เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึก อาทิตย์แสนเศร้าMiss. K
จิตแพทย์ ?
  • จิตแพทย์คือใคร?
    นี่คือสิ่งที่ฉันพบเกี่ยวกับจิตแพทย์(ของฉัน) 

    จิตแพทย์ คือหมอใส่ชุดขาวนั่งตรงข้ามคุณในห้องตรวจ
    จิตแพทย์ คือหมอที่ตั้งใจฟังคุณพร้อมเหมือนอยู่ในห้องเลคเชอร์ 
    จิตแพทย์ คือคนที่จ้องจะจับทุกคำพูดของคุณมาปั้นเป็นก้อนก่อนเพื่อประมวลผล (แม้ว่าคุณจะพูดไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม จิตแพทย์จะพยายามเข้าใจจนได้) 

    จิตแพทย์ คือคนที่คุณเคยกลัวก่อนจะได้เจอตัวจริง หลังจากนั้น-- 
    ถ้าโชคดีเขาหรือเธอจะเป็นเหมือนเพื่อนที่รู้จักคุณมากที่สุด 

    ฉันเป็นคนนึงที่เคยกลัวมาก ไม่ใช่แต่จิตแพทย์ จะโรงพยาบาลหรือยาก็ไม่ชอบพอกัน จะบอกว่าฉันแทบไม่เคยเหยียบโรงพยาบาลเลยนอกจากตอนเกิดกับตอนฉีดวัคฉีนก็ว่าได้ 

    ครั้งแรกที่ฉันตัดสินใจไปหาเธอ 
    หลังจากรู้สึกแย่เหมือนมีหมอกปีศาจปกคลุมมาทั้งอาทิตย์ สติฉันแตกกระเจิง ฉันหนีออกจากห้องเรียน--- ตัดสินใจเดินออกไปกลางคลาส ก่อนที่ตัวเองจะร้องไห้เปิดตัวต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น น้ำตาเอ่อโดยที่ตัวฉันไม่รู้สาเหตุอื่นใดนอกไปจากรู้สึกแย่ รู้สึกแย่เหลือเกิน ฉันรู้สึกว่างเปล่า ร่างชาวาบ ฉันเริ่มไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไร ไม่รู้ว่า จะ ทำอะไรต่อ 

    ฉันเดิน หรือเท่าที่จำได้ เหมือนจะลอยมากกว่าไปตามถนนในวิทยาลัย จังหวะที่กำลังจะข้ามถนน ฉันเห็นรถคันหนึ่งพุ่งมา ขาฉันก้าวออกไปโดยอัตโนมัติ ความคิดชั่ววู้บบอกว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะหยุดความรู้สึกแย่ๆที่ฉันเจอมาทั้งอาทิตย์ได้ แค่แว้บเดียว มันคงเจ็บแปล้บเหมือนตอนฉีดยา แล้วฉันก็จะพบกับความสงบ

    แต่พระเจ้าเหมือนจะยังไม่ให้ฉันไปง่ายๆ 
    รถคันนั้นหยุดเพราะไฟแดงพอดี 

    ฉันมองรถคันนั้นอย่างตัดพ้อ เขาคงไม่เข้าใจหรอก แต่ฉันรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนทรยศ 
    ฉันเดินต่อไปแล้วก็ชนเข้ากับจักรยานยนตร์ที่วิ่งสวนเลนขึ้นมา ความคิดแรกคืออุตส่าถอดใจไปแล้วจะแกล้งกันแบบนี้จริงๆสิ? แต่ก็ไม่ยักเป็นอะไร คงเพราะชนเข้ากลางคันพอดี เลยได้แค่แผลถลอกนิดหน่อย 

    ไม่เจ็บเลยสักนิด แต่น้ำตาที่กลั้นไว้มันเริ่มยากจะควบคุม
    ฉันก้มหน้าตลอดทางกลับหอ เพราะไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าใคร

    เช้าวันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาร้องไห้อีก วันถัดไปก็ร้อง ถัดๆไปก็ร้อง ฉันร้องไห้จนตาบวม โดยไม่รู้สาเหตุ
    ไม่มีใครตาย ไม่มีใครอกหัก มีแค่ฉัน งานที่ค้างไว้ แล้วก็โทรศัพท์ วันนั้นฉันถึงแวะไปคลีนิกจิตเวช

    ฉันเดินวนอยุ่หลายรอบเชียวล่ะกว่าจะเข้าไปได้ 
    พอเข้าไปก็ยังจะต้องวัดความดัน ทำแบบทดสอบ ทำนัด กว่าจะได้เจอหมอจริงๆก็อาทิตย์ถัดไป 

    ตอนนั้นฉันพอรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังหม่นๆหมองๆอยู่เลยคิดว่าไหนๆก็นัดไปแล้ว แวะไปหน่อยแล้วกัน ฉันเล่าอาการให้หมอฟัง เล่าว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นยังไง เดือนที่ผ่านมาเป็นยังไง เหตุการณ์เดียวกันเมื่อปีก่อนเป็นยังไง 

    หมอไล่ถามหาที่มาของความเครียดไปเรื่อยๆตามสเตป 
    จนมาถึงเรื่องครอบครัวที่หมอดูจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ (คงเพราะร้องไห้ตอนหมอพูดจี้ 55)

    หมอบอกว่าสิ่งที่ฉันเจออาจมีสาเหตุมาจากความเครียดสะสมตั้งแต่เด็ก ความคาดหวังที่จะได้รับการยอมรับ ความรักที่ฉันรู้สึกว่าได้รับไม่เพียงพอทำให้เกิดช่องโหว่ในใจที่ตัวฉันเองพยายามอุดรูโหว่นั้นแล้ว แต่นานปีเข้า รูกลับใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนฉันไม่เหลืออะไรจะอุดมันได้อีก ความเศร้าจึงหลุดออกมา

    เหมือนปีศาจร้ายที่ถูกกักขังมานาน
    มันทำลายฉันจนไม่เหลือเค้าเดิม 


    หมอบอกว่าคุยตอนนี้คงไม่รู้เรื่อง ลองเอายาไปกินให้ดีขึ้นสักนิดแล้วค่อยมาบำบัดกันต่อครั้งหน้า
    ฉันเริ่มทานยาต้านเศร้าตัวแรกในชีวิตวันนั้นเอง--

     

    *เราไม่ใช่หมอ แต่จะเล่าในฐานะของคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า 
    *หากต้องสงสัยว่าคนใกล้เคียงหรือตัวเองป่วย การปรึกษาแพทย์คือทางออกที่ีดีที่สุด

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Noot Tharara (@Nootsstories)
อยากให้ลองสังเกตดูเล่น ๆ นะคะ โต๊ะของจิตแพทย์จะมีกล่องทิชชู่วางอยู่เสมอ(น่าจะเอาไว้ซับน้ำตาคนไข้แหละค่ะคิดว่า) และชอบใช้ปากกาลายน่ารัก ๆ หรือสีสันสดใส เท่าที่เราเจอมาเป็นแบบนี้ทุกคนเลยค่ะ

เราเป็นกำลังใจเจอยาตัวที่คุมอาการได้ไว ๆ นะคะ แล้วโลกก็จะกลับมาสงบสุขเหมือนเดิมค่ะ