เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
In my opinionBeaunt
เมื่อก่อน VS ตอนนี้
  • ช่วงนี้ละครพีเรียตกระแสแรงอย่างบุพเพสันนิวาสกำลังเป็นที่โจษย์จันกันทั้งบ้านทั้งเมือง ลามไปถึงประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียงอย่างประเทศลาวด้วยเหมือนกัน เพราะว่านี่ทำงานอยู่ที่ลาว พอถึงวันพุธ-พฤหัส 6 โมงเย็นเท่านั้น หายกันทั้งออฟฟิศอย่างกับออฟฟิศร้าง รีบกลับบ้านไปเตรียมตัวดูออเจ้ากันทั่วเมือง

    พอกระแสละครดัง เหล่าบรรดานักแสดงนำ ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ มิวายโดนขุด ทั้งประวัติการศึกษา สถานภาพ แม้แต่กระทั่งประสบการณ์ชีวิต ที่แต่ละคนได้กระทำกันมา ทั้งดีและไม่ดี จริงบ้างลวงบ้าง เกาะกระแสกันไป คนที่ได้รับข่าวมาก็ควรพิจารณาให้ดีว่าสิ่งที่ปรากฏออกมานั้น มันมีประโยชน์อย่างไรกับชีวิตของเราบ้าง

    อดีตสะท้อนปัจจุบัน ปัจจุบันสะท้อนอนาคต คำถามคือ ถ้าหากว่าในอดีตเคยเป็นคนที่ไม่ดี จะนับว่าปัจจุบันเป็นคนไม่ดีด้วยหรือเปล่า คำตอบตอบคือ ไม่เสมอไป เพราะถ้าหากว่าปัจจุบันประพฤติตัวดีแล้ว เปลี่ยนเป็นคนดีแล้ว ก็อาจถือได้ว่าคนนั้นเป็นคนดี เหมือนอย่างแม่การะเกดปัจจุบัน ก่อนที่เกศสุรางค์จะมาเกิดในร่างนี้ ก็เคยเป็นคนไม่ดี แต่ปัจจุบัน ได้รับผลกรรม รู้ตัวว่าทำผิด ก็ยอมรับ และชดใช้กรรมแต่โดยดี ยินดีกับเกศสุรางค์ที่ได้มาอาศัยร่างและได้อยู่กับพี่หมื่น และก็อีกเช่นกัน ถ้าเมื่อก่อนมีคนที่เค้าทำดีมาตลอด แต่ปัจจุบัน เค้าทำเรื่องที่ไม่ดีขึ้นมา คนนั้นจะยังได้ชื่อว่าเป็นคนดีอยู่หรือไม่?

    มนุษย์เรานั้น ไม่มีใครขาวหมดจด และไม่มีใครดำสนิท ทุกคนล้วนเป็นสีเทาๆ กันทั้งสิ้น เพราะว่าในโลกนี้ไม่เคยมีคนที่ไม่เคยทำผิด ยกเว้นแต่คนที่เกิดมาแล้วยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วก็ตายไป จริงมั้ย?

    เราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เมื่อก่อน กับตอนนี้แตกต่างกันแบบที่เรียกว่า หน้ามือเป็นหลังมือ (จริงๆ สมัยนี้เค้าก็ไม่ได้เปรียบว่าหลังมือกันแล้วแหละเนอะ แหะๆ :) ) 
     
    ตอนเด็กๆ เราเป็นเด็กที่ไม่สนใจโลก ไม่ทำการบ้าน จนโดนตั้งฉายาว่าดินพอกหางหมู คือขี้เกียจทำแล้วก็ปล่อยให้มันเยอะๆ ถามว่ากลับมาทำแล้วส่งครูมั้ย คำตอบคือ ไม่ค่ะ ไม่มีการทำย้อนทั้งสิ้น ยอมโดนตี จนครูฝ่ายภาษาจีนเอือมระอา แต่พอโตขึ้น เวลาเปลี่ยน ใจคนเรามันก็เปลี่ยนตาม เราอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิม เพราะรู้สึกว่าชีวิตที่ไม่สนใจโลก โลกก็ไม่สนใจเราเหมือนกัน มันทำให้เราอยากเก่งขึ้น อยากให้ผู้คนยอมรับเรามากขึ้น ก็เริ่มตั้งใจเรียน แต่ด้วยความที่ขี้เกียจมาตั้งแต่สมัยประถม ทำให้การเรียนตอนมัธยมต้นก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ ขึ้นมัธยมปลาย ก็ตั้งใจใหม่ว่าอยากเป็นคนที่เก่งขึ้น เรื่อยๆ ผลการเรียนก็ดีขึ้น จนเข้าโควต้าของมหาวิทยาลัยได้โดยไม่ต้องสอบ เห็นมั้ย!!! เมื่อก่อนก็เป็นเด็กไม่ดีไง แต่พอโตขึ้น เราได้รับการขัดเกลา ทั้งสังคม ทั้งสิ่งแวดล้อม มันก็เลยทำให้เราอยากเก่งขึ้น อยากดีขึ้น

    ก็ถ้ามีคนขุดเรื่องของเราแล้วมาบอกว่า ไอเด็กคนนี้มันขี้เกียจตัวเป็นขน ตอนนี้มันก็คงขีเกียจเหมือนเดิมแหละ เราก็จะยอมรับมัน เพราะว่าไม่ใช่ว่าตอนนี้เราไม่ขี้เกียจ แต่เราขี้เกียจลำบากตอนแก่ไง เราเลยต้องทำให้เราเก่งตอนนี้ ในวันที่เรายังทำได้ แล้วตอนแก่ เราจะขี้เกียจทำอะไรยังไงก็ได้ เพราะว่าเราก็คงไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วเช่นกัน

    มีประโยคหนึ่งที่คนที่คิดเป็น แล้วเป็นคนมองโลกในแง่ดี เค้ามักพูดกันว่า "อย่าเอาไม้บรรทัดของตัวเองไปวัดคนอื่น เพราะว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน"

    ถ้าใครที่ตอนนี้อยากเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองขึ้นมาบ้างแล้ว อย่ายึดติดกับอดีตของเรานะคะ ยอมรับ และให้อภัยตัวเองในสิ่งที่ทำผิดพลาดไป เราเริ่มต้นใหม่ ชีวิตเราเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวันที่เราตื่นมา สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ :)

    #inmyopinion
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in