ช่วงนี้กระแสขุดภาพยนตร์เก่ากำลังมาแรงกันเลยทีเดียว อาจจะมีเรื่องที่เคยดูแล้วบ้าง ยังไม่ได้ดูบ้าง หรือภาพยนตร์ที่ตราตรึงใจจนต้องหามาดูใหม่บ้างหล่ะ วันนี้เราก็มีภาพยนตร์ โรแมนติก ดราม่า
ที่ดีจนต้องบอกว่า ไปหาดูกันเร็ว ๆ เลย อย่าพลาดเชียว
ถ้าคุณชอบความโรแมนติก จงไปดู ถ้าคุณกำลังมีปัญหากับคนรัก จงไปดู
ถ้าคุณกำลังปล่อยให้ชีวิตของคุณล่องลอยอยู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเตือนสติคุณ
ปัดฝุ่น
ภาพยนตร์เรื่อง One Day มีชื่อภาษาไทยว่า วันนั้น วันเดียว วันของเรา สร้างมาจากนวนิยาย Best Seller ของอเมริกา โดยผู้กำกับ loan Scherfig
เป็นเรื่องราวความรักตลอด 20 ปี ของ เอ็มม่า มอร์ลีย์ (Anne Hathaway) กับ เด็กซเตอร์ เมย์ฮิว (Jim Sturgess) ที่เริ่มต้นในวันที่ 15 กรกฎาคม ของทุกปีตั้งแต่ปี 1988 หลังจากที่ทั้งคู่จบการศึกษา ทั้งสองได้รู้จักกันครั้งแรก และไปจบยังเตียงนอน แต่ทว่าทั้งสองไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งเหมือนวัยรุ่นทั่วไป
เด็กซเตอร์จึงยื่นข้อเสนอ ความเป็นเพื่อนให้กับเอ็มม่า และเธอก็ได้ตอบตกลง
เส้น Friend Zone จึงได้เริ่มขึ้น
ในเรื่องเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละครในวันที่ 15กรกฎาคม ของทุกปี เมื่อคนดูรับรู้ถึง “สถานะ” ที่ทั้งคู่ตกลงกันไว้ ทำให้ผู้เขียนบทสามารถนำไปสู่ความขัดแย้งใหม่ ๆ ได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตของเอ็มมาที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียน แต่ไปได้ไม่สวยนัก
ซึ่งสวนทางชีวิตของเด็กซเตอร์ที่ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่เค้าตั้งใจไว้
เรื่องค่อย ๆ ดำเนินไปอย่างเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ยัดเยียดความรู้สึกให้กับเรามากนักในแต่ละฉาก แต่จะทำให้เราค่อย ๆ ซึบซับ ความรู้สึกนั้นไปเรื่อย ๆ ได้อย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นฉากที่พระเอกนางเอกให้กำลังใจกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในฐานะเพื่อน แต่ในสายตาของทั้งคู่แสดงให้เห็นว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้น และมันยังคงเป็นแบบเดิมในทุก ๆ ปีิ
ในตอนท้ายเราค่อย ๆ ได้เห็นความเป็นไปของตัวละครในการเลือกการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน
เด็กซเตอร์ที่ชีวิตตอนเริ่มดูเหมือนว่าจะไปได้สวย แต่กลับกลายเป็นแค่สิ่งฉาบฉวยชั่วข้ามคืนเท่านั้น ทางด้านเอ็มม่าที่ดูจะน่าสงสารในตอนแรก กลับมีแรงผลักดันให้ชีวิตเธอเป็นในแบบที่เธอต้องการ
สิ่งที่มีเสน่ห์มาก ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการเลือกนักแสดงนำได้ดีมาก ทั้ง Anne Hathaway ที่รับบทเอ็มม่า Jim Sturgess ที่รับบทเด็กซเตอร์ นักแสดงทั้งสองเข้ากันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะฉากที่ต้องใช้สายตาหรือภาษากายในการแสดงความรู้สึกที่ซ่อนไว้และไม่สามารถพูดออกมาตรง ๆ
นอกจากนี้การออกแบบเสื้อผ้า ทรงผม ทำได้อย่างดีเลยทีเดียว เพราะมีการเก็บรายละเอียดตามวัยได้อย่างเหมาะสม เช่นนางเอกที่ตอนเริ่มนั้นใส่ชุดกระโปรงสบาย ๆ ตามวัย เวลาผ่านไป
ก็เปลี่ยนเป็นชุดรัดรูปมากขึ้น เห็นสัดส่วนมากขึ้น ใส่ชุดสีกรมที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
นอกจากจะเป็นหนังรักแล้ว คงพูดได้เต็มปากว่าเป็นหนังชีวิตเช่นเดียวกัน ผู้สร้างได้แฝงแง่คิดทั้งในเรื่องการใช้ชีวิต หน้าที่การงาน รวมถึงหน้าตาในสังคม มันเป็นแค่เพียงเปลือกภายนอกเท่านั้น ในช่วงที่เราโหยหาสิ่งสวยหรูนอกกาย เราอาจลืมนึกถึงสิ่งสวยงามที่อยู่รอบตัวเราเช่นกัน
เหมือนกับเด็กซเตอร์ที่โหยหาความสุข ชื่อเสียง เงินทอง จนไม่ได้ดูแลแม่ของตนเองที่ป่วยหนัก
และมองข้ามเอ็มม่าที่รักเขาอย่างสุดหัวใจไป
ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจไม่ได้จบอย่างสวยหรู ในแบบที่มันควรจะเป็นอย่างหนังรัก โรแมนติกทั่วไป
แต่กลับกระซิบบอกกับเราว่า "จะดีกว่าไหม ถ้าหากเราจะทำทุกวันให้เป็นวันของเรา"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in