เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryChayanin Chun
วิจารณ์ดนตรี: Prep Live in Bangkok 2022
  • บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาสังคีตนิยม Music Appreciation รหัสวิชา 2737110

    วันที่ 12 พฤศจิกายน 2565

    ฉันเป็นบุคคลหนึ่งที่ชื่นชอบในการฟังเพลง เวลาว่างของฉันมักจะหมดไปกับการค้นหาเพลงใหม่ ๆ หลากหลายแนวทาง และฉันก็ได้มารู้จักกับวง Prep เมื่อสองปีก่อน แนวเพลง เสียงร้อง และท่วงทำนองนั้นยังคงประทับใจฉันอยู่เสมอมา ก่อนอื่น ต้องขออนุญาตแนะนำวง Prep ให้รู้จักกันก่อน... Prep เป็นวงดนตรีอินดี้ Soul Pop จากเมืองอังกฤษ เนื่องด้วยเนื้อหาที่แปลกใหม่ น้ำเสียงของทอมนักร้องนำที่สามารถร้องเสียงสูงได้ถึง auto (ซึ่งแท้จริงเป็นเป็น Range ต่ำของผู้หญิง) ดนตรีมีความเป็น Pop culture สดใหม่ และสากล และยังมี Synth เป็นเครื่องดนตรีที่เราสังเกตว่าวง Prep มักใช้เป็น Theme หลักจลอด ชวนให้สนุกและโยกหัวไปกับจังหวะ ทำให้ Prep กลายเป็นที่นิยมและครองใจวัยรุ่นหลายคน รวมถึงตัวฉันเองด้วยคนหนึ่ง

    เป็นเวลานานแล้วที่ฉันไม่ได้มีโอกาสไปเข้าร่วมการแสดงคอนเสิร์ตแบบ Live ดังนั้น ครั้งนี้ฉันจึงตื่นเต้นมากที่จะได้รับชมการแสดงที่ฉันรอคอยมาตลอด 2 ปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้คอนเสิร์ตต้องถูกเลื่อนออกไป

    บัตรชมคอนเสิร์ตราคา 1,800 บาท ผังของคอนเสิร์ตมี 2 โซน แบ่งเป็นโซนหน้าและหลัง โดยทั้งสองโซนเป็นการรับชมแบบยืน การแสดงถูกจัดขึ้นที่ Union Mall ลาดพร้าว โดยฉันได้เดินทางไปยังสถานที่จัดแสดงโดยรถยนตร์ส่วนตัวโดยจอดที่ชั้นจอดรถของห้างสรรพสินค้า Union Mall ได้เลย

    สำหรับบทเพลง ฉันขอเลือกเพลงที่ประทับใจและชื่นชอบเป็นการส่วนตัว
    เมื่อ Prep ปรากฎตัวขึ้น การแสดงในครั้งนี้เปิดตัวด้วยเพลง Turn the Music Up ทันใดนั้นทั้งฮอลล์ก็เสียงดังสนั่นไปด้วยเสียงเชียร์จากแฟนคลับ ดนตรีเริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงนกร้องกระจิบขึ้นต้น และคลอไปทั้งเพลง เหมือนกับตื่นเช้ามาอย่างสดชื่นเพื่อรับฟังเพลง ถือว่าเป็นการเลือกเพลงเปิดการแสดงที่ดี ดนตรีมีความ Upbeat และสดใส หากเปรียบเสมือนอาหารก็คงเรียกได้ว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยชั้นดีเลยทีเดียว

    On and On เนื้อหาเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องที่สูญเสียคนรักไปด้วยความเดียงสา จึงทำให้ตัดสินใจในความสััมพันธ์ที่ผ่านมาได้ไม่ดีนัก สรุปได้ว่าเป็นเราที่ผิดเอง หากในตอนนั้นเราทำได้ดีกว่านี้ ความสัมพันธ์สองเราคงจะได้ไปต่อแบบ On and On... เพลงมีความเศร้า เนิบนาบ แต่ดนตรีก็ยังฟังสนุกตามแบบฉบับของ Prep ฟังแล้วให้ความรู้สึกปลงในท่อนที่ร้องคำว่า On and On... เสมือนว่าสุดท้ายแล้วเราตัดสินใจพลาดไปเองด้วยความไม่รู้ ก็คงต้องปล่อยไปตามนั้น และการแสดงเพลงนี้ได้วง HYBS มาร่วมร้องด้วย ทั้งคู่ได้ร้องประสานกันและกัน และร่วมกับทอม ซึ่งถือเป็นฉากที่รับชมได้ยากและน่าประทับใจ HYBS เองมีความเก่งในการ Entertain ผู้ชมมาก ๆ การปรากฎตัวของทั้งคู่ได้สร้างความฮือฮาให้กับแฟนคลับเป็นอย่างมาก

    Cheapest Flight เนื้อหาเกี่ยวกับการหนีปัญหาทุกอย่างในชีวิตที่ประดังเข้ามา ที่มิใช่แค่ความรักเท่านั้น ในช่วงแรกของเพลงเน้นโชว์ดนตรีชวนให้เรารู้สึกอึมครึม ชวนให้รู้สึกป่วง สับสน และเศร้า
    น้ำเสียงของนักร้องในเพลงนี้ไม่ค่อยขึ้น High note เท่าไหร่ ให้ความรู้สึกหนักแน่นดั่งขาของเราที่ยังอยู่บนพื้นดินเผชิญกับปัญหาอยู่ และเนื้อหาของเพลงกล่าวต่อที่เมื่อเจอปัญหาก็พากันหนีไปสักพักดีกว่า เปรียบการที่ตัดสินใจผลักไสปัญหาเหล่านั้นโดยการบินหนีไปให้ไกล ๆ เสมือนเราได้หนีปัญหาโดยการก้าวขึ้นเครื่องบินที่มีค่าตั๋วเครื่องบิน Cheapest เพราะการหลบหนีจากปัญหาทำได้ไม่ยากเลย แค่เมื่อเราพร้อมจะเผชิญเมื่อไหร่ก็แค่กลับมา การหลบหนีปัญหาในช่วงที่เราไม่พร้อมไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอ ในช่วงก่อนท้ายมีท่อนที่โซโล่ Saxophone ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นช่วงที่เราขึ้นเที่ยวบินหนีไปพักร้อน หนีจากความวายป่วงในชีวิต เป็นการเป็น Tone Color ไปช้วงหนึ่งให้ความรู้สึกสดใสช่วยให้ความสุขแก่เราในชั่วขณะหนึ่ง และหลังจากจบท่อนโซโล่เราก็วนกลับมาท่อนชวนป่วงเหมือนเดิม

    As It Was เป็นเวอร์ชั่นที่โคฟเวอร์จากศิลปินชื่อ Harry Styles อีกทีหนึ่ง โดยเป็นเพลงโปรดของฉันที่สุดของการแสดงในครั้งนี้ และส่วนตัวชอบเวอร์ชั่นของ Prep มากกว่าต้นฉบับเสียอีก การที่นำมาดัดแปลงทำนองใหม่ แม้เนื้อหาจะเหมือนกับต้นฉบับ แต่ด้วยเสียงร้องและองค์ประกอบดนตรี ทำนองที่ชะลอลง มีความช้า ๆ เนิบ ๆ ทำให้เกิดความรู้สึกโหวงเหวง ว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก ท่อน Hook ของต้นฉบับมีการใช้เมโลดี้ที่ใช้เครื่องดนตรีล้วน แต่ในเวอร์ชั่นของ Prep นั้นมีการเพิ่มแทรกเสียงของคนเข้าไปประสานทำให้ได้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป และมีการโซโล่เครื่องดนตรีอย่าง Saxophone ด้วย ตั้งแต่ท่อนเปิดจนถึง Hook มีการค่อย ๆ เพิ่มจำนวนชิ้นเครื่องดนตรีเข้ามา

    Who's Got You Singing Again เนื้อเพลงเชิงตัดพ้อ เกี่ยวกับเรื่องราวของคู่รักที่อีกฝ่ายถูกบอกเลิกกลางอากาศโดยไม่ทราบถึงเหตุผล เขาก็ได้แต่นั่งคิดไปต่าง ๆ นานา ความรู้สึกเหมือนด้อยค่า จนอีกฝ่ายไปเริ่มต้นใหม่ จึงเกิดท่อน 'Who's Got You Singing Again' ที่สื่อว่า 'ใครกันที่ทำให้เธอกลับมาร้องเพลงได้อีกครั้ง' กล่าวคือ ใครกันที่ทำให้เธอกลับมามีความสุข ในขณะที่ฉันยังคงจมอยู่กับความมืดที่ไม่รู้แม้แต่สาเหตุของการเลิกรา อารมณ์ของเพลงจึงออกมามีความเศร้า น้ำเสียงของนักร้องมีความเอื้อน และมีการร้องขึ้นเสียงสูงแบบเพ้อ ล่องลอย เหมือนพยายามไขว่ขว้าอากาศ แม้จะเป็นเพลงที่เนื้อหามีความเศร้า แต่ดนตรีก็ทำออกมาได้มีความสนุกสนานและไม่จมดิ่งจนเกินไป เพลงนี้ถูกเลือกใช้เป็นเพลงปิดจบการแสดงเนื่องจากเป็นเพลงที่เป็นที่นิยมและ Beat ก็ไม่ได้ช้าขนาด Ballad และ ไม่ได้ Upbeat (ที่ควรจะอยู่ในช่วง Climax ของการแสดง)

    สำหรับส่วนที่ไม่ชอบของการแสดง เพลงของ Prep ถือว่ามีลายเซ็นต์ของตัวเองที่ชัดเจน Groove, Vibe, Mood and Tone ในแต่ละเพลงค่อนข้างมีความเหมือนกัน เมื่อมาฟังรวมเป็นชุดการแสดงคอนเสิร์ตทำให้รู้สึกว่าค่อนข้างมีความ Monotonous ไม่มีช่วงที่ให้ความรู้สึกขึ้น-ลงสักเท่าไหร่ และการ Entertain ของศิลปินยังมีความน่าเบื่อและจับทางได้ง่าย ระหว่างคั่นเพลง ศิลปินเพียงแค่กล่าว 'สวัสดีครับ' หรือ 'ขอบคุณครับ' เพียงแค่นั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกประทับหรือจับใจผู้ชมเท่าไหร่นัก กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่สองที่ฉันได้ไปรับชม มีบทเพลงที่ชื่อว่า On and On ให้วง HYBS ที่ได้แสดงเปิดคอนเสิร์ตไป มาร่วมแสดงด้วย แต่ก็เป็นช่วงที่สร้าง excitement ได้แค่ช่วงเดียว หลังจากนั้นก็มีความแผ่วลง แม้ว่าเราจะมาเพื่อรับฟังเพลง แต่ในแง่ของการ Perform ควรจะมีลูกเล่นหรือการแสดงที่ชวนให้คนดูสนุกและเพลิดเพลินไปด้วย หรือในช่วงของ Encore ให้ความรู้สึกว่าจับทางง่ายเกินไปสักหน่อย

    ในส่วนที่ชอบคือ ระบบเสียง ไม่มีที่ติเลย ต้องชื่นชมคนคุมเสียง หรือ Sound Engineer ว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ ทำให้ได้ยินเสียงนักร้องและเสียงดนตรีชัดเจนและมีความสมดุล ทุกเสียงที่เข้ามากระทบโสตประสาทเหมือนกับที่เราฟังบนแพลทฟอร์ม Streaming Music เลย ต้องยอมรับว่านักร้องนำมีเนื้อเสียงและสกิลล์ในการร้องที่วิเศษมาก ๆ เนื้อเสียงแน่น แข็งแรง ไม่มีหย่อนหรือเพี้ยนในระหว่างการแสดงเลยแม้แต่น้อย รวมถึงนักดนตรีในวงก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน แต่ที่ประทับใจที่สุดเลยคือการโซโล่ของ Saxophone นอกจากนี้ภาพ Motion ที่ปรากฎอยู่หลังการแสดงมีความ Refreshing และมีความ Pop culture เข้ากับ Mood and Tone โดยรวม และส่งเสริมให้การแสดงมีสเน่ห์น่ามองขึ้นไปอีก อย่างเช่น ตอนเพลง Turn the Music Up ที่มีเสียงนกร้องคลอ ในภาพ Motion ด้านหลังก็มีหมู่มวลนกบินไปมาด้วย และสุดท้ายที่ฉันคอยสังเกตุอยู่ตลอดการแสดงคือเรื่อง 'แสง' ทำออกมาได้กลมกล่อมและงดงามมาก มีการเลือกใช้คู่ของสีที่เหมาะสม แม้สีจะจัดจ้านสมกับความเป็น Pop แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวศิลปินหม่นหมองออกไปจากเวทีแห่งนี้ได้เลย

    สรุป
    การแสดง Prep ทำให้ฉันทึ่งในการแสดงสดที่ทำออกมาได้อย่างเหมือนกับฟังแผ่นเสียงที่ผ่านการมิกซ์และปรุงแต่งมาแล้วอย่างนั้น รวมถึงองค์ประกอบต่าง ๆ แสง สี เสียง ที่ช่วยอุปถัมภ์การแสดงให้มีความโดดเด่นและกลมกล่อม เราชื่นชมและเป็นกำลังใจให้กับคนที่ทำงานใน เราไม่เพียงแต่ชื่นชมในทักษะและการแสดงของศิลปินเท่านั้น แต่ต้องขอบคุณทีมงานเบื้องหลังผู้ที่ทำให้การแสดงนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยเช่นกัน 

    โดย ชญานิน ชุณหวรากรณ์ รหัสนิสิต 6240027928
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in