tag: reincarnation
Dear, Levi Ackerman
บรรยากาศช่วงสิ้นปีมักทำให้รู้สึกเหงาได้เสมอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอุณหภูมิที่ต่ำลงหรือเป็นเพราะความโดดเดี่ยวข้างในที่นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น
'I made a promise to you
To wait for your return'
เสียงเพลงจากวิทยุตัวเก่าดังคลอไปกับเสียงไม้ในเตาผิงปะทุดังปุปะ เปลวไฟที่ลุกโชนเคลื่อนไหวไปมาราวกำลังหยอกล้อกับคนกำลังที่จ้องมองมัน แต่ความร้อนในเตาผิงเทียบไม่ได้เลยกับแสงไฟประดับจากร้านค้าด้านนอกหน้าต่าง มันเจิดจ้า ยามสาดส่องไปที่ใดก็เกิดแสงเจิดจ้ากระทบไปมากับของตกแต่งทำให้ดูวาววับเป็นประกาย จากด้านในนี้เขามองเห็นผู้คนคลาคลั่งเดินอยู่บนถนนท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย ทุกคนกำลังหัวเราะและเต้นระบำเหมือนกับเปลวเพลิง เมื่อมาถึงวันสำคัญ กลิ่นอายความสุขของเทศกาลจึงเด่นชัดยิ่งกว่าที่เคย
บรรยากาศในค่ำคืนนี้ดูจะไม่หนาวมากนัก
“รีไวล์! อาหารเย็นเสร็จแล้ว”
เสียงมิคาสะผู้เป็นน้องสาวเรียกชายคนที่กำลังมองหน้าต่างให้หันไปทางต้นเสียง เขาเพียงพยักหน้าก่อนจะหมุนล้อวีลแชร์ตัวที่ตนนั่งไปทางห้องอาหารที่เชื่อมกัน
ชายตัวเล็กจัดวีลแชร์ให้พอดีกับโต๊ะเพราะใช้นั่งแทนเก้าอี้ เขาปรายตามองอาหารจำนวนมากที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ทั้งซุปมันฝรั่งหม้อกลางที่มาพร้อมขนมปัง ไก่อบตัวโต เนื้อย่างเครื่องเทศที่กำลังส่งกลิ่นหอมฉุย ผักสลัดชามยักษ์ พายเนื้อของโปรด ชีสรมควันแบบที่เขาชอบ ของหวานคือคุกกี้และสารพัดสิ่งที่เหมาะจะทานในคืนวันคริสต์มาส
ทุกอย่างสว่างไสวและน่าอบอุ่น แต่กลับมีมากเกินกว่าที่สองคนจะทานไหว
“ทำเสียเยอะ บ้านเราไม่ได้มีคนมากขนาดนั้นแล้วสักหน่อย ” เมื่อมาถึงรีไวล์ก็พูดขึ้นมา ทำให้ผู้เป็นน้องสาวและคนทำอาหารได้แต่หลุบตาลงมองโต๊ะ
"เสียดายของ" เขาบ่น
"รู้แล้ว"
“แล้วบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบของหวาน”
“ก็ชินนี่นา ปกติมันมีคนกินตลอด” สิ้นบทสนทนา ทั้งคู่ก็ได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดจา ปล่อยให้เสียงเพลงและเสียงฟืนทีี่กำลังปะทุอยู่ในเตาผิงเข้าแทนที่
เพราะทั้งคู่ต่างเป็นคนพูดไม่เก่งจึงตัดสินใจสวดภาวนาก่อนมื้ออาหาร นั่งอยู่กับตัวเองไปสักพักก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารเงียบ ๆ ด้วยความเคยชิน แต่เพราะคืนนี้เป็นคืนสำคัญที่น่าเหงาหงอยกว่าที่เคย พวกเขาทั้งคู่จึงทานด้วยความเซื่องซึม รีไวล์แทบไม่อยากอาหารสักนิดแต่เพราะมิคาสะตั้งใจทำเป็นพิเศษจึงทานไปมากพอควร แม้รสชาติจะถูกปากแค่ไหนเมื่อเข้าปากกลับถูกความขมขื่นกลบเสียหมด สุดท้ายอาหารก็เหลืออยู่เกินครึ่ง
"อย่าเพิ่งลุกนะ" หญิงที่มีผมสีเดียวกับเขาบอกเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจทานอาหารต่อ เธอลุกหายเข้าไปในห้องครัวก่อนกลับมาพร้อมเค้กก้อนเล็ก บนหน้าเค้กเขียนตกแต่งหน้าด้วยตัวอักษร A. และมีเทียนปักอยู่หนึ่งเล่ม
รีไวล์ได้แต่ถอนหายใจ
"ต้องให้บอกอีกกี่ค--" "สุขสันต์วันเกิดรีไวล์" มิคาสะเอ่ยแทรก เพราะเสียงที่สั่นพร่าของเธอและสายตาที่เต็มไปทั้งความสุขและเศร้านั่น ทำให้สุดท้ายชายผมดำตัดสินใจไม่พูดอะไรออกไป เมื่อผู้เป็นน้องสาวประคองเค้กก้อนเล็กในมือนั่นมาให้ เขาจึงพยายามสบตากับเธอแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ และได้แต่อธิษฐานเงียบ ๆ กับตัวเอง
'ขอให้เราพบแต่ความสุขและไม่ต้องเสียใจกับเรื่องใด ๆ อีกต่อไป'
เสร็จแล้วจึงเป่าเทียนให้ดับก่อนพยายามส่งรอยยิ้มบางเบาแก่น้องสาว แม้มันจะดูเหนื่อยล้าแค่ไหนแต่ก็จริงใจและสื่อความหมายในแบบที่มีเพียงพวกเขาที่จะเข้าใจ
"ขอบคุณนะ"
และนั่นทำให้มิคาสะร้องไห้ออกมาโดยไม่มีเสียงแม้แต่น้อย
เมื่อปลายปีที่แล้วรีไวล์เสียขาทั้งสองข้างไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ นับแต่นั้นผู้เป็นพี่ก็ต้องออกจากงาน เอาแต่ขลุกตัวทำงานในบ้าน รอยยิ้มที่แต่เดิมเป็นสิ่งหายากก็หาได้ยากกว่าเดิม
"จะไม่ออกไปจริงหรอ วันเกิดทั้งทีนะ" มิคาสะถามขณะนั่งดูโทรทัศน์จอตู้ในห้องนั่งเล่น สายตาจับจ้องไปยังโกโก้ร้อนในมือ ไม่ใช่รายการตลกสำหรับครอบครัวตรงหน้า
"ไม่ล่ะ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจมากกว่าเดิมเลยสักนิด" รีไวล์ที่กำลังเขียนอะไรยุกยิกบนโต๊ะหนังสือตอบ
พักนี้เหมือนเขาสนใจในงานเขียนเป็นพิเศษ และเมื่อเธอถามว่ากำลังเขียนอะไรอยู่ เขาก็ตอบมาแค่ 'งานเรื่อยเปื่อย' แต่เธอรู้ว่านั่นเป็นเพียงคำที่ใช้ปัดไม่ให้ถามซ้ำเพราะพี่ชายเธอเป็นคนขี้อายที่ไม่กล้าเล่างานตัวเองให้ฟังต่างหาก
"ระวังจะเสียดายเอา"
รีไวล์เงยหน้าขึ้นมาแวบหนึ่งเหมือนนึกอะไรออก แต่สุดท้ายก็กลับไปจมอยู่กับงานเขียนเหมือนเดิม ต่างฝ่ายต่างจดจ่อแค่ในสิ่งที่ตัวเองทำ มิคาสะเองก็เริ่มชินกับความเงียบของบ้านไปแล้ว
"ปีนี้จะไม่มีคนมาเหมือนเคยจริง ๆ ใช่ไหม"
เมื่อนั่งไปสักพักเธอก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ เหมือนมีอะไรยุกยิก ๆ ในใจทำให้เธอต้องพูดออกมา ปกติแล้วเทศกาลนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นมากที่สุดจากทุก ๆ เทศกาลของทั้งปี เป็นวันพิเศษที่มีคนแสนพิเศษมารวมตัวกันมากมายและสร้างความทรงจำที่นึกถึงทีไรก็ทำให้ยิ้มออกมาได้ทุกที แต่ปีนี้เธอไปไหนไม่ได้เพราะต้องคอยดูแลพี่ชายผู้ไม่ยอมออกไปไหน ความอบอุ่นของเทศกาลเหลือเพียงความอึมครึมอันเกิดจากความหดหู่
"อย่าพูดอะไรบ้า ๆ น่า เธอก็รู้ว่าพวกนั้น..." รีไวล์นั่งนิ่ง "ช่างมันเถอะ"
"ช่างมันเถอะอะไรกัน พี่ก็รู้นี่ว่าวันนี้--"
ก๊อก ก๊อก!
จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดบทสนทนา มิคาสะหันไปมองทางรีไวล์เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างเชื่องช้าและเป็นกังวล เธอยืนนิ่งเหมือนชั่งใจว่าจะเปิดดีหรือไม่เพราะไม่มีใครมาเยี่ยมพวกเขาที่บ้านมาสักพักแล้ว หรือบางทีอาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพ.. มิคาสะส่ายหน้า วันมงคลอย่างนี้อาจจะเป็นกลุ่มร้องประสานเสียงจากโบสถ์ก็ได้ หรืออาจจะเป็นคนเร่ร่อนที่ต้องการอาหารในค่ำคืนที่เหน็บหนาว เธอควรมองโลกในแง่ดีให้มากกว่านี้ เมื่อคิดอย่างนั้นเธอจึงเปิดประตู
ก่อนจะพบกับของขวัญชิ้นใหญ่จากซานตาคลอส
"พระเจ้า! รีไวล์ รีไวล์! มาดูนี่สิ!"
หญิงสาวตะโกนออกมาจากหน้าประตู ทำให้ผู้เป็นพี่ฉงน
"ทำไมหรอมิคาสะ ใครมาน่ะ"
เเละเมื่อรีไวล์เข้าไปใกล้ผู้มาเยือนก็ตะโกนออกมาด้วยอารามตกใจ
"ไงไอ้เจ้าหลานชาย ตอนฉันหายไปนี่แกโตขึ้นบ้างหรือยัง"
"เคนนี่!" รีไวล์รีบรุดไปยังทิศที่ชายผู้เพิ่งเข้ามาอยู่ เขาใช้สายตาสำรวจคนตรงหน้าด้วยความไม่เชื่อก่อนทั้งสามจะกอดกันแน่น นี่มันยิ่งกว่าของขวัญวันคริสต์มาสอีกนะกับการที่เคนนี่กลับบ้านมาหาพวกเขา นี่มันเคนนี่เชียวนะ! เคนนี่ที่หายไปตั้ง 4 เดือนน่ะ!
เคนนี่คือลุงที่เลี้ยงพวกเขาทั้งคู่ขึ้นมาแทนแม่ที่เสียไป ชายแก่คนนี้ค่อนข้างเดาอารมณ์ได้ยาก เขาเลี้ยงหลานเหมือนเป็นเพื่อนแก้เหงา แต่สุดท้ายก็เป็นตัวเองที่ชอบหนีไปทำงานไกล ๆ อยู่ตลอดเพราะทนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้
"ไอ้พวกตัวแสบ ตอยฉันไปทำงานน่ะคิดถึงกันบ้างไหม หรือคิดถึงแต่เงินฉัน แหงล่ะ มันต้องเป็นอย่างหลังอยู่แล้ว!" ชายมีอายุพูดจบก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากก่อนวางกระเป๋าเอกสารลงแล้วหยิบซองในเสื้อโค้ทออกมายื่นให้หลานคนโต
"เอ้านี่ ของขวัญวันเกิดของแก" รีไวล์มองหน้าผู้เป็นลุงก่อนจะรับซองนั้นเอาไว้ด้วยความงุนงง "อย่าเพิ่งแกะนะ ฉันมีของขวัญอย่างอื่นมาให้แกด้วย"
รีไวล์และมิคาสะมองหน้ากัน เคนนี่ชอบมีเซอร์ไพรส์แปลกประหลาดให้หลานเสมอ และแปลกประหลาดที่ว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องดีเสียเป็นส่วนใหญ่
"เข้ามาสิไอ้พวกเวร" เคนนี่หันไปทางประตูที่ยังไม่ถูกปิดสนิทก่อนจะกวักมือให้ใครบางคนเข้ามา
น่าแปลกที่ว่าของขวัญชิ้นนี้ของเคนนี่มันดูจะล้ำค่า และให้ฤทธิ์แสบเคืองระคายตาจนน้ำตาแทบไหล
นี่มันมากเกินไป มากเกินกว่าที่เขาจะรับไหว
"คิดถึงพวกเราไหมรีไวล์ ไม่เจอกันตั้งนาน"
รีไวล์เหมือนกับกำลังฝันไป นี่เขากำลังฝันอยู่หรือเปล่า
"เออร์วิน! ไม่สิ ฮันจิด้วยหรอ" รีไวล์ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาเมื่อเจอกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอที่หน้าประตูบ้าน เขาได้แต่ยืนนิ่งไปไหนไม่ได้เพราะรู้สึกสั่นไหวในอก เหมือนคนกำลังหายใจไม่ออก
"อย่ามองแบบนั้นสิ มองเหมือนพวกเราตายไปแล้วอย่างนั้นแหละ"
"มุกแย่ชะมัด ต่างประเทศเขาเล่นมุกกันแบบนี้หรอ ไม่ตลกเลย" แต่ถึงอย่างนั้นรีไวล์กลับหัวเราะ มันเป็นเสียงหัวเราะแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
"อะไรประมาณนั้น" เออร์วินยักไหล่
"แล้วกลับมาตอนไหน ทำไมไม่บอกกัน"
"ไม่มีโอกาสนี่นา พอเครื่องแลนดิ้งปุ๊บก็มาหานายคนแรกเลยนะรู้หรือเปล่า" ฮันจิพูดกวน ๆ
"คิดถึงพวกนายชะมัด" พูดจบชายผมดำก็กอดเพื่อนทั้งสองของตัวเองแน่น เออร์วินและฮันจิได้แต่มองหน้ากันยิ้ม ๆ ก่อนจะกอดรีไวล์ตอบ เพื่อนตัวเล็กดูจะอ่อนไหวขึ้นอย่างน่าแปลกประหลาด
"อะไรของนาย ก็คุยกันออกจะบ่อย แถมนายนั่นแหละที่ชอบไม่ตอบข้อความพวกเรา"
"ก็คนมันไม่ค่อยว่าง" รีไวล์พูดพลางเผลอยิ้มมุมปาก เขามีความสุขชะมัด
"เราพาคนจากที่ทำงานเก่านายมาด้วยนะ พวกเขาคิดถึงนายมาก" พอฮันจิพูดจบ เธอก็หลบให้คนด้านหลังได้มีโอกาสเข้ามาทักทายเพื่อนเก่าเพื่อนแก่
"มิเกะ? ไม่สิ นานาเบะด้วยหรอ" ชายผมสีดำตาโต "เอลด์ เพตตร้า ออลโอ้ กุนเธอร์.."
เขาได้แต่ยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นผู้คนด้านนอก
"สุขสันต์วันเกิดค่ะหัวหน้า พอคุณลาออกไปก็ไม่ได้เจอกันเลยนะ"
"จริงครับ พวกเราก็เป็นห่วงเหมือนกันนะ"
ผู้คนที่เขารู้จักจำนวนหนึ่งมายืนหน้าประตู ทุกคนต่างเป็นคนที่สำคัญในชีวิตสำหรับเขา เป็นคนที่ทำให้เขาได้รู้ว่าเราจะพยายามไปเพื่อใคร นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิต มากจนเขากลัวว่านี่จะเป็นเพียงฝัน มันเปราะบางจนเขากลัวว่าถ้าเพียงแค่กระพริบตามันอาจจะหายไปได้
เพราะทุกคนสำคัญมากจริง ๆ
รีไวล์หันกลับไปมองเคนนี่ที่ยืนอยู่กับมิคาสะ คนจากบ้านเเอคเคอร์แมนทั้งสองส่งยิ้มมาให้เขาเหมือนกับว่านี่เป็นสิ่งที่เขาควรได้รับอย่างไงอย่างงั้น
"นี่ ถ้าจะคุยกันนานก็ปล่อยให้เราเข้าไปข้างในก่อนได้มั้ยลูกพี่ บรื๋อ! ข้างนอกนี่หนาวชะมัดเลย" รีไวล์สะดุ้งโหยงเพราะเสียงคุ้นเคยจากคนด้านนอกประตู
"อิซาเบล ฟาร์ลัน! พวกนายมาได้อย่างไง " ชายเจ้าของวันเกิดเผลอตะโกนออกมาขณะปล่อยให้ทั้งสองคนเข้ามาด้านใน
"ก็เดินมาไง คิดถึงชะมัด สุขสันต์วันเกิดนะลูกพี่! "
"คิดถึงอะไรกัน ไม่ได้เจอกันไม่กี่วันเอง" ฟาร์ลันหันไปเหน็บแนมหญิงสาวคนเดียวของกลุ่มเพื่อนวัยเด็ก
"แล้วจะให้คิดถึงเลยไม่ได้หรือยังไง! ลูกพี่ทั้งคน"
"เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าแต่พวกนายบอกว่าจะกลับบ้านกันหรอกเหรอ" รีไวล์สับสนเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้เขามีความสุขมาก จนบางครั้งก็คิดขำในใจกับตัวเองว่าเขาต้องเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในวันนี้เป็นแน่
"ไม่ต้องไปสนใจรายละเอียดยิบย่อยหรอก มาฉลองกันดีกว่า ไหน มีอะไรให้พวกเรากินบ้างล่ะ"
รีไวล์หลุดหัวเราะ และนั่นทำให้ผู้มาใหม่แปลกใจกับลูกพี่ของพวกเขาที่จู่ ๆ ก็อารมณ์ดีขึ้นมา
"เยอะแยะจนพวกนายกินไม่หมดเลยล่ะ"
หวังว่านี่จะไม่ใช่แค่ฝัน หรือถ้าเป็นความฝันล่ะก็ เขาก็อยากจะขอหลับและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
'The snowflakes won't fall
We can't deck the halls
It's not Christmas till you come home'
With love,
all the lost souls.
(end.)
/สุดท้ายก็ปั่นไม่ทันวันเกิดพี่รีไวล์ ;-; สุขสันต์วันเกิดพี่นะคะ ขอให้พี่มีความสุขมาก ๆ รีไวล์เป็นหนึ่งในตัวละครที่ในตอนแรกเราอาจจะโมโหเขาแต่พอได้รู้จักไปเรื่อย ๆ ก็ดันตกหลุมรักในสิ่งที่เขาเป็นจนสงสารและอยากให้เขาได้เจอเเต่สิ่งดี ๆ ไม่อยากให้เจอกับเรื่องที่ทำให้ต้องเสียใจอีกต่อไป แงๆๆ รักพี่จัง
ฟิคนี้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเยียวยาจิตใจเราเองอีกแล้วนั่นแหละค่ะ เพราะยังไงสิ่งที่รีไวล์ต้องการอาจจะไม่ใช่การให้พวกเขากลับมาหรือเปล่า คนที่ไม่ regret ในสิ่งที่ผ่านมาอย่างเขาอาจจะแค่อยากเอ่ยลาคนที่จากไปสักครั้งก็พอ
(ส่วนตัวคิดว่ามันดูเค้นไปหรือเปล่านะเพราะไม่ถนัดแนวดราม่าหรือ emotional เลย ชอบเขียนแนวเอื่อย ๆ overwhelming อะไรแบบนี้มากกว่า แถมเขียนแล้วแทบไม่ได้พรูฟเลย ตอนแรกเกือบเขียนเป็น eruri ด้วยล่ะ แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ ยังไงก็ติชมกันได้นะคะ)
ยังไงก็เมอร์รี่คริสต์มาสทุกคนด้วยนะคะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนบ่อย รักษาสุขภาพกายและใจกันด้วย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in