Motherland fort salem เป็นหนึ่งในซีรีส์ไม่กี่เรื่องที่นำโดยนักแสดงหญิง
บทนำทั้งหมดเป็นของผู้หญิง
ตั้งแต่ประธานาธิบดี นายพล ผู้นำทางการเมืองในประเทศต่าง ๆ รวมถึงตัวละครสำคัญอื่น ๆ เช่น อบิเกล เบลล์เวเทอร์ / แทลลี่ ทราเวน / ราเอลล์ คอลล่าร์ / ซิลลา แรมซอร์น / อิซาดอร่า /
อนาคอสเทีย เป็นต้น
เกริ่นนำ
- Motherland fort salem นำเสนอภาพสังคมที่ผู้หญิงเป็นผู้มีอิทธิพลในประเทศ โดยอิงจากประวัติศาสตร์ "การพิจารณาคดีแม่มดแห่งซาเลม" ที่เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1692 - 1693 ในเมืองซาเลม รัฐแมสซาชูเซตส์ การพิจารณคดีครั้งนั้นมีผู้ถูกกล่าวหาว่าใช้เวทมนตร์มากกว่า 200 คน หลังจากการไต่สวนและการพิจารณาคดีหลายครั้ง มีผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิด 30 คน และ 19 คนถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ สถานการณ์ในปี 1692-1693 จึงนับว่าเป็นการล่าแม่มดที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์อาณานิคมของอเมริกาเหนือ
- ตัดภาพมาที่ซีรีส์ Motherland fort salem สถานการณ์เริ่มต้นเมื่อปี 1692 ในเนื้อเรื่องแม่มดซาเลมมีพลังวิเศษจริง ๆ พวกแม่มดได้ลงนามในข้อตกลงซาเลมกับกองทหารรักษาการณ์อ่าวแมสซาชูเซตส์ โดยให้คำมั่นว่าจะใช้ความพิเศษที่ตัวเองมี (การใช้เวทมนตร์) ปกป้องอาณานิคม ทำให้ในท้ายที่สุด
พวกแม่มดช่วยชาวอาณานิคมให้ชนะสงครามปฏิวัติกับอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว
- ซีรีส์นำเสนอภาพ ‘ผู้หญิง’ ที่กลายเป็นทหารของชาติ เป็นผู้นำประเทศ ทั้งยังดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองในหลายตำแหน่ง สายเลือดการเป็นทหารของผู้หญิงจะผ่านทางฝั่งตระกูลแม่ มีการเรียกอีกอย่างว่า 'พวกแม่มด' เมื่อบรรลุนิติภาวะผู้หญิงจะถูกเรียกเข้ากองทัพ ไม่เพียงแต่ในกองทัพสหรัฐเท่านั้น แต่ทั่วทั้งรัฐบาลกลางและส่วนต่าง ๆ ของสังคมด้วย เพื่อฝึกฝนเวทมนตร์และการใช้เสียงเพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์ การฝึกสร้างเมล็ดพันธุ์เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเสียงของเมล็ดสามารถสร้างคาถาที่ทรงพลังได้
- ระเบียบและข้อบังคับของการฝึกทหารยังเข้มงวดเหมือนเดิม จาก ep.1 มีกลุ่มต่อต้านการเกณฑ์ทหารที่เรียกว่า ‘สปรี’ กลุ่มสปรีมองว่าการเกณฑ์ทหารมันเป็นระบบทาส การทำให้เราเป็นทาส กลุ่มสปรีพยายามก่อการร้ายในที่ต่าง ๆ ที่มีประชาชนอยู่ค่อนข้างมาก เช่น สถานที่สาธารณะ ห้าง เป็นต้น แต่ภายในหลังจึงพบว่า ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความเกลียดชังพวกแม่มด
จากชื่อเรื่องที่ตั้งว่า ผู้หญิงกับการช่วงชิงควาหมาย คือคำว่า ‘แม่มด’ ในซีรีส์เรื่องนี้ถูกทำให้กลายเป็นความหมายในทางที่ดี ที่สังคมส่วนใหญ่ยอมรับและชื่นชม และเป็นคำที่มีพลังซึ่งแตกต่างจากคำว่าแม่มดในอดีต จากฉากนึงที่ตัวละคร แทลลี่ ต้องไปฝึกขั้นพื้นฐานสำหรับการเข้าวิทยาลัยการสงคราม แต่ไม่มีตั๋ว แอร์บอกว่า 'ต้องมีคนยอมเสียสละให้แน่ๆ' แล้วก็จริงมีผู้โดยสารคนนึงยอมเสียสละตั๋วของตนเอง
จากเดิมผู้หญิง (แม่มด) ถูกเชื่อว่า มีเวทมนตร์สามารถดลบันดาลให้เกิดปรากฎการณ์มหัศจรรย์ในทางที่ดีได้ เช่น เพื่อปกป้องชีวิต ดูแลทรัพย์สิน พืชผลหรือสัตว์เลี้ยงให้พ้นจากภัยพิบัตต่าง ๆ เพื่อป้องกันหรือรักษาโรค (แม่มดในสเปน, หน้า 11) แต่นานมาแล้วที่ความหมายของแม่มดถูกทำให้เปลี่ยนไป
- การใช้เสียงเป็นอาวุธ ต้องผ่านการควบคุมและฝึก เสียงสามารถทำให้เกิดพายุที่สร้างความเสียหายได้ แต่ละคนจะมีพรสวรรค์ของตัวเอง บางคนอาจเก่งเรื่องการรักษา บางคนอาจเก่งในการเรียกพายุ มีการเรียกชื่อแม่มดแต่ละกลุ่มตามความสามารถ
ในซีรีส์ยังมีประเด็นยิบย่อยแฝงอยู่
- การมีประธานาธิบดีเป็นผู้หญิงผิวดำ
- หลังจากการลงจากตำแหน่งของซาร่าห์ นายพลคนต่อมาเป็นผู้หญิงผิวดำ
- หนึ่งในตระกูลที่มีความสำคัญคือตระกูลเบลล์เวเทอร์ (เป็นคนผิวดำ)
- ประเด็นเรื่องพื้นที่ระหว่างรัสเซียกับจีน มีชาติพันธุ์ ‘ทาริม’ ทาริมอาศัยอยู่ในพื้นที่มีความขัดแย้ง ทาริมมีทรัพยากรที่หลายประเทศอยากได้ เพราะมีอาวุธ ก็คือเสียงที่เป็นบทเพลงเก่าแก่ ที่มีประโยชน์ทางการทหารและหายาก แต่ทาริมเป็นพวกรักสงบ เลยไม่มอบบทเพลงให้ใคร อาจจะเพราะรู้ว่าบทเพลงของตัวเองสามารถเป็นอาวุธได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in