เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Inconceivable | รักอนันต์พันธสัญญาdolpat4real
NerOrm : [ Chapter I ] Inconceivable
  • Title: Inconceivable | รักอนันต์พันธสัญญา

    Author:  anitana_ & sean.

    Pairing: King Nereus x (Prince) Orm Marius | #NerOrm

    Fandom: Aquaman (2018)


    ติชม คอมเมนท์และเป็นกำลังใจได้ที่ #พันธสัญญารัก







     




     

    ออร์ม เมเรียส - เจ้าชายแห่งแอตแลนติสที่ถูกเลี้ยงดูประคบประหงมเป็นอย่างดี จากเจ้าชายน้อยในวันนั้น เติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มรูปงามในวันนี้ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปสำหรับออร์มเลยก็คือ.. เขายังชอบไปยังสถานที่นัดพบใกล้ผิวน้ำ

     

     

    “เจ้าชายออร์ม..”

     

    เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียกเจ้าชายหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่เบื้องหน้า มือขวายื่นสัมผัสกับลำแขนท่อนล่าง เสียงเกราะเหล็กกระทบกัน - องค์กษัตริย์เนเรียสยกยิ้มบนมุมปากเล็กน้อย ผมสีแดงเพลิงปลิวไสวเมื่ออยู่ใต้น้ำ

     

    “ไม่ได้เจอกันเสียนานเป็นอย่างไรบ้าง”

     

     

    “กษัตริย์เนเรียส..” เจ้าชายออร์มยิ้มค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพด้วยศักดิ์และวัยที่เยาว์กว่ามากโข “ข้าสบายดี ที่มาวันนี้ก็อยากมาพักผ่อนเสียหน่อย”

     

    เขาเลือกสถานที่ตรงนี้ก็เพราะเมื่อเยาว์วัยเคยใช้เวลากับ ‘ท่านลุงเนเรียส’ ที่ใจดีพาเขาตระเวนไปตรงนั้นทีตรงนี้ทีจนแทบทั้งอาณาจักร

     

     

    เซเบลยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ.. ออร์ม” องค์กษัตริย์เนเรียสละมือออกจากลำแขนแกร่ง ก่อนจะวางมือโอบรอบบ่าของเจ้าชายหนุ่ม ตวัดน้ำด้วยปลายเท้าเพียงเล็กน้อยเพื่อเคลื่อนที่

     

    เนเรียสอาสาเป็นผู้นำทางด้วยตัวเอง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมาที่เมืองของเขาบ่อยราวกับเป็นบ้านหลังที่สอง

     

    เดี๋ยวข้าจะบอกเหล่าทหารไปจัดเตรียมห้องสำหรับพระราชอาคันตุกะให้” กษัตริย์ร่างสูงหยุดนิ่งเพื่อหันไปสนทนากับเจ้าชายหนุ่มข้างกาย “ห้องเดิม ติดกับห้องข้า”

     

     

    ออร์มยิ้มรับหันมาประจันหน้าด้วยดวงตาสีฟ้าที่ทอประกาย

     

    “ขอบพระทัย.. ฝ่าบาท” ออร์มกล่าวและยิ้มอย่างเป็นสุข เขาออกมาจากแอตแลนติสโดยมีเพียงทหารรักษาพระองค์ที่ติดตามมาเพียงแค่สองนายเท่านั้น เพราะไม่อยากจะทำอะไรให้เอิกเกริกวุ่นวาย.. แค่อยากมาพักผ่อนหลังจากตรากตรำช่วยงานพระบิดามาเสียนาน

     

     

    เพื่อเจ้าข้ายินดีเสมอ” อุ้งฝ่ามือหนาวางลงบนต้นคอของเจ้าชายหนุ่ม ออกแรงบีบเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มตอบกลับเช่นเดียวกัน

     

    เคลื่อนตัวไปข้างหน้า ตวัดมวลน้ำด้วยฝ่ามืออีกข้าง “คงอีกสักพักใหญ่ๆกว่าที่โรงครัวจะจัดเตรียมมื้อค่ำ.. ระหว่างนี้เจ้าอยากทำอะไรดีล่ะ”

     

     

    ออร์มรู้สึกเหมือนใจของตนจะเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ยามได้ยินเนเรียสกล่าวกับตนเช่นนั้น

     

    ข้าอยากไปสวนท้ายพระราชวังของท่าน อยากรู้ว่าตอนนี้จะยังงามเช่นเดิมหรือไม่” เขากล่าวตอบหันไปสบตากับองค์กษัตริย์ตรงๆ – สวนท้ายพระราชวังแห่งเซเบลงดงามจนออร์มติดใจ เขาชอบขอท่านพ่อมาเล่นบ่อยๆในยามเด็ก

     

     

    เมื่อได้สบกับดวงตาคู่งามตรงหน้า ก็ทำเอากษัตริย์เนเรียสนั้นแทบลืมคำพูดที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ไปเกือบหมดสิ้น - นัยน์ตาสีฟ้าซีดของเขาดูเลิ่กลั่กเล็กน้อย ก่อนจะแกล้งเสสายตาไปทางอื่น

     

    ได้สิ..แน่นอนอยู่แล้ว”

     

    ข้ารักษามันไว้อย่างดีเพื่อรอวันที่เจ้ากลับมาเยี่ยมชมมันอีกครั้ง

     

    ถ้าเจ้าได้ไปเดินชมสักรอบสองรอบก็คงจะดีอยู่เหมือนกัน

     

    สวนนั่นสวยงามเช่นเดิม ดั่งวันแรกที่เจ้าเคยได้มาวิ่งเล่นยามเป็นเจ้าชายน้อย ตัวเท่านี้..” เนเรียสวางฝ่ามือของตัวเองเหนือหัวเข่าขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับหัวเราะ

     

     

    แต่ครานี้ข้าตัวเท่านี้แล้ว..” ออร์มว่า - เผลอขยับตัวไปใกล้ด้วยความเคยชิน ก่อนจะยกระดับมือขึ้นมาแล้วหยุดอยู่บริเวณกกหูของเนเรียส

     

    จากสูงเท่าระดับเข่า กลับมาในยามนี้.. ทำให้ออร์มตระหนักได้อย่างดีเหลือเกินว่าคงไม่อาจปีนป่ายหรือโผเข้ากอดตัวของท่านลุงได้อย่างเช่นกาลก่อน..

     

    หากแอตแลนติสมีเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างการหยุดเวลาเอาไว้ได้ก็คงจะดีไม่น้อย..

     

     

    “แต่ในสายตาข้า อย่างไรเจ้าก็ยังเป็นเด็กน้อยตัวเท่าเข่าอยู่ดี” ฝ่ามือหนาขยับวางบนเรือนผมสีทอง ก่อนจะคล้องแขนรอบลำคอและดึงเข้าหาแผ่นอกแกร่งของตน มืออีกข้างที่ว่างยกยีผมของเจ้าชายอย่างเอ็นดู

     

    ถึงแม้จะดูรุนแรงไปหน่อย แต่เนเรียสเองก็หยอกล้อด้วยความรักใคร่เอ็นดูเหมือนทุกครั้ง

     

     

    “ไปกัน..” สุดท้ายเนเรียสก็ยอมปล่อยออร์มให้เป็นอิสระ แต่มือหนายังคงจับอยู่บนบ่ากว้างของออร์ม ที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด

     





     




    ทั้งคู่มุ่งหน้าสู่สวนท้ายพระราชวัง สถานที่ที่เป็นดั่งภาพแห่งความทรงจำแสนดีในวัยเยาว์ของเจ้าชายหนุ่ม

     

    องค์กษัตริย์พาเจ้าชายแห่งแอตแลนติสแหวกว่ายผ่านสายน้ำไปยังสวนสวย..

     

    โขดหินงดงามประการังสีสวย ต้นไม้ที่ขึ้นได้ในทะเล เหล่าปลาเล็กปลาน้อยหลากสีแหวกว่ายผ่าน และเมื่อเห็นหินใหญ่ก้อนเดิมที่แสนคุ้นตา ออร์มจึงรีบว่ายน้ำเคลื่อนตัวเข้าไปหา ก่อนจะนั่งลงบนหินก้อนนั้น 


    มือเรียววางลงเหนือตักเพื่อสัมผัสกับปลาแสนสวย - ปลาตัวหนึ่งว่ายมาชนแก้มของเขาพอดี เจ้าชายเผลอหัวเราะคิกออกมา..

     

     

    ภาพตรงหน้าเหมือนสะกดให้องค์กษัตริย์เนเรียสหลุดหายเข้าไปในภวังค์ ภาพซ้อนทับกับเจ้าชายตัวน้อยที่บัดนี้โตเป็นหนุ่มรูปงาม

     

    ..แต่ที่ยังเหมือนเดิมมิเคยเปลี่ยนแปลงไปคือรอยยิ้มไร้เดียงบนใบหน้านั้น ..

     

    เนเรียสว่ายน้ำเข้าไปใกล้และหย่อนตัวลงนั่งข้างๆกับออร์ม - แสงสว่างของดวงตะวันราวกับสายฟ้าเส้นเล็กกำลังส่องผ่านมวลน้ำ

     

    ฝ่ามือนั้นไล้ไปตามเส้นแสงที่ส่องผ่าน “คืนนี้อย่าเพิ่งรีบนอนนะ..”

     

    กษัตริย์แห่งเซเบลเอ่ยขึ้นขัด, เจ้าชายหนุ่มที่กำลังหยอกล้อกับปลาตัวน้อยหันมอง

     

    “..บนท้องฟ้าเหนือน้ำมีพระจันทร์เต็มดวง - ข้าจะพาเจ้าขึ้นไปดู หากต้องการ”

     

     

    เจ้าชายหนุ่มหันมองกษัตริย์ข้างกาย ปล่อยปลาตัวน้อยที่เพิ่งมาแตะแก้มเขา.. ให้ว่ายไปแตะแก้มของกษัตริย์เซเบลบ้าง ก่อนรอยยิ้มขององค์รัชทายาทแห่งแอตแลนติสจะถูกเผยออกมา

     

    “ข้าอยากเห็น.. ได้ยินมาว่าสวยนักหนา ไม่นึกว่าโลกเบื้องบนจะมีอะไรดีๆเช่นนั้นด้วย” แม้ออร์มจะเกลียดโลกบนบกสักเพียงใด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่ามันมีสิ่งต่างๆที่น่าอัศจรรย์ใจอยู่ไม่น้อย

     

    อย่างน้อยก็ดวงดาวพร่างพราวเต็มฟ้า กับพระจันทร์สุกเหลืองอร่ามที่โลกใต้น้ำไม่มีทางได้เห็น.. ได้ชมมันกับเนเรียสก็คงดีไม่น้อย..

     

     

              อาณาจักรเซเบลอยู่ใกล้ผิวน้ำก็จริง แต่ก็นับครั้งได้ที่เนเรียสจะยอมขึ้นเหนือน้ำ และส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะพระราชกรณียกิจเสียมากกว่า ยกเว้นตอนนี้ ..

     

    “ข้าเองก็ได้ยินแค่เสียงร่ำลือ ไม่เคยได้เห็นว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เขาเล่าขานมันจะงดงามสักเพียงใด”

     

    .. ตอนที่ข้าเก็บโอกาสนั้นไว้ใช้กับผู้ที่ข้าอยากจะให้เป็นคนแรกสำหรับทุกสิ่ง

     

    ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะเริ่มเอ่ยต่อ “ถ้าได้เห็นชัดๆสักครั้งก็คงจะดี ที่ผ่านมาข้าไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดมองเสียด้วยซ้ำ..”

     

    อย่างมากก็คงเป็นโลกใต้น้ำที่เขามองเห็นเพียงแค่แสงสลัว และใช้พร่ำพรรณนาถึงคนที่อยู่ข้างกายในตอนนี้

     

     

    เจ้าชายออร์มหันมามององค์กษัตริย์ข้างกาย.. การเป็นกษัตริย์คงเหนื่อยมาก ส่วนตัวของเขาเอง ท่านพ่อก็เริ่มเปรยถึงเรื่องที่เขาต้องนั่งบังลังก์ต่อจากพระองค์แล้ว..

     

    เวลานี้ท่านก็ได้หยุดมองแล้ว..” ส่งยิ้มให้กำลังใจ - เนเรียสเป็นกำลังใจให้ออร์มเสมอมา และในยามนี้ออร์มก็อยากเป็นกำลังใจให้กับอีกฝ่ายบ้าง

     

    ช่วงเวลานั้นอาจน้อยนิด แต่ก็อาจทำให้ความทรงจำอยู่ยืนนาน” เขาเอ่ยเสริมหวังว่าการได้ไปชมพระจันทร์เต็มดวงด้วยกัน คงจะทำให้ความเหนื่อยล้าพัดพาออกไปจากองค์กษัตริย์แห่งเซเบลไม่มากก็น้อย

     

     

    ความจริงแล้วแค่นั่งอยู่ตรงนี้.. และมีเจ้าอยู่ข้างๆ.. ก็ดีกว่านั่งมองพระจันทร์เป็นไหนๆ” เพียงแค่คืนนี้เนเรียสตั้งใจจะพาให้ทั้งสองสิ่งที่เขาหวังมาอยู่ร่วมกันบนโลกเหนือน้ำ

     

    แค่นี้มันก็มากพอแล้วล่ะ” เหม่อมองกระแสน้ำที่พัดผ่าน รับรู้ได้ถึงรอยยิ้มและสายตาคู่นั้นที่อีกฝ่ายกำลังมอบให้ตน - รอยยิ้มเล็กปรากฏขึ้นบนใบหน้าบ้าง

     

    เนเรียสไม่ปิดบังใบหน้าของตัวเองในตอนนี้ เขาหันไปส่งยิ้มให้กับออร์ม - ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนหน้าตักของตัวเองอยู่สองสามที

     

     

    ถ้าเป็นเมื่อก่อน.. เจ้าคงงอแงปีนตัวข้าเป็นลิงเป็นค่าง ขอให้ข้าพาไปขี่มังกรทะเล.. แล้วดูสิทุกวันนี้โตเป็นหนุ่มรูปงามแถมยังนิ่งเสียจนข้ารู้สึกประหม่า..” เนเรียสกระแอมคอ แสร้งเปลี่ยนเรื่องแล้วหัวเราะเสียงเบา

     

     

     

    รอยยิ้มกว้างยิ่งปรากฏบนใบหน้าของคนอายุน้อยกว่า, นอกจากท่านแม่ที่จากไปตั้งแต่ยังเด็ก กษัตริย์เนเรียสเป็นเพียงผู้เดียวที่เจ้าชายออร์มจะสามารถเปิดใจและมอบความรู้สึกให้ได้มากมายขนาดนี้ เพราะเขานั้น.. ไว้ใจ

     

    กาลเวลาเปลี่ยนแต่หากใจข้ามิเคยเปลี่ยน.. ข้ามิอาจทำเช่นนั้นได้เหมือนแต่ก่อนเพราะความเหมาะสม แต่หากท่านก็ยังคงเป็นท่านลุงเนเรียส.. ผู้ใจดี คนเดิมของข้า..”

     

    ดวงตาสีฟ้าสบกับคนตรงหน้า.. ก่อนตัดสินใจขยับเข้าใกล้.. ค่อยๆวางใบหน้าของตนลงไปบนลาดไหล่กว้าง

     

     

    อิงแนบแก้มเข้ากับศีรษะของเจ้าชายหนุ่ม พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า เนเรียสมิได้เอ่ยอะไรต่อจากนั้น - เขาเพียงแค่นั่งเงียบ ปล่อยให้กระแสน้ำนั้นพัดผ่าน ปล่อยให้หมู่ปลาโฉบฉิว

     

    นาทีหนึ่งเขายกปลายนิ้วเพื่อหยอกล้อกับเจ้าปลาตัวน้อย และอีกหนึ่งนาทีต่อมาเขาก็แตะสัมผัสจากริมฝีปากอันแสนเบาบางลงบนเรือนผมของเจ้าชายออร์ม พร้อมกับโอบแขนรอบหัวไหล่ กระชับฝ่ามือเข้าหาตนเอง

     

    ข้าใจดีแค่กับเจ้าเท่านั้น ออร์ม” รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าเช่นเคย ต่างกันเพียงแค่ตอนนี้เขาทั้งคู่กำลังสบตากันอยู่

     

     

    ดวงตาสีฟ้าขององค์รัชทายาทแห่งแอตแลนติสนั้นทอประกายงดงาม ภาพที่ฉายชัดในดวงตาสวยบ่งบอกให้เห็นเพียงแต่องค์กษัตริย์เนเรียสก็เท่านั้น

     

    หากเขาได้ขึ้นครองราชย์.. กษัตริย์ออร์แวกซ์หาใช่ต้นแบบของออร์มไม่ หากแต่เป็นองค์กษัตริย์เนเรียสแห่งเซเบลผู้นี้ต่างหากเล่า ที่จะเป็นต้นแบบทุกประการให้กับเจ้าชายออร์ม

     

    "ทำอีกได้หรือไม่" พอเห็นแววตาแห่งความสงสัย ออร์มจึงได้เฉลย "ริมฝีปากของท่าน.. บนตัวของข้า"

     

     

    เนเรียสไม่อาจห้ามสีหน้าแปลกใจของตัวเองออกมาได้ ในตอนแรกเขาคิดว่าเจ้าชายอาจจะไม่ชอบใจเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเขาก็หลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู .. องค์กษัตริย์หยุดยอมทำในสิ่งที่เจ้าชายหนุ่มเอ่ยขอให้กระทำเป็นครั้งที่สอง

     

    แรกเริ่มด้วยริมฝีปากที่กดน้ำหนักลงบนหลังมือนั้นซึ่งตนกำลังกอบกุมอยู่ใต้ฝ่ามือ ตามด้วยกระหม่อมของเจ้าชายหนุ่ม จุมพิตลงบนเปลือกตาคู่งาม ลงท้ายด้วยริมฝีปากที่กษัตริย์เนเรียสนั้นเฝ้ารอมานานแสนนาน

     

     

    รอยยิ้มบนมุมปากแสดงถึงความพึงพอใจ ทั้งคู่หลับตาลงเมื่อครั้งที่ริมฝีปากสัมผัสกัน ปล่อยให้ภาพตรงหน้ากลายเป็นภาพในจินตนาการที่เคยได้ฝันหาอยู่หลายปี

     

    เพียงแต่คราวนี้ .. เมื่อเขาลืมตาขึ้น ยังมีคนพิเศษที่อยู่ตรงหน้าเช่นเคย

     

     

     

    ออร์มหลับตา.. ใจเต้นแรงจนกลัวว่าเนเรียสจะได้ยินว่าเขาตื่นเต้นสักแค่ไหน แต่ใบหน้าของราชนิกูลหนุ่มยังคงความมั่นคง แม้หัวใจจะหวั่นไหวไปกับรสจูบนี้ตั้งแต่ยามที่เนเรียสแนบริมฝีปากลงมาในวินาทีแรกแล้ว..

     

    นับตั้งแต่ออร์มรู้จักว่าการจูบคืออะไร เขาเฝ้าฝันและเฝ้าหวังมาเสมอ ว่าอยากให้จูบแรกของตนนั้นเป็นของคนตรงหน้าผู้นี้ - ออร์มเฝ้าถนอมเนื้อตัว.. ไม่ให้ใครหรือผู้ใดมาแตะต้อง ก็เพื่อเนเรียสเพียงผู้เดียว

     

    หากถามว่าความรักคือสิ่งใด.. ออร์มคงตอบได้อย่างชัดเจนเลยว่า..

     

    ความรักของเขาคือเนเรียส..

     

     

     

    เนเรียสละริมฝีปากออก, ฝ่ามือที่ยังรั้งอยู่ท้ายศีรษะขยับเลื่อนมาประคองใบหน้างดงาม ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนวลที่ขึ้นสีระเรื่ออยู่กลายๆ

     

    เจ้ารู้ไหมว่าข้ารอเวลานี้มานานสักเพียงใด” ปลายจมูกโด่งเป็นสันขององค์กษัตริย์แตะสัมผัสกับปลายจมูกของเจ้าชายหนุ่ม พร้อมด้วยรอยยิ้มที่มิอาจห้ามหัวใจไว้ได้

     

    ข้าดีใจที่เจ้าไม่ปฏิเสธมัน..”

     

    และตัวเนเรียสเองก็ไม่เคยได้สัมผัสใครอื่นอีกเลย นับตั้งแต่พระมารดาของเมร่าได้จากไป

     

    ดวงใจของเขานั้นเปรียบดั่งเครื่องจักรที่เกลอะฝุ่น แต่กลับได้ความรักและความเอาใจใส่จากเจ้าชายตัวน้อยที่เข้ามาในชีวิตของเขาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน.. และนั่นก็ทำให้เนเรียสหลงรักออร์มไปโดยไม่รู้ตัว

     

     

    ออร์มก้มหน้าเขินอาย หากแต่ดวงใจแสนฟูฟ่อง.. เขารู้แค่ตอนนี้เขามีความสุขเหลือเกินยามได้อยู่และได้รับรู้ความรู้สึกที่เนเรียสมีต่อเขา – เจ้าชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าความรู้สึกเช่นนี้ของตนนั้น จะสามารถเกิดขึ้นกับใครได้อีกนอกจากคนตรงหน้า..

     

    จะปฏิเสธได้เช่นไร.. ในเมื่อดวงใจของข้าเฝ้าฝันถึงมันอยู่เสมอ” ออร์มเงยหน้าขึ้นยิ้ม .. ก่อนจะตัดสินใจจูบปลายคางขององค์กษัตริย์อย่างแผ่วเบา

     

    ข้ารับรู้ถึงความรู้สึกที่มีต่อท่านตั้งแต่ที่ข้ารู้.. ว่าสิ่งที่คนเราเรียกกันว่าความรัก มันคืออะไร..”

     

     

    ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าโตเป็นหนุ่มอย่างที่พูดไว้จริงๆ..” กษัตริย์มองเจ้าชายตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม, นิ้วโป้งสัมผัสบนริมฝีปากล่างของออร์ม หวนนึกถึงรสจูบเมื่อครู่ที่ยังคงติดตรึงอยู่ ..

     

    ริมฝีปากของออร์มรสชาติเหมือนขนมหวาน แม้จะเพิ่งได้ลิ้มลองเพียงแค่ครั้งเดียว แต่เนเรียสก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขานั้นเสพติดขนมหวานชิ้นตรงหน้าไปเสียแล้ว

     

    ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอลิ้มรสเจ้าอีกสักครั้ง..” เนเรียสประทับริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากสีระเรื่อ นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ซึมซับความรู้สึกวาบหวิวเกิดขึ้นในหัวใจ ตั้งคำถามกับตัวเองว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้..

     

    กษัตริย์เซเบลกุมมือของเจ้าชายหนุ่มจากแอตแลนติสเอาไว้ - วางฝ่ามือที่เล็กกว่าแนบอกเยื้องซ้ายของตน สบตากับนัยน์ตาสีฟ้าคู่งามตรงหน้าด้วยความจริงใจ

     

    มันเป็นของเจ้า.. หัวใจของข้า.. มันเป็นของเจ้าเสมอมา” มือหนากอบกุมฝ่ามือที่สัมผัสอยู่บนอกของตนขึ้นมาจุมพิตซ้ำๆ “ข้าเฝ้ารอเวลานี้มานานแสนนาน.. วันที่ฝันของข้าได้เป็นจริงเสียที”

     

    ด้วยความสัตย์จริง .. เสียงของหัวใจที่ตรงกันคงเป็นคำตอบให้รู้ไม่มากก็น้อย

     

     

    ออร์มไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าวันนี้จะมาถึง จากที่เคยเป็นผู้คิดถึงมันอยู่เพียงฝ่ายเดียว ในยามนี้เขาเองก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เนเรียสนั้นมีให้กับตนบ้างแล้ว.. ออร์มดีใจยิ่งนักที่ได้ยินเช่นนี้ เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นไปบนฟ้าเสียอย่างไรอย่างนั้น..

     

    หาใช่เพียงท่านที่เฝ้ารอมันอยู่เพียงผู้เดียวไม่” คนตัวเล็กกว่าเอ่ย มือของเจ้าชายแนบอยู่กับอกซ้ายขององค์กษัตริย์อยู่เช่นนั้น

     

    ข้าเฝ้าฝัน.. ว่าเมื่อใดวันที่ข้าเฝ้ารอจะเป็นจริงเสียที วันที่หัวใจของของข้าถูกตอบรับจากท่าน” น้ำทะเลพัดพาน้ำตาออกไปก็จริง แต่ออร์มรู้สึก.. ได้ถึงความร้อนรอบดวงตาของตน

     

    เขาไม่สน.. ว่าความรักของเขามันจะเป็นสิ่งต้องห้าม..

    แต่เขาสน.. สนแค่เพียงกษัตริย์เนเรียสคือคนที่หัวใจของเขาเลือกแล้ว.. และเลือกที่จะรัก..

     

     

    “..ยามเมื่อเส้นขนานได้มาบรรจบ เราสองคนได้พานพบ สิ่งอื่นใดนั้นก็ไม่จำเป็นต่อข้าอีกต่อไปแล้ว” ปลายนิ้วโป้งสัมผัสใต้ขอบตาของเจ้าชายหนุ่ม กดจูบลงบนแผ่นเปลือกตาอย่างอ่อนโยน หวังปลอบประโลมหัวใจของคนตรงหน้า

     

    อาทิตย์อัสดง ณ เส้นของขอบฟ้า..” แสงตะวันเลือนลาลับหายไป แต่ถึงอย่างนั้นภาพของหนุ่มรูปงามยังคงเด่นชัด

     

    “..ใกล้ถึงเวลาของเราแล้วล่ะ” เนเรียสยกยิ้ม ลุกขึ้นและกุมมือของเจ้าชายหนุ่มไว้แนบกาย “เราจะขึ้นบกกัน.. มื้อค่ำบนนั้นพร้อมกับเจ้าคงจะดีมิใช่น้อย”

     

     

    ใบหน้างามพยักรับ เพียงแค่คิดถึงแสงจันทร์.. กับเราสองคน ออร์มก็รู้สึกชุ่มชื้นไปทั้งหัวใจแล้ว

     

    มือขององค์กษัตริย์กุมกระชับมือที่เล็กกว่าของเจ้าชายเอาไว้ ก่อนที่เขาทั้งคู่จะทะยานขึ้นไปยังผิวน้ำด้านบน - อากาศบนผิวน้ำแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย องค์ชายผู้ไม่คุ้นชินจึงกระแอมไอเบาๆ จนองค์กษัตริย์ข้างกายหันมองด้วยความห่วงใย .. ออร์มหันไปยิ้มให้

     

    “ข้าไม่เป็นไร แค่เพียงปรับตัวกับอากาศก็เท่านั้น” ว่าแล้วออร์มจึงหันไปมองสิ่งรอบกาย.. มหาสมุทรตัดกับผืนฟ้าสีส้มที่ดวงอาทิตย์กำลังตกขอบฟ้าช่างงดงามยิ่งนัก

     

     

    “ถ้าเจ้าไม่ไหวให้บอกข้านะ ออร์ม..” เนเรียสใช้หลังมือของตัวเองเกลี่ยแก้มเนียนของออร์มอย่างแผ่วเบา แม้หยดน้ำแต่งแต้มบนผิวกายก็ไม่ได้ช่วยลดความงดงามของคนตรงหน้าให้น้อยลงเลย

     

    “หลังจากนี้เราอาจได้อยู่ใกล้ผิวน้ำ และที่มากกว่านั้นคงเป็นการใช้เวลาอยู่เหนือผิวน้ำสักพักระหว่างค่ำคืนนี้” เขากุมมือของออร์มอีกครั้งด้วยแรงที่กระชับแน่นกว่าเดิม

     

    “เจ้าพร้อมไหม” ปลายเท้าตวัดใต้น้ำเตรียมพร้อมที่จะพุ่งทะยานขึ้นสู่ฝั่งทะเล

     

     

    “ข้าพร้อมเสมอ..” ออร์มยิ้มกว้าง.. ก่อนจะทะยานขึ้นชายฝั่งไปพร้อมๆกัน มือใหญ่ที่กุมกระชับพาลให้ออร์มรู้สึกอบอุ่นทั่วทั้งหัวใจ

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in