เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ปากสวยอวบอิ่มได้ดั่งใจ ด้วยฟิลเลอร์ปาก ตัวเลือกเติมปากให้สวยarticle_beauty
ปากสวยอวบอิ่มได้ดั่งใจ ด้วยฟิลเลอร์ปาก ตัวเลือกเติมปากให้สวย
  • ใคร ๆ ก็อยากมีริมฝีปากสวยอวบอิ่ม เพราะรูปปากที่มีความสวยงามนั้นช่วยปรับเครื่องหน้าให้มีความลงตัว และสมดุลมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้แต่งหน้าแล้วสมบูรณ์แบบ 

    แต่สำหรับใครที่มีปัญหาริมฝีปากบาง ไม่ได้รูปก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีความงามได้พัฒนาไปไกล ทำให้เรามีตัวเลือกในการเสริมความงามมากมาย และหนึ่งในนั้น คือ การฉีดฟิลเลอร์ปาก วิธีการที่ช่วยให้คุณมีริมฝีปากอวบอิ่มได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

    บทความนี้จะชวนทุกคนไปรู้จักกับฉีด Filler ปากว่ามีขั้นตอนในการฉีดอย่างไร พร้อมแชร์เคล็ดลับการดูแลตัวเองหลังฉีดมาแนะนำกัน

    ฟิลเลอร์ปากคืออะไร?

    ฉีดฟิลเลอร์ปาก (Filler) เป็นหัตถการความงามรูปแบบหนึ่ง ที่คุณหมอจะใช้สารเติมเต็มฉีดไปบริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มเนื้อปริมาณปากให้มีความอวบอิ่ม และได้รูปทรงปากที่สวยงาม 

    โดยสารเติมเต็มที่ใช้จะเป็นกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ทำให้มีความปลอดภัยสูงและลดความเสี่ยงในการแพ้ ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก ปรับรูปทรงปากให้สวยงาม ลดริ้วรอยบริเวณรอบปาก และยังสามารถแก้ไขริมฝีปากที่ไม่ได้รูป ให้มีความสมดุลมากขึ้นได้ด้วย

    ประเภทของฟิลเลอร์ปาก

    การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม เรียบเนียน และมีรูปทรงสวยงามตามต้องการ ซึ่งฟิลเลอร์ปากนั้นมีด้วยกัน 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

    1. ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Dermal Fillers) สำหรับฟิลเลอร์ประเภทนี้เป็นได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะมีความปลอดภัยสูง สารเติมเต็มที่ใช้สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติภายในระยะเวลาประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่ใช้ เมื่อหมดก็สามารถเติมใหม่ได้ตามที่ต้องการ

    2. ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Dermal Fillers) จะอยู่ได้นานกว่าแบบชั่วคราว โดยสามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่าขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง แต่ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว

    3. ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Dermal Fillers) ฟิลเลอร์ประเภทนี้เป็นสารเติมเต็มที่อยู่ในร่างกายได้แบบถาวร ไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ มักใช้สารประเภทซิลิโคนหรือพาราฟิน สารเติมเต็มประเภทนี้ไม่แนะนำให้ใช้ เพราะนานไปจะจับตัวเป็นก้อน ทำให้ปากเสียทรง เกิดพังผืด และหนักสุดถึงขั้นทำให้เนื้อตายได้

    เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

    การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากที่ดี จะช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพ และช่วยให้ฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานมากขึ้น ซึ่งการเตรียมตัวนั้นเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ได้มีขั้นตอนที่มีซับซ้อน

    1. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน

    การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากในขั้นตอนแรก คือ จะต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยจะต้องเลือกคลินิกที่มีเลขที่ใบอนุญาต และคุณหมอประจำคลินิกมีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้ทำหัตถการจากแพทย์ที่มีความสามารถ พร้อมทั้งมีความปลอดภัยในการทำหัตถการ 

    นอกจากนี้ควรเลือกคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา เพื่อป้องกันการได้ฟิลเลอร์ปลอม พร้อมทั้งมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยครบครัน และสะอาด

    2. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

    เมื่อได้คลินิกแล้ว ขั้นตอนต่อมาในการฉีดฟิลเลอร์ปากคือต้องปรึกษาคุณหมอก่อน เพื่อประเมินรูปปากในเบื้องต้น พร้อมทั้งให้คุณหมอแนะนำรูปทรงในการฉีดที่เหมาะกับรูปปาก และใบหน้ามากที่สุด

    3. แจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบ

    ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรแจ้งประวัติสุขภาพทั้งหมดให้คุณหมอทราบโดยละเอียด ไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัว การแพ้ยา และยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อที่คุณหมอจะได้วางแผนในการทำหัตถการได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด

    ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก

    ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน แต่ต้องทำการฉีดปากโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น สำหรับขั้นตอนหลัก ๆ ในการฉีดปากมีดังนี้

    1. ทำความสะอาดบริเวณริมฝีปาก

    ก่อนที่จะทำการฉีดปากคุณหมอจะทำความสะอาดริมฝีปาก และบริเวณรอบ ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

    2. ทายาชา

    เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว คุณหมอจะเริ่มทายาชาบริเวณที่ต้องฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อช่วยลดความเจ็บขณะฉีดปาก

    3. ฉีดฟิลเลอร์

    เมื่อเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นตอนสำคัญคือการฉีดฟิลเลอร์ปาก หลังจากที่ยาชาออกฤทธิ์แล้ว คุณหมอก็จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์ ในขั้นตอนนี้คุณหมอจะค่อย ๆ ฉีดฟิลเลอร์ทีละน้อย พร้อมทั้งปรับแต่งรูปทรงไปพร้อมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติมากที่สุด

    4. ประคบเย็นหลังฉีด

    หลังจากฉีดปากเสร็จ แพทย์จะประคบเย็นบริเวณริมฝีปาก เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้อีกด้วย

    การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

    เมื่อฉีดฟิลเลอร์ปากเรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องมีวิธีการดูแลตัวเองหลังฟิลเลอร์ปากที่ถูกต้อง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น สำหรับคำแนะนำที่ควรปฏิบัติในการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากมีดังนี้

    1. งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

    หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เนื่องจากการสูบบุหรี่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้ริมฝีปากหายได้ช้า 

    ในขณะที่แอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้น ที่สำคัญยังอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำได้อีกด้วย การหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ริมฝีปากของคุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

    2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณริมฝีปาก

    ในช่วง 1-2 วันแรกหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณริมฝีปาก เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของสารฟิลเลอร์ ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดหรือจิบเครื่องดื่มร้อน ๆ ช่วยให้สารฟิลเลอร์อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามตามที่คาดหวัง อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสเกิดการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อความสวยงามของริมฝีปากในระยะยาว

    3. ประคบเย็นหากเกิดอาการบวม

    อาการบวมหลังการฉีดฟิลเลอร์ปากถือเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะบวมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับใครที่รู้สึกว่าปากบวมมากเกินไป สามารถใช้การประคบเย็นบรรเทาอาการบวม และลดความเจ็บปวดได้ 

    แต่อย่างไรก็ตามควรประคบให้พอเหมาะ ระวังไม่ริมฝีปากโดนความเย็นจัด เพราะจะทำให้ผิวเกิดความเสียหาย และหากอาการบวมไม่ดีขึ้นหรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ให้เร็วที่สุด

    4. ไปพบแพทย์ตามนัด

    การไปพบแพทย์ตามนัดหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินผลลัพธ์ พร้อมทั้งตรวจสอบการฟื้นตัวของริมฝีปาก และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

    ข้อควรระวังและผลข้างเคียง

    แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากจะเป็นหัตถการที่ไม่ซับซ้อน แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุก ๆ คน 

    สำหรับใครที่สนใจอยากฉีดปาก ควรเข้าใจถึงข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อที่จะได้เตรียมตัวและตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ

    1. อาการบวมแดง

    อาการบวมแดงถือเป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดหลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยเฉพาะใน 24-48 ชั่วโมงแรก แต่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 3-7 วัน แต่หากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว อาการบวมแดงยังไม่ดีขึ้นควรรีบเข้าปรึกษาคุณหมอในทันที

    2. รอยช้ำ

    รอยช้ำเป็นอีกหนึ่งผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก ซึ่งเป็นอาการที่ไม่เป็นอันตราย โดยทั่วไปรอยช้ำจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในบางคนอาจใช้เวลานานถึง 3-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุ สุขภาพโดยรวม และการดูแลรักษา

    3. การติดเชื้อ

    การติดเชื้อที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อย แต่ก็เป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้และมีความรุนแรง สำหรับผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการปากบวมแดงมากกว่าปกติ ปวดอย่างรุนแรง มีไข้ บางครั้งมีหนองหรือสารคัดหลั่งออกมาจากบริเวณที่ฉีด 

    ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับคนที่ฉีดฟิลเลอร์ปากกับคลินิกไม่ได้มาตรฐาน ห้องทำหัตถการไม่ได้ปลอดเชื้อ ดังนั้นผู้ที่สนใจฉีดปากควรเลือกทำในคลินิกที่เชื่อถือได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

    สรุป

    การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นการเสริมความงามรูปแบบหนึ่งที่ช่วยให้คุณมีรูปปากที่อวบอิ่ม รับกับหน้าได้อย่างสมดุล ถือเป็นวิธีที่ไม่ต้องไม่ต้องผ่าตัดและให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ทำให้ฟิลเลอร์ปากได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน 

    แต่อย่างไรก็ตามการฉีด Filler ปากก็มีข้อควรระวังและผลข้างเคียงทั้งอาการบวมแดง รอยช้ำ และการติดเชื้อ ดังนั้นก่อนฉีดปากควรเลือกทำในคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ สะอาด เพื่อช่วยลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in