เรื่องราวคลาสสิคเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่แอบรักหญิงสาว เขาตกหลุมรักรอยยิ้มของเธอ เสียงหัวเราะของเธอ เขามั่นใจและมั่นคงต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าบอกความในใจกับเธอ เขาทำแค่เพียงเฝ้ามองเธออยู่อย่างนั้น ทุกวัน เป็นเดือน เป็นปี จนกระทั่งผ่านไปหลายปี จนในที่สุดเธอก็ได้บอกกับเขาว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
ในวันแต่งงาน จะเป็นเพราะความมึนเมา หรือเพราะความเสียใจที่ท่วมท้น ชายหนุ่มตัดสินใจสารภาพกับหญิงสาว ว่าเขาแอบรักเธอ แอบรักมาเนิ่นนาน
เมื่อพูดออกไปแล้วชายหนุ่มคิดว่าการแอบรักของเขาคงจะจบเพียงเท่านี้ หลังจากนี้หญิงสาวคงจะมีความสุขกับเจ้าบ่าวของเธอ และเขาคงต้องใช้ชีวิตต่อไป แต่ก็พบว่าไม่ใช่ เมื่อหญิงสาวได้ฟังและสารภาพว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอก็แอบรักเขาเช่นกัน
ผลลัพธ์ของการสารภาพรักของทั้งเขาและเธอถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ และมันกัดกินใจของทั้งคู่ไปอีกนาน
จะเป็นอย่างไรหากในเช้าวันอากาศดีสักวันที่ทั้งสองเคยนั่งดื่มกาแฟด้วยกัน
หรือในระหว่างทางที่เขาเดินไปส่งเธอกลับบ้าน เขาหรือเธอกล้าพอที่จะพูดออกไป
เรื่องราวจะจบลงที่ความเสียใจเหมือนเดิมไหม?
เวลาเป็นสิ่งที่ไม่ย้อนกลับ
คำพูดก็เป็นสิ่งที่สามารถย้อนคืนมาได้
ขณะเดียวกัน คำที่ไม่ได้พูดก็ไม่สามารถย้อนกลับมาพูดได้เช่นกัน
ข้อความและคำพูดเป็นสิ่งที่ทรงพลัง คำไม่กี่คำสามารถพลิกสถานการณ์จากร้ายเป็นดี สร้างความทรงจำล้ำค่าให้กับคนฟัง หรือสร้างความเสียใจไม่รู้ลืมได้
ในขณะเดียวกันเวลาก็เป็นปัจจัยสำคัญ พูดผิดที่ ผิดเวลา สถานการณ์ก็สามารถพลิกจากดีเป็นร้ายได้
การพูดในเวลาที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะถ้าเป็นคำสำคัญ และกับคนที่สำคัญ
‘เวลาที่เหมาะ’ ในที่นี้หมายถึงเวลาที่คนพูดพร้อมจะพูด คนฟังก็พร้อมจะฟัง ทั้งสถานการณ์และความรู้สึก
ลองนึกถึงว่าถ้าเราเป็นคนฟัง เราอยากจะฟังอะไร และตอนไหน เพียงเท่านี้เอง
ที่จริงแล้วไม่ใช่แค่คำสารภาพรัก แต่ทุกข้อความล้วนมีเวลาของมัน อยู่ที่ว่ามากน้อยเท่าไหร่
ยิ่งไปกว่านั้นคือบางข้อความสำหรับบางคน ‘เวลาที่เหมาะสม’ ก็อาจไม่มีอยู่เลยก็ได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in