประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยมที่เราสุดจะเอือมเพราะเรียนแบบเดิม ๆ มาทั้งชีวิต แต่สนุกกับศาสนาแล้วก็ประวัติศาสตร์สากลสุด นอกนั้นยากอะเราเลยไม่ค่อยชอบ ฮือ (แต่วิชาสังคมที่เราเรียนที่โรงเรียนก็สนุกนะ อาจารย์หมวดสังคมเราสอนดีสอนเข้าใจสอนสนุก คุณภาพ) ส่วนภาษาไทยในคอร์สก็เฉย ๆ เป็นการสรุปภาษาไทยม.ปลายปกติ ไม่ยากไม่ง่ายค่ะ รู้สึกเรียนแล้วก็ทำข้อสอบได้คล่องขึ้นพอตัวเลยเพราะเขามีคำท่องต่าง ๆ ให้ด้วย จำง่ายดี แล้ววิทย์กับคณิตเราเอาแค่เท่าที่อาจารย์ติวให้ก็พอ เข้าใจแค่ไหนเอาแค่นั้น ที่ว่าอาจารย์ติวให้คือโรงเรียนเราสอนคณิตพื้นฐานจบตั้งแต่ม.5 แล้วตัวที่เรียนตอนม.6 คือทบทวนเพื่อสอบโอเน็ตค่ะ วิทย์ก็คล้ายกันแต่ช้ากว่าคณิตอยู่เทอมนึง ทำให้เป็นปีสุดท้ายที่ชิวกับวิทย์คณิตมากเพราะเรียนยังไงก็เกรดสี่ เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
(เห็นว่าปีต่อไปยกเลิกการนำโอเน็ตมาเป็นเกณฑ์การสอบเข้าแล้วค่ะ น้อง ๆ รุ่นต่อไปติดตามเพจ Mytcas.com ไว้ตามข่าวการเปลี่ยนแปลงของระบบ tcas กันด้วยนะคะ หรือเพจ TCASter ก็คอยอัปเดตข่าวเกี่ยวกับการสอบตลอดเลย)
ต่อกันที่ประสบการณ์การสอบ(+การเตรียมตัวก่อนสอบเล็กน้อย) เน้นที่แกทแพทเพราะเราจริงจังกับสองอย่างนี้สุด เริ่มจากสิบวันก่อนสอบแกท จำได้ว่ามีความหวังมากว่าจะได้เลื่อนสอบจริง ๆ แต่ก็ต้องอ่านหนังสือไว้ก่อน ย้อนไปดู planner เดือนมีนาเรามีแต่แกทแพทแกทแพทเต็มไปหมด(ยกเว้นต้นเดือนที่ปั่นงานและไฟนอล) นัดกับเพื่อนออกไปอ่านหนังสือที่คาเฟ่แทบทุกวัน แล้วแต่ละวันคือหมดหลายร้อยบาทเลย ฮาวทูอ่าน อ่านอย่างไรให้ไม่เหลือเงินที่แท้จริง ทุกวันต้องทำทั้งอังกฤษทั้งญี่ปุ่น คือแทบจะไม่ใช่คนไทยแล้ว แทบจะพูดเป็นอิ๊งปนนิฮงโกะแล้วค่ะคุณพี่ ก็ทำโจทย์วนไปจนวันสุดท้ายก่อนสอบแกทที่คอนเฟิร์มว่าไม่เลื่อนสอบแน่นอน เรากับเพื่อนก็อื้ม เค ไม่เลื่อนก็ไม่เลื่อน แยกย้ายกันไปสอบนะ ตอนอยู่กับเพื่อนดูชิวแต่คือเราเครียดมาก เป็นสนามแรกด้วย กลัวทำออกมาได้ไม่ดีด้วย ถึงกับโทรไปร้องไห้กับใครสักคนว่าถ้าคะแนนแย่จะทำยังไง ถ้าต้องซิ่วพ่อแม่จะว่าอะไรไหม หลังจากนั้นก็ใช้เวลาอยู่คนเดียวสักพัก คิดไปว่ายังไม่ได้สอบเลยจะไปเครียดกับผลทำไม เลยเริ่มจะทำใจได้ละ แต่เครียดเหมือนเดิมบวกกับความล่ก ทำให้คืนนั้นเราแทบจะไม่ได้หลับ แค่หลับตาเฉย ๆ แต่รู้สึกตัวเกือบจะตลอดเวลา เช้าวันที่ 20 มี.ค. เราลุกจากเตียง อาบน้ำกินข้าว นั่งวินจากหอไปสนามสอบ ก่อนเข้าห้องสอบคือเราล่กมากจนเพื่อนปลอบใจบอกว่าไม่มีข้อสอบอังกฤษที่ไหนยากกว่าของโรงเรียนเราแล้ว เราเลยผ่อนคลายไปได้หน่อยเพราะมันคือเรื่องจริง 55555 แล้วก็ไม่ลืมที่จะหยิบยาดมเข้าห้องสอบไปด้วยเพื่อเรียกสติ
สิ่งแรกที่สอบคือแกทเชื่อมโยง 8.30-10.00 ส่วนตัวเราใช้เวลาเขียนคำตอบออกมาไม่นาน แต่พอเขียนเสร็จแล้วตรวจคำตอบคือนานมาก ๆ ต้องอ่านซ้ำไม่ให้พลาดสักตัวเพราะเคยสะเพร่าอ่านแบบข้าม ๆ ตอนฝึกทำข้อสอบเก่า แล้วยังเจอบทความที่สองที่มีความซับซ้อนอีก พอเราตรวจคำตอบแล้วก็ฝนลงในกระดาษคำตอบ เสร็จแล้วก็ยังเช็คอีกหลายรอบว่าฝนถูกไหมจนเหลือเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็เริ่มจะปลงว่าถ้าไม่ได้เต็มก็ไม่เป็นไร แต่ตอนทำคือมั่นใจอยู่ว่าเต็มแน่ ห้านาทีสุดท้ายเราเช็คเป็นครั้งสุดท้ายแล้วอาจารย์คุมสอบก็มาเก็บกระดาษไป
10.00-11.30 แกทอิ๊ง ถึงเวลาปุ๊บเราลองเปิดข้อสอบดูทุกหน้าก่อนว่ายากไหมแล้วค่อยลงมือทำ รู้สึกว่าพาร์ท error ง่ายมากเหมือนทำมาให้เก็บคะแนน พาร์ทอื่น ๆ ก็ง่ายกว่าที่คิด ใช้เวลาทำประมาณ 40 นาที ฝนลงกระดาษคำตอบแล้วก็ลองอ่านซ้ำอีกครั้ง มีข้อที่ไม่แน่ใจด้วย ลบ ๆ ฝน ๆ อยู่สามสี่รอบได้จนเราตัดสินใจไม่แก้แล้ว ให้เป็นคำตอบสุดท้ายไปเลย แต่ยังอ่านข้อสอบซ้ำอยู่เพื่อดูว่าแต่ละพาร์ทน่าจะผิดกี่ข้อ ข้อไหนบ้างแล้วก็จำไว้ไปถามเพื่อนว่าตอบอะไรกัน จำได้ว่าเรานับข้อผิดตัวเองไปค่อนข้างใกล้เคียงความจริงเลย พอเช็คเสร็จก็ชิว ฟุบนอนบนโต๊ะรอหมดเวลาสอบ ส่วนตัวคิดว่าไม่ยากมาก คำถามรีดดิ้งไม่ซับซ้อนด้วย
สนามสอบแกทเรามีแอร์นะคะ ถือว่าดีเยี่ยมกับการสอบในต้นหน้าร้อน พอออกมาจากห้องสอบ ลงจากตึกมาคุยกับเพื่อน รีบถามก่อนว่าตอบแกทเชื่อมโยงเหมือนกันไหมเพราะเรามั่นมากว่าเราทำถูก (ทีม 20/28 99H ค่า) สรุปเพื่อนแต่ละคนที่สอบสนามเดียวกันตอบไม่เหมือนกันเลยสักคน คือเริ่มใจแป้วแล้วหนึ่ง แถมไปดูในทวิตคือเสียงแตกมาก แต่เราช่างมันเพราะเชื่อตัวเองไว้ก่อน ไม่เชื่อใครแม้แต่ติวเตอร์ที่เอาเฉลยมาลง 55555 ตอนบ่ายเรามีนัดไปคาเฟ่ต่อกับเพื่อนอีกกลุ่มที่สอบคนละสนาม เลยกะจะไปถามแกทอิ๊งด้วย พอไปถึงเพื่อนทักเรื่องขอบตาก่อนเลย เพราะตอนนั้นเราตาบวมและดำมาก ไม่ได้นอน ปรากฏว่าตอนนั้นก็มีติวเตอร์อังกฤษคนหนึ่งเอาเฉลยมาลง ตอนแรกเราก็ไม่กล้าดู แต่เพื่อนบอกว่าเผื่อได้คะแนนน้อยจะได้วางแผนสนามต่อไปถูก เราก็เออจริงของมัน พอดูแล้วดีใจมาก จากเฉลยนั้นเราได้ 53/60 แต่จำคำตอบไม่ได้อยู่ข้อนึงเลยยังไม่รู้ว่าได้เท่าไรกันแน่ ที่รู้ ๆ คือเริ่มจะหายเครียดแล้ว ตั้งใจจะอ่านญี่ปุ่นต่อทั้งบ่ายแต่สรุปว่าเรากับเพื่อนง่วงกันทั้งโต๊ะ จากนัดอ่านหนังสือเลยกลายเป็นนัดกันมานอนเฉยเลย
มาตอนที่เตรียมสอบแพทญี่ปุ่นซึ่งสอบวันที่ 23 มี.ค. ขอเล่าย้อนไปนิดนึงว่าเราได้เล่มเฉลยข้อสอบญี่ปุ่นมา 8 วันก่อนสอบแพท ที่บอกไปว่าอ่านแบบไฟไหม้คือไม่เกินจริง แล้วถ้าเล่าย้อนไปอีกหน่อย วันหยุดในเดือนมกราเราทำข้อสอบแพทย้อนหลังของปี 2552-2554 จนหมดแล้วก็ไปทวนของพรีแอด แต่พรีแอดปีเราคือยากกว่าความจริงมาก เราได้คะแนนไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำอะ ทีนี้พอเราทำไปแล้วก็ทวนทั้งหมดจนจบเลยไม่รู้ว่าจะหาข้อสอบเก่าปีอื่นได้ที่ไหนเพราะทางสทศไม่ปล่อยข้อสอบปีอื่นแล้ว มาเจอว่าเพื่อนเราซื้อเล่มเฉลยข้อสอบนั้นมาเราก็เลยซื้อตาม หลังซื้อมาเราก็เจอพวกไฟล์ข้อสอบแพทปี 2559-2563 ด้วย จำไม่ได้แล้วว่าเจอที่ไหนแต่ยังมีอยู่นะคะ ใครต้องการก็หลังไมค์มาได้ จากตอนแรกที่เราแพลนจะทำแค่ข้อสอบในเล่มก็ต้องทำข้อสอบแพทเก่าด้วย กลายเป็นว่าหลังสอบแกทมาอ่านญี่ปุ่นเต็มที่คือทำข้อสอบวันละ 4 ชุดเลยไม่งั้นจะทวนไม่ทันวันสอบ แล้วจับเวลาทำชุดละ 3 ชั่วโมง ครึ่งวันเราหมดไปแล้วกับการทำโจทย์ ไหนจะต้องทวนศัพท์ ทวนความรู้ทั่วไปประเทศญี่ปุ่น ไวยากรณ์ การเรียงประโยค สามสี่วันนั้นแทบจะอ้วกเป็นคันจิจริง ๆ ถึงคะแนนจะออกมาดีแต่เตรียมสอบแบบขายวิญญาณมาก ไม่แนะนำให้อ่านไฟไหม้แบบเราเลย ส่วนคะแนนข้อสอบเก่าเราอยู่ในช่วง 81-93/100 นะคะ เราว่ามันต้องใช้ความคุ้นชินกับตัวข้อสอบเราเลยเน้นทำโจทย์ พอวันสุดท้ายก่อนสอบ เราทำข้อสอบชุดสุดท้ายเสร็จตอนเที่ยงคืนกว่าแล้วไปอาบน้ำ เสร็จแล้วมาเปิดยูทูปนั่งฟังความรู้ทั่วไปของญี่ปุ่นต่อจนตีสอง ตื่นมาก็ยังคงทวนศัพท์กับความรู้ทั่วไปต่ออีก จนไปถึงสนามสอบก็ไปยืนมองแผนที่ประเทศญี่ปุ่นจนเพื่อนบอกให้พอได้แล้ววว ก่อนเข้าห้องสอบก็หยิบยาดมไปด้วยเช่นเคย
แพทภาษาสอบพร้อมกันตอน 13.00-16.00 เราเข้าห้องสอบพร้อมกับทำใจรับมือกับความร้อนเพราะสนามสอบแพทเราไม่มีแอร์ค่ะ แถมข้างนอกยังมีรถหาเสียงวิ่งไปมา สุดแสนจะหายนะสำหรับคนขี้ร้อนขี้รำคาญแบบเรามาก เปิดข้อสอบดูแล้วนั่งใช้ความคิดหนักตั้งแต่หน้าแรก แต่ก็ข้ามไปดูข้อหลังก่อน พาร์ทความรู้ทั่วไปง่ายมากจนอยากกรี๊ด แต่เราก็ผิดไปข้อนึงเพราะสะเพร่าดูคันจิผิดตัวจนอยากกรี๊ดเช่นกัน ชอบผิดอะไรง่าย ๆ อะ พาร์ทบทสนทนาก็มีงง ๆ บ้าง กาดอกจันไว้ก่อนแล้วพลิกหน้าต่อไป เจอเซอไพรส์เพราะมีพาร์ทนึงเปลี่ยนไป ซึ่งเราจำไม่ได้แล้วว่าเปลี่ยนไปยังไง ขอโทษค่ะ 555555 รีดดิ้งใช้ความคิดหนักมากถึงมากที่สุด ถึงกับกุมหัวไปตอบไป มีความรู้สึกว่าสิ่งนี้ยากจังแต่ยังคงมั่นใจว่าตอบถูก โอเคนัมเบอร์วันนะ สรุปทำเสร็จฝนกระดาษคำตอบเสร็จเรามานั่งแก้ข้อนึงในรีดดิ้ง แก้แล้วแก้อีกจนกระดาษจะเปื่อย แล้วก็เหมือนกันกับตอนสอบแกทอิ๊งคือเราอ่านข้อสอบซ้ำอีกรอบเพื่อดูว่าไม่แน่ใจข้อไหนแล้วนับไปว่าจะผิดประมาณกี่ข้อ แต่นับแล้วไม่แย่ จำไว้ในใจว่าผิดมากสุดไม่เกิน 10 ข้อแน่นอน เขากินยามั่นมาอีกแล้ว แต่ให้มั่นเถอะเพราะทำได้จริง ๆ ถึงจะยากไปหน่อย เราใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงในการทำ ไวกว่าที่คิดแต่ก็เป็นเวลาที่ยาวนานมากในห้องสอบ อากาศร้อน ๆ ตัวแทบจะละลายติดไปกับโต๊ะกับเก้าอี้ นาฬิกาที่ข้อมือยังต้องถอดเพราะเหงื่อออก ห้องพัดลมกับการนั่งสอบสามชั่วโมงในหน้าร้อนไม่ใช่ความคิดที่ดีจริง ๆ
หลังสอบไม่ค่อยมีเวลาคุยกับเพื่อนเรื่องคำตอบเพราะแม่เราเอาของมาให้ตอนสี่โมงพอดีเลยให้แม่พาไปส่งที่หอเลย แต่คือรู้ตัวแล้วว่าผิดหนึ่งข้อแน่ ๆ จากที่ถามเพื่อนแบบรีบ ๆ ก่อนกลับ ไม่ได้คิดมากเท่าไร แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำผิดในข้อที่ง่ายขนาดนั้น 55555
สนามต่อจากแกทแพทคือโอเน็ตวันที่ 27, 29 มี.ค. วันแรกสอบสังคม คณิต อังกฤษ วิชาละ 2 ชั่วโมง นั่งสอบทั้งวันจนปวดตูดเลยค่ะ เราสอบสนามเดียวกับตอนสอบแกทคือมีแอร์ด้วย แต่ครูคุมสอบคือเปิดทั้งแอร์ทั้งพัดลม หนาวก็หนาว รำคาญก็รำคาญด้วยเพราะพัดลมมันพัดกระดาษเราปลิวบ่อยมาก ข้อสอบสังคมก็เนื้อหากว้างเท่าจักรวาลอย่างที่คิดไว้ รู้สึกว่าพอทำได้ในพาร์ทศาสนา ประวัติศาสตร์ การเมือง แต่กฎหมายนี่เราลืมทวนก่อนสอบ ไปเจอคำถามคืองง น่าจะตอบผิดเป็นส่วนใหญ่ค่ะ บางข้อคือลึกมากแบบเคยได้ยินผ่าน ๆ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็มี คณิตก็ถามพื้นฐานทั่วไป ไม่ยาก เด็กสายวิทย์-คณิตกับศิลป์-คำนวณคงจะทำได้ชิว ๆ อะ แต่เราที่สายภาษาก็คือเอาเท่าที่จำได้พอ คืนก่อนสอบแอบทวนคณิตมานิดหน่อย จำตารางตรรกศาสตร์ไว้ด้วย แบบว่าพยายามทำทุกข้อนะ แต่มั่นใจจริง ๆ แค่สี่ข้อเอง 555555 ข้อง่ายแบบนั่งนับนิ้วก็มี ชิวค่ะไม่คิดมาก วิชาสุดท้ายของวัน ภาษาอังกฤษ มึนหัวตั้งแต่ข้อแรกยันข้อสุดท้าย ด้วยความที่เป็นวิชาสุดท้ายหลังจากใช้หัวมาทั้งวันด้วย อยากกลับเร็ว ๆ พาร์ทที่เราคิดว่ายากแน่นอนว่าเป็นรีดดิ้ง งงแล้วงงอีกจนขี้เกียจจะงง ยากกว่าแกทอีกนะตามความรู้สึกเรา แล้วก็ในวันสุดท้ายสอบไทยกับวิทย์ ไม่มีอะไรจะพูดถึงเท่าไร ไทยเฉย ๆ ค่ะ แพทเทิร์นเดียวกับข้อสอบเก่า เหนื่อยก็แต่ข้อที่มีกลอนใด ๆ เพราะแปลไม่ออก 55555 ส่วนวิทย์ง่ายกว่าที่คิดมาก แค่นี้เลย
สนามสุดท้าย วิชาสามัญ สอบวันที่ 3-4 เม.ย. สนามสอบเดียวกับแพทอีกแล้วค่ะ เพิ่มเติมคืออากาศร้อนกว่าเดิม ครูคุมสอบเปิดพัดลมเบอร์แรงสุดจนเราเสียสมาธิ หน้ากระดาษปลิวพรึ่บเหมือนตอนสอบโอเน็ต แต่ร้อนกว่านั้นมาก วันแรกเราสอบไทยกับสังคม ตอนที่สอบไทยสมาธิเราไม่อยู่กับตัวเลย ทั้งอากาศทั้งสภาพแวดล้อมตอนนั้น เกือบทำไม่ทันด้วย ฝนข้อสุดท้ายเสร็จประมาณไม่ถึงสิบนาทีก่อนหมดเวลาทั้งที่ปกติแล้วเป็นคนทำข้อสอบไว ออกจากห้องสอบมาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าข้อสอบถามอะไรบ้าง สังคมเนื้อหากว้างเหมือนเดิม มีข้อง่ายแบบออกมาให้เก็บคะแนนด้วย แต่ก็มีนิดเดียวค่ะ นอกนั้นยาก 55555 วิชาสามัญวันที่สอง สอบวันสุดท้ายของเราแล้ว y-y ดีใจมาก สอบ 11 โมงแต่รีบตื่นแต่เช้าเลย ตื่นเต้นที่กำลังจะเป็นอิสระจากการสอบด้วย ทำโจทย์อังกฤษเล่มวิชาสามัญด้วยหนึ่งชุดก่อนสอบ วันนั้นมีสอบวิชาเดียวคือภาษาอังกฤษ ที่จำได้คืออากาศร้อนมากเช่นกันกับวันอื่น ส่วนตัวคิดว่าอังกฤษง่ายกว่าที่เคยทำ หรือเพราะหนังสือที่เราใช้มันยากไปก็ไม่รู้ ข้อสอบจริงเราทำเสร็จก่อนหมดเวลาประมาณ 10 นาทีได้ ถือว่าไวสำหรับเราเพราะตอนฝึกทำเหลือเวลาไม่ถึง 5 นาทีตลอดเลย เช็คคำตอบไม่ค่อยทันเพราะเวลาน้อยจริง แถมตอนกำลังสอบอยู่ดี ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักเลยค่ะ แรงแบบไม่ทันตั้งตัวทั้งลมพัดทั้งฝนสาด อากาศเป็นใจสุด ๆ ไปเลย สักพักฝนก็เบาลงจนหยุด มีข้อดีอย่างเดียวคือทำให้หายร้อน แต่ก็ทำเราสมาธิกระเจิงไปหลายนาทีเช่นกัน
สอบวิชาสุดท้ายเสร็จเราไปกินข้าวกับเพื่อนต่อด้วยดูหนังจนถึงช่วงเย็นเลย ดีใจที่สอบเสร็จก็ส่วนหนึ่ง แต่ในเมื่อคะแนนยังไม่ออกเราก็ยังดีใจกันได้ไม่สุด คือเป็นการสอบที่เหนื่อยมาก ลากยาวเป็นอาทิตย์ แล้วหลายคนมีสอบกสพท วิชาเฉพาะต่าง ๆ ต่ออีก เราแบบนับถือใจสุดค่ะ ทางนี้พอสอบเสร็จเที่ยวเสร็จก็กลับหอแล้วหลับเป็นตายตั้งแต่สองทุ่มจนเช้า หลับคาชุดนักเรียนยังไม่ได้อาบน้ำเลยด้วย มันเหนื่อยขนาดนั้นเลยจริง ๆ ค่ะ เป็นช่วงที่นอนดึกแค่ไหนก็ต้องตื่นเช้ามาอ่านหนังสือทุกวัน ยิ่งวันสอบคือใช้สมองจนล้า รู้สึกดีมากที่ผ่านมาได้แล้ว
ข้ามไปวันที่ 22 เมษา หนึ่งวันก่อนวันประกาศคะแนนแกทแพทตามกำหนดการ เป็นวันที่เรานั่งรีเฟรชเว็บดูคะแนนตั้งแต่เช้า จากปีก่อน ๆ ที่คะแนนมักจะออกหนึ่งวันก่อนกำหนดการจริงเลยคิดว่าปีนี้ก็คงเหมือนกัน รอแล้วรออีกตั้งแต่เช้าจนบ่าย จนเย็นแล้วก็ยังไม่มีวี่แววใด ๆ ไม่กี่ชั่วโมงแต่รู้สึกว่านานมากสำหรับคนที่รออย่างเรา ๆ พอพ้นช่วงเย็นไปเราเลยคิดว่าคงจะมาสักเที่ยงคืนแหละ เลยหาอะไรทำรอจนเกือบสี่ทุ่มเพื่อนก็ไลน์มาว่าคะแนนออกแล้วนะ แล้วเราที่กำลังจะอาบน้ำคือไม่อาบแล้ว ดูคะแนนก่อนนน พอหน้าคะแนนขึ้นมาปุ๊บเราเอามือบังจอไว้ก่อน ฟีลหัวใจเต้นแรงหน้าแดงทุกทีมาก ค่อย ๆ เลื่อนมือลงดูคะแนน ช็อค สรุปคะแนนออกมาดีเกินความคาดหมายของตัวเองทั้งแกทแพทเลย เกือบกรี๊ดแต่กรี๊ดไม่ได้ เดี๋ยวข้างห้องด่าค่ะ 55555 ต่อมาเป็นคะแนนโอเน็ตออกวันที่ 26 เม.ย. และสุดท้ายวิชาสามัญวันที่ 28 เม.ย. ค่ะ
หลังจากคะแนนออก แน่นอนว่าสถานีต่อไปคือการเลือกอันดับคณะและมหาวิทยาลัยในระบบ tcas รอบ 3 ค่ะ เป็นช่วงที่เราคิดเยอะมาก เครียดกว่าตอนรอคะแนนอีก ตอนม.6 ภาค ir ไม่อยู่ในตัวเลือกเราเลย สนใจอยู่ในระดับหนึ่งแต่ตัดออกเพราะเป็นภาคที่คะแนนสูงม้าก ที่เราอยากเรียนคือนิเทศกับรัฐศาสตร์ภาคสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา (ขอเรียกย่อว่า soc นะคะ) ด้วยความที่นิเทศกับรัฐศาสตร์มีสัดส่วนคะแนนคล้ายกัน เราที่อยากเรียนทั้งคู่เลยคิดไว้นานแล้วว่าถ้าคะแนน pat ออกมาสูงจะเลือกนิเทศ ถ้า gat สูงจะเลือกรัฐศาสตร์ soc แต่แกทแพทที่ได้ก็สูงทั้งคู่ ยื่นคณะไหนก็ติดแน่ ๆ ด้วยความที่เราไม่เคยคิดจัดอันดับสองคณะนี้ในหัวแบบจริงจังเลยสักครั้ง คิดจนนอนไม่หลับไปหนึ่งคืนเลยค่ะ จะปรึกษาเพื่อนก็กลัวไปทำเพื่อนเครียด สุดท้ายลองคุยเรื่องนี้กับแม่ ได้คำตอบมาว่าทำไมต้อง soc ทำไมไม่เอา ir ไม่อยากให้เราเรียนนิเทศด้วย เสียดายคะแนน เราก็แบบอ้าว ถ้าเป็นคณะที่เราอยากเรียนเราจะเสียดายคะแนนทำไม มาเสียดายแทนเพื่ออะไร ส่วนพ่อถามเรากลับว่าชอบอะไรมากกว่ากัน ให้คิดดูดี ๆ แล้วก็แนะนำนั่นนี่มา ถึงจะลองถามพ่อแม่แต่คนที่ตัดสินใจต้องเป็นตัวเราเองนะคะ
จำได้ว่าเราไม่อยากเอา ir เลยเพราะแม่อยากให้เรียน(นี่ก็ชอบประชดไปอีก) ลองคิดดูว่าตัวเราเรียนอะไรแล้วจะทำได้ดีมากกว่า ซึ่งเราเป็นคนกลัวอนาคตตัวเอง แบบว่าถ้าเลือกไปแล้วสุดท้ายเราเรียนไม่ได้ มันไม่ใช่แบบที่คิดไว้จะทำยังไง ลองหาดูอะไรที่รุ่นพี่เคยเล่าเคยเขียนเกี่ยวกับการเรียนไว้ทั้งนิเทศ รัฐศาสตร์ soc และ ir ด้วย เปิดหลักสูตรอ่าน ก็ยังตัดสินใจไม่ได้สักที แต่ตัด soc ออกด้วยเหตุผลบางอย่างที่เราจำไม่ได้แล้ว แม่ก็โทรมาคุยว่าอยากให้เราเรียน ir อยากให้ลูกเป็นข้าราชการ อยากให้ทำนั่นทำนี่ ไม่ได้ถามเราสักคำว่าเราอยากทำอะไร ช่วงนั้นรู้สึกว่างเปล่าเหมือนคนไม่มีเป้าหมาย ไม่รู้ว่าตัวเองเก่งอะไร จนต้องหาที่พึ่งทางจิตใจอย่างการดูดวงแล้วเราก็ไปเจอการอ่าน natal chart ดูพื้นดวงตัวเองตาม western astrology คืออาจจะดูงมงายแต่เชื่อเถอะว่าถ้าอยู่ในจุดเดียวกันกับเราก็คงจะหาที่พึ่งทางจิตใจแบบนี้แหละ (มั้ง) y-y
สุดท้ายเราเลือก ir จากเหตุผลหลายอย่างที่ไม่ใช่เพราะแม่อยากให้เรียน แต่หนึ่งในนั้นมีเหตุผลว่า อยากไปต่างประเทศค่ะ 55555 ไม่รู้เกี่ยวไหมแต่ก็เลือกไปแล้ว จริง ๆ ตอนแรกเราจะเลือกอันดับเดียวเพราะคะแนนเราติดอยู่แล้ว แต่เพิ่มอันดับสองเป็นนิเทศไว้ในฐานะที่ยังตัดใจไม่ลงเท่าไร พอบอกแม่แล้วว่าเลือกอะไร (เราบอกในเชิงแจ้งให้ทราบไม่ได้คาดหวังรีแอคชั่นอะไร) เขาก็ดีใจ ซึ่งเราไม่ชอบมาก ๆ ที่เขาดีใจเพราะเราเลือกสิ่งที่เขาอยากให้เลือก ไม่ได้ดีใจเพราะเราตัดสินใจได้ว่าจะเรียนอะไร ทางพ่อก็ไม่อะไร ดีใจเหมือนกันแต่เขาบอกว่าดีใจกับทุกทางที่เราเลือกเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in