เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Inferno : ปริศนา seek and find หาแล้วจะพบDarawan Jatupipatpong
Inferno : ปริศนา seek and find หาแล้วจะพบ (สปอยด์)
  • กลับมาอีกครั้งกับภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายชุดโรเบิร์ต แลงดอนของแดน บราวน์ ในภาพยนตร์เรื่อง Inferno  หลังจากที่ภาพยนตร์ ก่อนหนน้าอย่างThe Da Vinci Code (2006) และ Angels & Demons (2009)  ทีประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก


    ถือว่าสมการรอคอยกับการกลับมาของ ทอม แฮงค์ ในบทบาทศาสตราจารย์โรเบิร์ต แลงดอนที่หลายคนรอคอยกับบทบาทการไขปริศนาที่มีชีวิตของคนนับล้านเป็นเดิมพัน“seekand find หาแล้วจะพบ”กลายเป็นวลีติดหูที่คนชมภาพยนตร์ต้องจดจำ แล้วคอยลุ้นว่า จะต้องหาอะไรต่อ ถึงจะพบแค่วลีนี้ก็ชวนให้คนดูสนใจอยากหาคำตอบของปริศนาที่ซ่อนไว้ก็แหม่มันเป็นวลีที่ผู้เริ่มปัญหา อย่างตัวร้ายมหาเศรษฐีสติแตก ที่เชื่อว่ามนุษย์เป็นไวรัสร้ายที่จะทำให้สัตว์ชนิดที่หกที่สูยพันธ์คือ มนุษย์ การขยายจำนวนของมนุษย์ที่นำไปสู่ประชากรล้นโลกนั้นเป็นเหตุผลทำให้มนุษย์จะต้องสูญพันธ์เขาคิดว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องกอบกู้โลกไว้ด้วยการปล่อยไวรัสล้างโลกเพื่อลดประชากรมนุษย์และปริศนาทีเขาทิ้งเอาไว้คือที่ซ่อนของไวรัสที่ว่า

     

    “seek and find หาแล้วจะพบ” 


    คำปริศนาที่พาสู่คำตอบ ที่อยู่ในหัวเขาหลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลจากอาการบาดเจ็บเพราะถูกทำร้าย ใครทำร้ายเขา และเขามาทำอะไรที่นี้นั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องหาแล้วจึงจะพบ

    ภาพปริศนาแรก ขุมนรกของดันเต้

     

    เอกลักษณ์ของนิยายแลงดอนในเรื่องของการถอดรหัสจากงานศิลปะยังคงไว้ได้เห็นการถอดจากจุด 1 พาไปจุด 2 จุด 3 เช่นเคย แต่ไม่ได้มีแค่การไขปริสนาจากงานศิลปะเท่านั้นเขาต้องไขปริศนาที่ตัวเขาเองเห็นภาพนิมิต มันหมือนว่าเขามองเห็นอนาคตงั้นหรือหรือว่าเขาเห็นสิ่งที่เคยเห็น เห็นในสิ่งที่เขาเคยทำหรือคลุกคลีกับมันมาก่อนหน้า หรือประสบมาก่อนหน้านี้นอกจากนี้เขายังต้องหนีเอาชีวิตรอดจากผู้ที่ตามล่า  แม้จะลุ้นละทึกแค่ไหนสุดท้ายแนวการดำเนินเรื่องไม่ผิดไปจากเดิมเสียเท่าไหร่ยังคงจบด้วยบทสรุปที่ว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม แม้บางคนจะกลับตัวกลับใจได้ในภายหลังก็ตามเอาเป็นว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว แต่เดี๋ยวก่อนไม่เดาง่ายขนาดนั้นเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นหนังไขปริศนา เดาทางได้ง่ายคงไม่สนุก เอาเป็นว่าในหนังแอบมีหักมุมแรงเรียกได้ว่าเดาได้ไม่ง่ายเลยทีเดียว จะว่าไปแล้วถึงกับร้องว่า เฮ้ยได้ไง มากกว่าละมั้ง 

     

    ในเรื่องของการดำเนินเรื่องด้วยความที่เป็นหนังแนวแอคชั่น สืบสวนสอบสวนหากจะดำเนินเรื่องให้ช้าอ้อยอิงคงจะน่าเบือ ในส่วนเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีว่ากันว่าดีกว่า 2 ภาคที่ผ่านมาด้วยการดำเนินเรื่องที่กระชับ รวดเร็วและความสมจริงของCG การถ่ายทำก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้แม้ในบางจุดอย่าง ภาพจำลองของนรก จะไม่สมจริงไปบ้าง แต่ก็ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในขุมนรกจริงๆด้วยโทนสีของภาพยนตร์ และมุมกล้อง ในโทนสีโดยส่วนใหญ่ที่เลือกใช่จะเป็นโลว์คีย์ออกมืดๆมัว ให้เห็นว่ามันคือปริศนา แต่ก็มีบางช่วงที่จะออกไฮคีย์ ให้เห็นว่านั้นนะคือความทรงจำ ถือว่าทำได้ดีทีเดียวเพราะคนดูตามประติดประต่อ เรื่องจากฉากความทรงจำเหล่านี้นี่แหละหากเป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนที่วางเรื่องไว้เป็นอย่างดี ต้องไม่ให้คนดูเดาได้แต่เรื่องนี้คนดูเหมือนจะดีใจว่า เฮ้ย ฉันเดาได้นะ แต่เปล่าเลย ผิดคาดจ้า แต่ก็ยังมีส่วนที่ยังขัดใจด้วยเรื่องที่ว่าไขปริศนาได้ง่ายดายไปหน่อยไม่ซับซ้อน อาจจะเป็นเพราะไม่ได้อยากมุ่งเน้นไปที่ปริศนามากกว่าการสื่อสารออกมา



     

    ไม่ดูภาคก่อนหน้าแล้วจะรู้เรื่องหรือไม่? ต้องบอกก่อนว่า แต่ละภาคมจุดบในตัวของมันเองตอนที่ดูเรื่องนี้ก็ไม่ได้ดูเรื่อง The Da VinciCode (2006) และ Angels& Demons (2009) มาก่อนแต่ต้องย้อนกลับไปดูสองเรื่องนี้ใหม่เพราะเกิดหลงไหลในความฉลาดที่หยยิบเอาผลงานทางศิลปะที่โด่งดังในโลกมาสร้างปริศนาให้ผู้คนติดตาม ถือว่าเป็นการสร้างคุณค่าทางผลงานศิลปะที่ทำให้คนที่ไม่เคยสนใจงานศิลปะ ได้กลับมาหาข้อมูลกันเลยทีเดียว ความน่าสนใจในภาคนี้ไม่ได้มีแค่ในเรื่องของผลงานศิลปะเท่านั้นนะแต่การดำเนินเรื่องแก้ไขปริศนาจาก 1 ไป 2 2 ไป 3 ยังพาผู้ชมอย่างเราไปยังโลเกชั่นต่างที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเกี่ยวกับดันเต้สำหรับใครที่ชื่นชอบผลงานทางศิลปะ และหลงไหลเสน่แห่งเมืองโรแมนติกอย่างอิตาลี หรือตุรกี ไม่ควรพลาดเรื่องนี้

      

    สำหรับฉันหลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้ “seek and find หาแล้วจะพบ” 

    ไม่ใช่หาคำตอบตามปริศนาที่ซ่อนไว้แต่ฉันคิดว่ามันคือเรื่องของทางออกที่ควรหาทางแก้ไขมากกว่า

     

    ผิดไหมที่เศรษฐีคนนึงอยากแก้ไขปัญหาประชากรล้นโลกและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยเชื่อว่าไวรัสเพื่อลดประชากรให้เหลือครึ่งหนึ่งคือทางออกของการแก้ไขปัญหาที่ว่า การแก้ไขปัญหาที่หวังผลในระยะยาวย่อมดีกว่าการแก้ไขในระยะสั้นที่อาจกลับมาเกิดขึ้นใหม่ได้อีก มันอาจไม่ผิดหากวิธีการนั้นไม่ได้เริ่มมาจากการทำร้ายผู้คนนี่อาจเป็นจุดที่หนังกำลังบอกเรากลายๆ ว่า ความสนุกของการชมภาพยนตร์ แนวสืบสวน ไขปริศนา คือก็ได้ร่วมหาคำตอบ "seek and find หาแล้วจะพบ" เราสนุกที่เราตามภาพยนตร์ทัน แต่สุดท้ายแล้ว อย่าลืมที่จะหาทางออกให้พบ ทางออกในการแก้ไขปัญหาที่โลกเราเผชิญอยู่ ด้วยคนดูอย่างเรานี่แหละที่จะทำให้โลกเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และแน่นอนคงไม่มาจากวิธีการที่เริ่มต้นดวยการทำร้ายชีวิตอื่นๆ



    ขอบคุณภาพจาก http://www.majorcineplex.com

    vdo จาก www.youtube.com

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in