ทริปวิกตอเรียนี้เราไปแบบวันเดย์ทริปสองครั้ง คือเราไม่อยากเสียค่าที่พักเพราะลองคำนวณแล้วว่าค่าเดินทางแบบไป-กลับนั้นคุ้มค่ากว่าการจองโรงแรมหนึ่งคืน เลยยอมเสียเวลาเดินทางดีกว่า ก็เลยต้องไปถึงสองครั้ง แต่ถ้าไม่คิดมากเรื่องงบก็แนะนำว่าไปค้างคืนน่าจะดีกว่า เสียค่าโรงแรมแพงหน่อยแต่ได้เที่ยวทั้งวัน ได้บรรยากาศตอนกลางคืนด้วย ไม่ต้องเหนื่อยและไม่ต้องเสียเวลากับการเดินทางเหมือนเรา ซึ่งจริง ๆ ราคาที่พักน่าจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลา+โลเคชั่นที่พักด้วย
ก่อนออกเดินทางเราจะต้องวางแผนกันก่อนเป็นอันดับแรก แนะนำว่ายิ่งเช้ายิ่งดีสำหรับชาววันเดย์ทริป แล้วก็เราอยากให้โหลด "transit" เป็นแอพสำหรับเช็กรถบัส ดูว่าจะเดินทางยังไงมีบัสเบอร์ไหนผ่านบ้าง รวมถึงตารางเวลาของบัสด้วย เพราะระบบขนส่งที่แคนาดาค่อนข้างจะตรงเวลามาก ๆ โดยเฉพาะพวกเวลารถบัสกับเรือที่ต้องเดินทางระยะไกล
ถ้าพลาดคันนึงอาจจะต้องรออีกเป็นชม.แล้วแพลนจะเคลื่อนหมดเลย ซึ่งชิบหายแน่นอนเพราะการไปวิกตอเรียใช้เวลาทั้งหมด 4 ชม. ไป 4 กลับอีก 4 ถ้ารวนอย่างนึงก็จะรวนกันไปทั้งทริป ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวว่าควรจะออกจากที่พักตอนกี่โมง บัสจะมาถึงกี่โมง จะขึ้นเรือรอบกี่โมง (รอบของเรือเฟอร์รี่ขึ้นอยู่กับฤดูที่ไปด้วยนะคะ ช่วงsummerที่เป็นไฮซีซั่นก็จะมีรอบถี่กว่าช่วงเวลาทั่วไป โดยเช็กรอบเรือได้จาก
https://www.bcferries.com/schedules/mainland/tssw-current.php)
**สิ่งที่ควรจดจำเพื่อความปลอดภัย คือ ท่าเรือของฝั่งแวนคูเวอร์ชื่อ Tsawwassen ส่วนท่าเรือของฝั่งวิกตอเรียชื่อ Swartz Bay**
.
.
Let's go to Victoria!!
แพลนของทริปนี้ ซึ่งรวบสองทริปเข้าด้วยกันแล้ว โดยจัดเรียงสถานที่ตามความใกล้ไกล คือ
- Bastion Square
- Craigdarroch Castle
- Government House
- Legislative Assembly of British Columbia (Parliament House)
**ขอเตือนชาววันเดย์ทริปก่อนเลยว่าการเดินทางและเดินเที่ยวต้องใช้เวลา ดังนั้นให้แพลนสถานที่ที่อยากไปจริง ๆ ไว้ก่อนเลยว่าต้องไปให้ได้! แล้วที่เหลือก็เก็บสำรองเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินก็จะได้เที่ยวสถานที่สำรองที่ใกล้ ๆ กันไว้**
จริง ๆ แล้วตัวเลือกในการเดินทางมีให้ท่านนักท่องเที่ยวเลือกหลายช่องทาง เช่น เครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินเล็ก หรือเรือเฟอร์รี่ ซึ่งแน่นอนว่าราคาก็แตกต่างกันออกไป และในบรรดาสามตัวเลือกนี้ "เรือเฟอร์รี่" เป็นทางเลือกที่ดีและราคาย่อมเยาที่สุด! เหมาะสำหรับชาววันเดย์ทริปหรือแม้แต่คนที่มีรถไปขับด้วย เพราะสามารถขับรถขึ้นไปบนเรือได้เลย โดยใช้เวลาจากแวนคูเวอร์ไปวิกตอเรีย 2 ชม.
เริ่มต้นทริปที่ Bridgeport station (ไม่แน่ใจว่าขึ้นจากที่อื่นได้มั้ยแต่ส่วนใหญ่จะเริ่มที่ Bridgeport กัน ซึ่งในการมาที่สถานีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าที่พักอยู่ที่ไหน ถ้าใกล้ป้ายบัสก็นั่งบัสไปสถานีรถไฟฟ้าหรือนั่งไปสถานีนั้นได้เลย ถ้าใกล้สถานีรถไฟก็ขึ้นรถไฟมาลง Bridgeport สายสีฟ้าหรือ Canada Line ไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีปลายทางเพราะสถานีนี้จะถึงก่อนทางแยก ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสถานที่พักของคุณว่าเดินทางยังไงได้บ้าง อาศัยtransit หรือ google mapเอาค่ะ) เพื่อขึ้นบัสสาย 602 ไปท่าเรือเฟอร์รี ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ตอนซื้อตั๋วสามารถซื้อแบบself-service เดินไปกดที่เครื่องเองได้เลย หรือจะซื้อonlineไปก็ได้ จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต โดยกดเลือก Swartz Bay (to Victoria) **แบบself-serviceไม่มีจ่ายเงินสดนะคะ** พอกดเสร็จเรียบร้อยจะได้กระดาษมาสองใบ คือ boarding pass (อันนี้สำคัญมากเพราะจนท.จะเก็บก่อนขึ้นเรือค่ะ) กับใบเสร็จ อย่าลืมหยิบมาทั้งสองแผ่นนะคะ
ท่าเรือตอน Summer ฟ้าใสจริงเชียว
ท่าเรือตอน Autumn ฟ้าเต็มไปด้วยเมฆ เตรียมฝนตก
คนรอขึ้นเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกก
บนเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีที่นั่งสบาย ๆ มีทีวีให้ดู มีโซนเด็ก โซนอาหาร หรือแม้แต่ร้านขายของฝากให้เลือกฆ่าเวลา หรืออยากจะออกไปรับลมด้านนอกตัวเรือก็ได้ ไม่ต้องจองที่นั่งใด ๆ ใครมาก่อนได้ก่อนจ้า
อีกข้อแนะนำที่เกิดจากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (อาจจะใช้ไม่ได้เสมอไปแต่เท่าที่สังเกตเมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ) คือ เรื่องของชั้นขึ้น-ลงเรือ ซึ่งจะเป็นชั้น "desk5" เท่านั้น คนที่ลงไปออกชั้นอื่นที่ไม่ใช่ชั้น 5 คือเขาขับรถกันมา ส่วนทางเข้า-ออกนั้น ตอนขามาจะขึ้นด้านหน้าเรือแต่ตอนออกออกท้ายเรือ ส่วนขากลับจะขึ้นท้ายเรือแต่ออกด้านหน้า
ภาพวิวระหว่างล่องเรือจากดาดฟ้าเรือ
เรือกำลังเทียบท่าที่วิกตอเรียแล้ว เย่ะ
ทางเดินเหมือนที่สนามบินเลย
.
.
ภาพท่าเรือเฟอร์รี Swartz Bay ของฝั่งวิกตอเรีย
เมื่อออกจากท่าเรือมาจะเห็นบัสคันใหญ่ ๆ สองชั้นจอดรออยู่ ก็จะมีคนต่อแถวยาว ๆ นั่นแหละค่ะ ไปต่อตามเขาเลย บัสที่จะเข้า downtown ของวิกตอเรีย คือสาย 70 กับ 72 (เพื่อความแน่ใจจะถามคนขับก่อนก็ได้) ใช้เวลาเข้าตัวเมืองอีก 30 นาที ไปลงตั้งต้นที่ Douglas at fort ซึ่งใกล้กับ Bastion Square สถานที่แรกของทริป ราคาตั๋ว one day pass อยู่ที่ 5$ ใช้ได้แค่วันเดียวตามชื่อตั๋วเลย ความสะดวก คือเวลาขึ้นบัสแค่โชว์ให้คนขับดูก็เที่ยวตะลอนได้ทุกที่ในวิกตอเรียเลย~
One day pass จะมีหน้าตาแบบนี้ รักษาดี ๆ ตลอดทริปเลยน้า ห้ามหายเด็ดขาด!!
.
.
- Bastion Square -
สำหรับ Bastion Square ขอสารภาพว่าไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรนอกจากตลาดเล็ก ๆ กับร้านอาหารอีกนิดหน่อย แต่ที่เราเลือกมาเพราะว่าเห็นรูปแล้วสวยดี ซึ่งถ้าเดินตรงทะลุซุ้มร้านขายของไปจนสุดทางจะได้ยลวิวของ Victoria Harbour
คิดว่าเป็นไฮไลต์ของ bastion square นะ ตอนเสิร์ชรูปดูคือคนคึกคึกมาก แต่พอไปจริง ๆ คือไม่มีคนเลยนอกจากนักท่องเที่ยวตามที่เห็น
Victoria Harbour view

บรรยากาศในเมืองระหว่างเดินไป bastion square
.
.
- Lunch Time -
ยังไม่ทันเดินเที่ยวไหนไกลก็เที่ยงแล้ว T_T ของขึ้นชื่อของวิกตอเรียที่ใคร ๆ ต่างแนะนำให้มากิน คือ fish and chips ร้าน "Red fish Blue fish" เจ้าดังที่ต้องอดทนต่อแถวเป็นชม. ใครหิวมากจนท้อแท้ยอมแพ้ก็ไม่ถือว่าอ่อนแอนะ5555555 สำหรับเรารสชาติไม่ได้ว้าวขนาดนั้นแต่ก็อร่อยดี อยู่แถว Victoria Harbour เลย ถ้าตั้งต้นจากจุดชมวิวแถว Bastion Square ให้หันหน้าเข้าหาอ่าวแล้วเดินไปทางซ้ายมือ จะเห็นร้านที่ตั้งยื่นไปในน้ำ ร่มเรียงรายเยอะ ๆ
เราสั่ง Wild Salmon แบบ 2pc (2ชิ้น) ค่ะ
เมนูทั้งหมดของร้านค่ะ
ส่วนรอบสองที่ไป เราโนไอเดียมากเลยกะว่าเดินผ่านร้านไหนก็เข้าร้านนั้นแล้วดันผ่านร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ "Azuma sushi" พอดี ดูไม่ค่อยมีคน ราคาพอรับได้ เลยตรงเข้าไปเลย พนง.จะเสิร์ฟน้ำชาอุ่น ๆ กับน้ำเปล่าเย็นให้ด้วย
Salmon Teriyaki Bento
เขาให้ fortune cookie ด้วย ว้าว
.
.
- Craigdarroch Castle -
วิธีมาก็เปิด Google map ประกอบกับ transit เลยจ้า ขึ้นสาย 11 มาลง Fort at Fernwood แล้วเดินมาเรื่อย ๆ ตามทางโลด
Q: ทำไม "Craigdarroch Castle" ถึงเป็นหนึ่งในสถานที่แนะนำของวิกตอเรีย?
A: ปราสาทแห่งนี้สร้างโดยตระกูล Dunsmuir เป็นสถานที่ที่มีประวัติโชกโชนมาอย่างยาวนานกันเลยทีเดียวนี้ เรียกว่าผ่านอะไรมาเยอะมาก เป็นตั้งแต่ที่พักอาศัยของตระกูล Dunsmuir, โรงพยาบาลทหาร, โรงเรียน จนมาถึงพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนหน้าที่ไปตามเหตุการณ์ในแต่ละยุคสมัย
ก่อนเข้าก็ต้องซื้อบัตรกันก่อน ถ้าไปเรียนที่แคนาดาสามารถโชว์บัตรนักเรียนหรือจดหมายตอบรับของรร. (Letter of acceptance) เพื่อซื้อในราคานักเรียนก็ได้ ตอนเข้าไปข้างในจะมีจนท.รอทำความสะอาดรองเท้าของเราอยู่เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก เขาจะให้เรายกเท้าวางบนแท่นลูกกลิ้ง จากนั้นก็จะมีจนท.คอยบอกกฎเกณฑ์และแนะนำว่าควรเดินชมยังไง เนื่องจากมีขนาดปราสาทใหญ่ มีหลายชั้น และค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นถ้าเดินขึ้นไปแล้วจะไม่สามารถเดินกลับลงมาทางเก่าได้ จะมีทางเดินซอกแทรกไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายจะออกที่ประตูหลังของปราสาท ซึ่งไม่ใช่ประตูเดียวกับตอนเข้ามา

ประทับใจกระจกสีมาก สวยมาก ๆๆๆ
ห้องนี้ตกแต่งด้วยสีชมพูหวาน ๆ หน่อยจนคิดว่าเป็นห้องผู้หญิง แต่ที่จริงเป็นห้องผู้ชาย
วิวเมืองจากชั้นบนของปราสาท
ห้องน้ำสมัยก่อน งือ
ไม่แน่ใจว่าเป็นห้องของลูกสาวหรือคนรับใช้
ความหรูหราอลังการก็จะสัมผัสได้จากการตกแต่งต่าง ๆ นานา ใช้เวลาสร้างกันเป็นสิบยี่สิบปีเลย เฟอร์นิเจอร์หรือส่วนประกอบของปราสาทบางชิ้นคือสั่งทำอย่างดีมีราคาหายากจากแดนไกลเลย ซึ่งเมื่อเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ จะเห็นได้เลยว่ายังเหลือร่องรอยของประวัติศาสตร์เหล่านั้นอยู่จริง ๆ เช่น บางห้องที่มีสถานะเป็นห้องครัวแต่ยังเหลือเค้าของห้องผ่าตัดอยู่ (แต่เราไม่ได้ถ่ายมา แหะๆ)
.
.
- Government House -
จบจาก Craigdarroch Castle ก็ออกมาเลี้ยวซ้าย (สวนทางกับตอนเดินมา) เดินตามถนนลึกเข้าไปอีก จะมีป้ายแปะบอกทางอยู่บ้าง
ตอนแรกจะตัดใจไม่มาแล้วเพราะเห็นเขียนในเว็บไซต์ว่าปิด ก็คือปิดจริง ๆ แหละ แต่หมายถึงปิดห้ามเข้าข้างใน แต่เราสามารถเดินรอบ ๆ ได้ เป็นเหมือนสวนสาธารณะ เปิดตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนตก ก็มีคนมาเรื่อย ๆ นะ คิดว่าช่วงที่ไป (รอบสองไปช่วง autumn) ไม่ค่อยมีคนเพราะเขาไม่ได้เปิดให้เข้าใน Government House เลยไม่มีนักท่องเที่ยวมา ส่วนใหญ่จะเป็นคนแถวนั้นมากกว่า ถ้าใครใคร่อยากเข้าเขาจะมีวันกำหนดไว้ในเว็บไซต์ว่าเปิดให้ public tour เข้าชมวันไหนบ้าง ก็ไม่ใช่จะเปิดโอกาสให้เข้าง่าย ๆ นะ มักจะเป็นช่วงไฮซีซั่นมากกว่า
นี่คือ Sir James Douglas ผู้ว่าการรัฐบริติชโคลัมเบียคนแรก
.
.
tbc.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in