"ไม่ต้องคุยกันก็ได้ แค่อย่าเกลียดกันก็พอ"
นี่เป็นประโยคที่เราได้ยินตอนนั่งอยู่บนรถสาย 515 ขณะกำลังกลับบ้าน ตอนแรกที่ได้ยิน ก็รู้สึกว่า เออ คมดีว่ะ มันเป็นคำคมได้ เดี๋ยวนี้เราเป็นพวกที่หายใจเข้าออกก็เป็นคำคม ประโยคนี้จึงเตะหูเราง่าย
แต่เมื่อเอาประโยคที่ได้ยินจากหญิงสาวปริศนาบนรถ 515 นั้น มาตีความต่อ ฆ่าเวลาระหว่างรถติด
ไม่ต้องคุยกันก็ได้ ถ้าเขานั้นไม่คุยกับเราจริงๆ
เราจะโอเคจริงๆ หรอ ?
เราจะยังไงต่อ ?
คำร้องขอของเราจะสิ้นสุดลงจริงรึเปล่า ?
สำหรับเราแล้วการไม่คุยกันแต่บอกว่าอย่าเกลียดกันก็พอ เท่ากับเราก็ยังต้องการให้เขาอยู่ในวงโคจรของเราอยู่
และเมื่อไม่ได้คุยกัน ถ้าเราไม่ได้รู้สึกต้องการรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับทางเลือกนี้
แต่ถ้าเรายังอยากรับรู้ความรู้สึกของเขาอยู่การไม่คุยกันจึงไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
บางครั้งการไม่คุยกันก็ทำให้เราคิดไปได้ต่างๆ นานา ว่าเขาเกลียดเรามั้ยนะ เขาไม่รู้สึกอะไรกับเราเลยเหรอ เรามั่นใจได้แค่ไหนว่าเราจะไม่ตีความไปเอง
"การหยุดสื่อสารกันระหว่างคนสองคนนั้น เราก็ต้องมั่นใจในระดับหนึ่งว่าเราเด็ดขาดพอที่จะไม่ใจอ่อนให้เขาอีกแล้ว"
เพราะเมื่อเราอ่อนไหวมากๆ เข้า
แทนที่จะเป็น ไม่ต้องคุยกันก็ได้ อาจเปลี่ยนเป็น แค่ได้คุยกันสักนิดก็ยังดี
คำร้องขอของเราจะเพิ่มขึ้นอีกมั้ยเมื่อเราได้คุยกับเขานิดนึงแล้ว
เราจะพอใจไหม ?
เราจะอยากคุยกับเขาเพิ่มขึ้นรึเปล่า ?
ก็นั่นแหละนะ
ความรักมันบ้าบอสิ้นดี
เรื่องของหัวใจมันก็มักจะงี่เง่าแบบนี้แหละ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in