Peaceful yet painful 🥀
หนังรักใจพังแห่งปี
ปกติเป็นคนไม่ค่อยดูหนังรัก แต่ช่วงนี้ใจคงไม่ค่อยปกติ อาจเพราะเพิ่งพบกับความรักที่เพิ่งแตกสลายลงไป พอไปอ่านรีวิวแล้วอยากไปขยี้แผลให้เจ็บจนพอใจ แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตให้ได้ เหมือนกับตอนก่อนที่เราจะพบกัน
หนังเล่าถึงความสัมพันธ์ในวัยเยาว์ของนายอง (เกรต้า ลี) และจองแฮซอง (ยูแทโอ) ในวัย 12 ปี ทั้งคู่เหมือนจะเป็นรักแรกของกันและกัน จนวันหนึ่งนายองต้องจากเกาหลีตามครอบครัวไปตั้งรกรากอยู่แคนาดา วันเวลาล่วงไปอีก 12 ปีให้หลัง นายองตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นนอร่าได้กลับมาเจอกับแทซองผ่านทางออนไลน์ ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ดำเนินต่อโดยที่ไม่มีใครพร้อมจะเดินทางมาพบกัน ก่อนที่จะมีช่วงเวลาให้ห่างกันอีกครั้ง อีก 12 ปี แล้ววันหนึ่งแฮซองก็บินมาเจอนอร่าที่นิวยอร์ก ซึ่งตอนนั้นนอร่าแต่งงานกับอาเธอร์ (จอห์น มากาโร) หนุ่มอเมริกันเชื้อสายยิวผู้ซึ่งเป็นนักเขียนเช่นเดียวกันกับเธอไปแล้ว แต่การพบกันของทั้งคู่ก็อบอวลไปด้วยความผูกพันและถวิลหา เหมือนนอร่าได้กลับไปนึกถึงเด็กหญิงนายองในวัย 12 ที่มีเด็กชายแฮซองอยู่ข้าง ๆ ความคิดถึงและโหยหาถูกซ่อนเอาไว้ในซอกหลืบของหัวใจ กดทับด้วยบางสิ่งและเป็นที่ ๆ ไม่มีใครเอื้อมมือไปแตะต้อง
เจอทรงนี้เข้าไป ยังไงก็ใจพัง รักที่ถูกใจแต่ไม่ถูกต้องเนี่ย แต่ Past lives ไม่ใช่หนังรักสามเศร้า ไม่ได้มีตัวร้ายเหมือนกับในละคร แต่เป็นหนังที่บาดลึกลงไปในจิตใจที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนของมนุษย์กับการเปลี่ยนผ่านของกาลเวลา วัฒนธรรม สภาพแวดล้อมและบริบทของสังคม เคี่ยวกรำความรู้สึกของคนดูผ่านบทสนทนาไปเรื่อย ๆ แล้วสุดท้ายก็จบลงไปแบบนั้น ทิ้งบาดแผลไว้ ให้เวลาคอยเยียวยาเอง
เส้นเรื่องไม่ได้มีอะไรเยอะเลย หนังเล่าอย่างค่อย ๆ เป็นค่อยไป ราบเรียบไม่หวือหวา ไหลไปเรื่อย ๆ แต่รู้สึกหน่วงอยู่ในใจอย่างเงียบเชียบ เหมือนกับสะสมความคิดถึงและโหยหามาทั้งเรื่องเพื่อมาพรั่งพรูเอาในตอนจบ นี่สะอึกสะอื้นแบบไม่ไหว ร้าวรานและแตกสลายอย่างช่วยไม่ได้เลยจริง ๆ หันไปมองหน้าเพื่อนที่ไปดูด้วยกัน แล้วเราทั้งคู่ก็ปล่อยให้น้ำตานองหน้าเงียบ ๆ อยู่แบบนั้นโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร
ระหว่างที่ดูหนังยังมีภาพใครบางคนซ้อนทับและปรากฎอยู่ในบางช่วงบางตอน ราวกับถูกซ่อนไว้ตรงไหนสักที่ในหัวใจ เหมือนกับที่ใครเคยบอก เรามักซ่อนคนบางคนเอาไว้ในเพลงที่เราฟังและหนังที่เราดูอยู่เสมอ ตอนนี้ก็ยังคิดถึงช่วงเวลาและบทสนทนาที่มีร่วมกัน แต่สุดท้ายต่างคนก็ต่างต้องหันหลัง กลับไปเดินบนทางของตัวเอง เหมือนกับเส้นขนานที่คงไม่มีทางได้บรรจบ
โลเกชันสวย ภาพสวย มุมกล้องสวย แบคกราวนด์เป็นกรุงโซลและนิวยอร์ก เราคงไม่ได้เห็นนิวยอร์กที่งดงามแต่แสนเหงาแบบนี้กันบ่อย ๆ แต่ก็สมราคาให้นางเอกต้องไปตามหาความฝัน ดูแล้วก็ยิ่งคิดถึงใครบางคนที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวใจ สำหรับใจคนแล้วคงคาดเดาไม่ได้ และไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริง ๆ คนที่ลืมไม่ได้ก็ต้องเป็นฝ่ายเจ็บมากกว่าอยู่ดี
นักแสดงเล่นได้ละเอียดดี งานสายตา ภาษากาย ภายใต้ท่าทีนิ่งงัน บทสนทนาทางสายตา แม้จะไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด ๆ ออกมา แต่แสนจะอิมแพคและทรงพลัง ตัวละครต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่อยู่ในใจกันหนักหน่วง หนังทำได้โรแมนติกลึกซึ้ง งดงามและสมเหตุผล ไม่มีล่วงล้ำก้ำเกินโดยชูความรักให้อยู่เหนือทุกสิ่ง แต่กดให้อยู่ภายใต้ความถูกต้อง ความรักไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าความฝัน แต่เป็นไปตามวิถีชีวิตที่เคยเป็นมาและกำลังดำเนินไป
จริง ๆ นะ ชาติหน้าก็ยังไม่รู้ว่าจะได้รักกันไหม เอาแค่ชาตินี้ยังไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงเลย อยากให้อยู่ในชีวิตแทบตาย สุดท้ายก็ไม่ได้นานเท่าที่ใจอยากจะให้อยู่
ยังไงก็เถอะ มีใครบางคนเคยบอกไว้ว่า
ถึงแม้จะเป็นรักที่ไม่สมหวัง
แต่ความรักก็ยังถูกเรียกว่าความรักอยู่นั่นเอง
จบ 🙂
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in