เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
我多喜欢你puff pastry
แก้วน้ำ (markren)
  • พยองชางน่ะร้อนเป็นบ้า

    ไม่สิ ถ้าเป็นประเทศเกาหลีใต้แล้วล่ะก็ เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ร้อนทั้งนั้น

    มันเป็นความจริงที่น่าหงุดหงิดสำหรับเหรินจวิ้น แต่เขาจะยอมลดความขุ่นข้องนั้นให้เหลือแค่ 3 ส่วนก็ได้ เพราะในช่วงฤดูร้อนนี้ก็ยังมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นกับเขาเหมือนกัน

    อย่างเช่นการได้มาเวิร์คช็อปกับบริษัทไงล่ะ!

    เวิร์คช็อปปีที่แล้วสนุกยังไง เหรินจวิ้นก็คาดหวังให้ความสนุกของกิจกรรมในปีนี้นั้นเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

    การได้มาเจอกับศิลปินรุ่นพี่ที่เคารพนอกเหนือจากตอนที่เดินสวนกันในตึกบริษัท การได้เล่นเกมชิงรางวัล ไปจนถึงการได้ใช้เวลาร่วมกันกับเหล่าสมาชิกที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันตั้งแต่เป็นเด็กฝึก

    ทุกอย่างที่ว่าทำให้อากาศร้อน ๆ ของพยองชางกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยสำหรับเขา ความสุขและความทรงจำที่จะได้กลับไปต่างหากที่สำคัญ

    และแน่นอนว่านั่นรวมถึงความทรงจำเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่แตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันด้วย

    กลิ่นอายจากพื้นหญ้า ความเย็นของน้ำที่ไหลลงคอตอนเขาดื่ม ความดีใจที่ทำให้เขาอยากจะกระโดดโลดเต้นถ้าไม่ติดว่ามีพี่ผู้จัดการห้ามเอาไว้เสียก่อน หรือแม้แต่ความรู้สึกตอนที่เขาสบตากับพี่ชายคนนั้น

    เหรินจวิ้นชอบ ชอบไปหมดทุกอย่างเลยล่ะ

    -❊-

    ถึงแม้ว่าพระอาทิตย์จะตกดินไปแล้วแต่กิจกรรมในวันนี้ยังไม่จบ และสำหรับกิจกรรมที่กำลังดำเนินอยู่นี้นั้น เหรินจวิ้นชอบมันมากทีเดียว

    การได้นั่งเฉย ๆ ไม่ต้องไปขยับตัวให้เหงื่อออกพร้อมกับลมกลางคืนของฤดูร้อนที่พัดมาโดนผิวกาย คลอเคล้าไปกับเสียงพูดคุยและเสียงเพลง ทุกอย่างสร้างบรรยากาศให้ค่ำคืนฤดูร้อนในพยองชางครึกครื้นแต่ไม่วุ่นวาย

    แต่เมื่อพูดถึงการนั่งเฉย ๆ แล้ว แน่นอนว่าถึงจะเป็นสมาชิกวงเดียวกันแต่ก็ไม่สามารถจะมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกันได้ทุกคน จำนวนสมาชิกที่มีมากกว่าปริมาณเก้าอี้ทำให้ต้องมีการถัวเฉลี่ยแยกโต๊ะกันไป

    เหรินจวิ้นเองนั้นสนิทและนั่งได้กับทุกคน ในตอนแรกเขาจะไปนั่งกับน้องชายคนโปรดอย่างจีซองและเฉินเล่อ แต่เมื่อเห็นไม่มีเก้าอี้เขาก็ไม่พยายามเข้าไปแทรกให้โต๊ะอึดอัดในเมื่อยังมีที่ว่างให้เลือกอีกมากมาย

    เก้าอี้จำนวนหนึ่งของโต๊ะถัดมายังว่าง เหรินจวิ้นหันไปเห็นสมาชิกร่วมยูนิตหนึ่งเดียวที่อายุมากกว่าเขากำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่จึงเลือกจะเดินไปนั่งข้าง ๆ

    มาร์คฮยอง นั่งด้วยนะ”

    อ้าวเหรินจวิ้นอา นั่งสิ ๆ”

    ปีกหมวกสีดำที่เคยปิดบังใบหน้า เมื่อได้เปลี่ยนมุมจากการเงยหน้าแล้วก็เผยให้เห็นหน้าตาของพี่ชายผู้เป็นเจ้าของดวงตาใสแจ๋ว มันเป็นดวงตาที่เหรินจวิ้นชอบนักหนา เขาคอยบอกกับเจ้าของดวงตานี้อยู่บ่อย ๆ ว่ามันน่ารัก แต่อีกฝ่ายนั้นกลับไม่ค่อยจะชอบตอบอะไรกลับมา

    แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เหรินจวิ้นก็ยังตั้งใจว่าจะบอกมาร์คไปเรื่อย ๆ

    เพราะยิ่งนานวันไปเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าความเอ็นดูที่ตัวเองมีต่อมาร์คนั้นไม่ใช่แค่เพราะหน้าตา แต่ยังมีรอยยิ้มและนิสัย ความอบอุ่นใจที่มาร์คมอบให้แก่เขาผู้มาจากต่างแดน ทุกอย่างที่ว่าทำให้เหรินจวิ้นสัมผัสได้ถึงความน่ารักของ ‘ฮยอง’คนโปรดที่มีมาจากภายใน

    มันน่ารัก และเขารักมันทั้งหมดเลย

    -❊-

    กิจกรรมบนเวทีนั้นแน่นอนว่าน่าสนใจ

    แต่สำหรับเหรินจวิ้นแล้ว คนข้าง ๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

    แสงไฟและสปอตไลท์บนเวทีส่องแสงมากระทบกับดวงตากลมโตที่คนเขาบอกกันว่าเหมือนกับลูกสิงโตมันทำให้ดวงตาของมาร์คลียิ่งดูเป็นประกายมากขึ้น ดวงดาวมากมายในดวงตาของคนข้าง ๆ นั้นน่าดูยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าฤดูร้อนเมืองพยองชางเสียอีก

    จ้องหน้าพี่อยู่ได้ ไม่คิดจะลองฟังพวกผู้บริหารเขาพูดกันบ้างเลยเหรอฮะ เหรินจวิ้น”

    เหรินจวิ้นสะดุ้ง ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอไปจ้องหน้าอีกฝ่ายนานขนาดไหนจนคนเป็นพี่ต้องออกปากเตือน เจ้าตัวจึงทำได้แค่ยิ้มเก้อก่อนจะแกล้งทำเป็นหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

    เพราะอากาศร้อน สิ่งที่บรรจุอยู่เต็มแก้วพลาสติกในมือเหรินจวิ้นนั้นจึงเป็นน้ำเปล่าเย็นใส เขายกมันขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ ความเย็นของของเหลวที่ไหลลงคอทำให้เหรินจวิ้นพอจะมีสติกับเขาขึ้นมาบ้าง

    อย่าดื่มเร็วนักล่ะ เดี๋ยวสำลัก” เป็นประโยคที่ลอยเข้ามาในหูท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังจากฤทธิ์ลำโพง

    เพราะมันใกล้มาก เหรินจวิ้นจึงได้ยินชัดเจน

    ใบหน้าขาว ๆ ที่เกือบซีดจากสีของชุดที่ใส่ในวันนี้ขึ้นสีระเรื่อหลังจบประโยค มาร์คแอบเหลือบมองแล้วก็ได้แต่อมยิ้มน้อย ๆ

    เหรินจวิ้นน่ะแสบ

    แต่ก็แล้วใครว่าเด็กแสบจะเขินไม่เป็นล่ะ

    เขารู้ความจริงข้อนี้ดี

    และมาร์คลีชอบ

    ชอบที่เห็นเหรินจวิ้นเขิน

    โดยเฉพาะความเขินที่เกิดจากเขาน่ะนะ

    -❊-

    คนเขินก็เหมือนกับเครื่องจักรที่ทำงานหนักเกินไป ต่างกันตรงที่ส่วนที่ทำงานหนักนั้นไม่ใช่เครื่องยนต์

    แต่เป็นหัวใจ

    เครื่องจักรทำงานหนักจนสุดท้ายก็ทำให้มันติด ๆ ขัด ๆ เหมือนกับเหรินจวิ้นในตอนนี้
    มือไม้ทั้งสองข้างดูเก้กังไม่รู้ว่าควรจะเอาไปวางไว้ตรงไหน ส่วนแก้วน้ำในมือก็ไม่ยอมวาง เอาแต่ยกขึ้นมาจิบแก้เขินอยู่อย่างนั้น

    ดื่มเยอะ ๆ เถอะ นายคงร้อนมาก หูเหอแดงไปหมด”

    มาร์คบอกไปแบบนั้น เพราะคนขี้แกล้งก็คือคนขี้แกล้ง ถ้าเหรินจวิ้นอ่านความคิดในหัวมาร์คลีออก เขาคงไม่ได้เป็นแค่เจ้าลูกสิงโตตัวน้อยในสายตาของเหรินจวิ้นอีกต่อไปแล้วล่ะ

    ขอโทษน้าเด็ก ๆ” เสียงที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้สายตาของทั้งคู่เปลี่ยนทิศทางไป

    จากเดิมที่มาร์คมองเหรินจวิ้น

    และจากเดิมที่เหรินจวิ้นเอาแต่ก้มมองก้อนน้ำแข็งในแก้วพลาสติกมาได้ซักพักหลังถูกพี่ชายร่วมยูนิตจับได้ว่าแอบมอง

    สตาฟที่มาพร้อมไม้พยุงกับผู้ช่วยอีกคนคงจะกำลังหาทางกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง เพราะการเคลื่อนไหวที่ไม่สะดวกและต้องใช้พื้นที่ทำให้เหรินจวิ้นและมาร์คเลือกจะเขยิบเก้าอี้มาด้านหลังเล็กน้อย

    มันทำให้เก้าอี้สองตัวที่แต่เดิมก็ชิดกันอยู่แล้วยิ่งชิดกันมากกว่าเดิมเข้าไปอีก

    ใกล้มากจนมือของทั้งคู่สัมผัสกัน

    และมาร์ครู้สึกได้ว่ามือของเหรินจวิ้นนั้นเย็นเพียงใด

    แม้อากาศภายนอกจะร้อนซักเท่าไหร่ แต่การนำมือไปสัมผัสกับของเย็นจัดนาน ๆ ก็ยังคงส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง

    เพราะความเย็นที่ว่าจากน้ำแข็งในแก้วพลาสติกที่ถือมานาน ทำให้เหรินจวิ้นต้องนำมือทั้งสองข้างมาถูกันไปมาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้มัน

    มันช่วยได้ในระดับหนึ่ง เหรินจวิ้นจึงสามารถวางมือลงที่หน้าตักและทำสมาธิให้จดจ่อกับการแสดงบนเวทีได้อีกครั้ง

    โดยไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีมือของใครใกล้เข้ามา

    มือที่มีขนาดใหญ่กว่ามากนั้นสามารถโอบกุมมือของอีกฝ่ายได้อย่างสบาย ๆ
    มันเป็นแค่การกุมแล้วลูบไปลูบมาเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ความเย็นในผิวสลายไปและแทนที่ด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของใครอีกคนที่แทรกซึมเข้ามา

    นี่คงจะเป็นสิ่งของอุณหภูมิสูงสิ่งเดียวที่เหรินจวิ้นชอบในวันที่อากาศร้อนแบบนี้

    ความอบอุ่นนั้นถูกส่งมอบให้ไม่นานก็ผละไป มือของเหรินจวิ้นกลับมามีเลือดฝาดตามปกติอีกครั้ง ไม่ใช่มือซีด ๆ กับสีแดงจากการโดนความเย็นกัดผิวอีกต่อไปแล้ว

    ก็ต้องยกความดีความชอบให้มาร์คลีเขาล่ะนะ

    หายเย็นแล้วหรือยัง”

    ฮะ”

    ปริมาณเสียงในอากาศนั้นมีมากเกินกว่าที่เสียงของมาร์คจะเดินทางเข้าสู่โสตประสาทของเหรินจวิ้นได้ เจ้าตัวจึงขยับใบหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้น

    พี่ถามว่า มือเราหายเย็นแล้วหรือยัง”

    มือของเหรินจวิ้นดีขึ้นมากแล้ว แต่มีใครเคยบอกมาร์คลีบ้างไหมว่าการเอาหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แล้วช้อนตาแป๋วมองแบบนั้นน่ะ ไม่ดีต่อใจคนมองเลยซักนิด

    เพราะมันทำให้ใจต้องทำงานหนักอีกแล้วไง

    หายเย็นแล้ว...ครับ” อยากจะรีบตอบให้จบจนเกือบลืมพูดคำว่า ครับ ในตอนท้าย เหรินจวิ้นเขินมากจนอยากจะแทรกแผ่นดินพยองชางไหลกลับโซลไปให้ได้เสียเลยในตอนนี้

    นี่นายเอาแก้วไปแนบแก้มตัวเองด้วยเหรอเหรินจวิ้น”

    ไม่ได้แนบ...ครับ”

    เหรอ แต่แก้มนายน่ะแดงยิ่งกว่าตอนที่มือนายโดนความเย็นกัดเมื่อกี้นี้อีกนะ”

    เหรินจวิ้นไม่รู้ว่าจะตอบประโยคแสดงความห่วงใยจากอีกคนยังไง แม้จะพอสัมผัสได้ถึงความ teasing ที่แทรกซึมอยู่ในรูปประโยคก็ตาม

    แล้วฮยองมีวิธีให้มันหายแดงมั้ยอ่ะ”

    อืม ไม่รู้สิ ก็คงต้องถามว่ามันแดงเพราะอะไร”

    “...”

    ถ้าเป็นเพราะว่านายร้อน พี่ก็จะเอาหมวกใบนี้ให้ใส่” มาร์คลีหมายถึงหมวกสีดำที่สวมอยู่บนหัวในตอนนี้

    หรือถ้านายหนาวจนแก้มมันขึ้นสี พี่ก็จะไปขอ Hot pack จากพี่ผู้จัดการให้”

    ยังไม่มีคำตอบจากเหรินจวิ้นเมื่อเจ้าตัวรู้ดีว่าหน้าที่ขึ้นสีในตอนนี้นั้น ไม่ได้มีสาเหตุจากปัจจัยใด ๆ ที่มาร์คลีพูดถึงไปเมื่อสักครู่

    หรือถ้านายหน้าแดงเพราะพี่ พี่ก็คงช่วยไม่ได้ เพราะขนาดนายแอบมองพี่บ่อยขนาดนี้แล้วนายก็ยังไม่ชินเลย”

    “...”

    แต่มั่นใจเถอะ นายไม่ได้หน้าแดงคนเดียวหรอก” มาร์คว่า พร้อมกับยกแก้วน้ำใบเดียวกันกับของ
    เหรินจวิ้นขึ้นมาดื่ม

    องศาใบหน้าที่ยกขึ้นจากการดื่มน้ำทำให้เหรินจวิ้นพอจะเห็นริ้วสีแดงบนแก้มของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก ความแดงที่ว่ามาจากไหน คงมีแต่เจ้าตัวที่รู้ดี

    แต่ถึงมาร์คลีจะไม่บอก เหรินจวิ้นก็พอจะเดาได้ ความคิดที่ว่านั้นทำให้มุมปากของเขายกขึ้นจนแทบจะถึงรูหู ใครมองมาก็คงนึกว่าทั้งคู่กำลังสนุกสนานเพลิดเพลินกับการแสดงบนเวที

    มีแต่มาร์คและเหรินจวิ้นเท่านั้นแหละที่รู้ รู้ว่าความอบอุ่นใจในฤดูร้อนนี้ได้มาจากใคร

    ค่ำคืนฤดูร้อนในพยองชางยังคงครึกครื้นพร้อมกับต้นกล้าความสัมพันธ์เล็ก ๆ ที่งอกเงยด้วยน้ำเย็นจากแก้วพลาสติกสีขาวขุ่นใบนี้

    -❊-

    #sfชอบเขามาก

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in