ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ยากมากจริง ๆ สำหรับการวิจารณ์ละครเพลงที่คล้ายกับอุปรากรเรื่องนี้ ที่บอกว่ายากนั้น ผู้เขียนไม่ได้หมายความว่าการวิจารณ์ตัวเพลงหรือดนตรีเป็นเรื่องที่ยาก แต่เป็นเพราะสถานการณ์บ้านเมืองช่วงหลังมานี้ต่างหากที่ทำให้ผู้เขียนตัดสินใจอยู่หลายครั้ง ถอดใจหลายหนในการเขียน แต่เมื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้งแล้ว บทวิจารณ์นี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้อ่านไม่มากก็น้อย อย่างน้อย ๆ ท่านจะได้รับฟังบทเพลงที่ไพเราะเหล่านี้ ต้องบอกก่อนละครเวทีเรื่องนี้ ถูกถ่ายทอดทั้งหมด4ครั้ง การวิจารณ์ดนตรีในครั้งนี้จะวิจารณ์การแสดงในครั้งแรก คือฉบับปีพ.ศ.2554ที่ไม่ว่าจะผ่านมานับ10ปีแล้วก็ยังตราตรึงในหัวใจ
เปิดมาท่านจะได้รับฟังเสียงใส ๆ ในบทเพลงบ้านของฉัน ของตัวละครแม่พลอยในวัยเด็ก ที่มีความอาลัยอาวรณ์ เพราะต้องจากบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิด และยังไม่รู้ว่าตนเองต้องไปที่ไหน ยังดีที่มีแม่เป็นหลักให้ยึดเหนี่ยว ทำนองเพลงนี้ผู้ชมจะได้รับรู้ถึงความเป็นไทยมาก แม้เครื่องดนตรีที่ใช้ในการบรรเลงส่วนใหญ่จะเป็นดนตรีสากลก็ตาม เป็นเพราะทำนองเพลงที่มีบันไดเสียงแบบเพนตาโทนิก ซึ่งเป็นบันไดเสียงที่ใช้ในเพลงไทยเดิมค่อนข้างมาก จึงไม่แปลกเลยที่เราจะรู้สึกถึงความเป็นไทยผ่านบทเพลงนี้
ต่อเนื่องมาที่เพลงวังหลวง เพลงที่ให้ความรู้สึกตื่นเต้น คาดหวัง และชวนน่าสงสัยไปในคราวเดียวกัน ทำให้คนฟังเหมือนราวกับว่าเป็นแม่พลอยที่ต้องเข้าวังหลวงซะเอง นอกจากความตระการตาในการแสดงแล้ว ในส่วนของดนตรียังมีการใช้ระนาดเอกมาเป็นจุดบ่งบอกว่าเพลงนี้มีความเป็นไทยเดิมอยู่นะ ยังไม่ได้ข้ามผ่านไปยุคสมัยอื่น
เมื่อมีพบก็ต้องมีจาก แต่การจากลาสำหรับเด็กหญิงในครั้งนี้เป็นความเจ็บปวดครั้งแรกที่ต้องเจอ หนำซ้ำคนที่ต้องจากลาคือแม่ เสาหลักเดียวที่มี เธอจึงเสียใจอย่างที่สุด เราสามารถรับรู้ถึงความเศร้านั้นได้ ผ่านเพลงถึงคราวต้องจาก ที่สองนักแสดงต่างถ่ายทอดอารมณ์ให้แก่กัน ทำเอาคนฟังอดสงสารแม่พลอยไม่ได้ ผู้เขียนเองก็แอบนึกถึงวันที่ต้องห่างจากอกแม่ครั้งแรกเบา ๆ ในส่วนของดนตรีในเพลงนี้ความเป็นสากลมากกว่าสองเพลงที่ผ่านมา เมื่อจบแล้วตอกย้ำความรู้สึกด้วยเพลง วันที่ไร้แม่ ที่นักแสดงต้องควบคุมทั้งการร้องเพลงและการแสดงให้มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ฉากนี้ต้องปรบมือดัง ๆ ให้กับนักแสดงเลยทีเดียว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in