จากบทความที่ผ่านมาhttps://minimore.com/b/7ptzB/5 ท่านผู้อ่านคงจะทราบดีแล้วว่า 95%ของเรากระทำของเราในชีวิตประจำวันมาจากสิ่งที่เราไม่มีทางที่จะรู้ตัวเลยนั้นก็คือ จิตใจสำนึกหรือ subconscious ในบทความที่แล้วผมได้พูดถึงกระทำงานและผลกระทบต่างๆของสิ่งๆนี้ แต่ในบทความนี้ผมจะนำเสนอวิธีพัฒนามันง่ายๆซึ่งผมเชื่อว่ามันจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและเป็นประโยชน์ต่ออนาคตและการดำเนินชีวิตของท่านผู้อ่านครับ
เรื่องที่ผมขออนุญาตยกมาพูดมากจากคลิปวีดีโอของเพจๆหนึ่งทางเฟสบุ๊คที่ชื่อว่า fearless soul https://www.facebook.com/620938641382668/posts/1597106313765891/?vh=e โดยนักสร้างแรงบันดาลใจชื่อMichael Leonard
คนส่วนใหญ่อาจจะให้ความสำคัญกับกิจวัตรประจำวันในตอนเช้า เพื่อเป็นการเริ่มต้นวันที่ดี แต่รู้หรือไม่ จริงๆแล้วการที่เราจะเริ่มต้นวันที่ดีควรเริ่มจากตอนก่อนนอน ซึ่งในคลิปวีดีโอนี้เขาจะกล่าวถึง 5 วิธีที่เราทำก่อนนอนแล้วจะช่วยพัฒนาจิตใต้สำนึกจวบจนเป็นนิสัยและแสดงออกมาเป็นการกระทำในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังช่วยให้เราประสบความสําเร็จและเป็นบุคคลที่เราใฝ่ฝันที่จะเป็นในอนาคต
สิ่งแรกที่ Michael อยากจะสื่อให้กับผู้รับชมเพื่อเป็นการทำความเข้าใจว่าทำไมเราถึงให้ความสําคัญกับเวลาก่อนนอนมากพอๆกับเวลาในช่วงเช้าของวัน โดยเขาได้กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่เรานอน ในสมองของเราจะมีสิ่งที่จะหยุดการทำงานนั่นก็คือ ความตระหนักรู้ หรือ conscious mind แน่นอนเวลาเรานอนเราไม่มีทางรู้ตัว ทุกคนคงเข้าใจดี แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยังคงทำงานต่อไปนั่นก็คือจิตใต้สำนึกหรือ Subconscious mind อันที่จริงแล้วสิ่งๆนี้เป็นสิ่งที่ทำงานตลอดเวลา 24/7 และยิ่งไปกว่านั้นจิตใต้สำนึกของเราส่งผลกระทบต่อชีวิตเรามากกว่า ความตระหนักรู้ถึงหนึ่งร้อยเท่า และยากที่จะเปลี่ยนแปลงหรือเรียกอีกอย่างว่า Habit mind แต่5วิธีที่เขาจะพูดต่อไปนี้คือวิธีที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงและพัฒนามัน
วิธีแรกที่ Michael กล่าวคือ การวางแผนชีวิตในวันข้างหน้าก่อนที่เราจะเข้านอนตั้งแต่ต้นจนจบหรือเรียกอีกอย่างว่าการทำ To-do list ยกตัวอย่างเช่น เวลาตื่น สิ่งที่สำคัญที่สุดของวันพรุ่งนี้ หรือว่า สิ่งที่อยากทำมากที่สุดในวันพรุ่งนี้ การทำแบบนี้จะช่วยให้วันวันหนึ่งของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นและจะทำให้เราบรรลุเป้าหมายต่างๆในชีวิต เหมือนที่ Tim Ferriss นักเขียนชาวอเมริกันได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณอยากจะบรรลุเป้าหมายในหนึ่งวัน คุณต้องทำมันให้สำเร็จก่อนในตอนเช้าแต่ในความเป็นจริงแล้วการบรรลุเป้าหมายของคุณในตอนเช้า ก็ต้องเริ่มจะการบรรลุเป้าหมายในเย็นวันก่อนหน้า”
อย่างที่สอง การทบทวนเป้าหมายของเราในทุกๆคืน อย่างที่ผมบอกไปในบทความที่แล้วว่า จิตใต้สำนึกจะเปลี่ยนแปลงได้จากการทำซ้ำหรือ repetition เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการที่จะมีความคิดที่จะประสบผลสำเร็จความคิดของเราก็ต้องถูกตอกย้ำอย่างต่อเนื่อง
Michael ได้เล่าต่อไปว่า เราจะไม่มีทางประสบความสำเร็จเลยจากการแค่ตั้งเป้าหมาย อ่านมันหนึ่งครั้ง และหวังให้สิ่งๆนั้นเป็นจริง เราจะต้องมีความคิดที่จะประสบผลสำเร็จจากการทบทวนเป้าหมายของเราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการทบทวนสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การเขียนลงใส่สมุด การนึกถึงชีวิตที่อยากจะเป็น หรือแม้กระทั่งการพูดส่งเสียงออกมา อย่าลืมว่าจิตใต้สำนึกของเราจะถูกดัดแปลงได้มาจากการทำซ้ำซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยปลูกฝังเมล็ดพันธ์ุแห่งความสำเร็จในจิตใต้สำนึกของเราในขณะที่เรานอนหลับ
วิธีที่สาม การฝึกที่จะชื่นชมยินดี
jack Canfield นักเขียนชาวอเมริกันผู้เขียนหนังสือขายกว่า 500ล้านเล่มในกว่า40ภาษา ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า การชื่อชมยินดี ไม่ว่าจะเป็น การแสดงความรักในรูปแบบต่างๆ การส่งข้อความหาคนรัก การกอด การบอกรัก การที่เรารู้สึกขอบคุณกับสิ่งรอบๆตัว ครอบครัว เพื่อน เป็นต้น การทำแบบนี้จะช่วยลดความกลัวในจิตใจ ในทางกลับกันมันจะเป็นการเพิ่มความกล้า และความคิดบวกให้มากขึ้น
อย่างที่สี่ ถามจิตใต้สำนึกเพื่อหาคำตอบ
Thomas Edison นักประดิษฐ์ชื่อดังได้กล่าวไปว่า “ อย่าพึ่งนอน ถ้ายังไม่ได้ของบางสิ่งบางอย่างจากจิตใจสำนึก “ โดยจาก idea นี้ Michael ได้พูดว่าแทนที่เราจะรู้สึกกังวล เป็นทุกข์ใจกับชีวิตที่ไม่เป็นไปดั่งในหรือสิ่งที่ยังมาไม่ถึงก่อนนอน ในทางตรงกันข้ามเราควรเปลี่ยนเป็นถามตัวเองว่าเราจะทำอย่างไรให้ชีวิตเราดีขึ้นบ้าง? ไม่ว่าจะเป็น การเริ่มทำธุรกิจให้ หรือ การทำตามความฝัน จากนั้นพูดออกเสียงให้ดังแล้วถามกับจิตใต้สำนึกว่าเราจะต้องจัดการกับมันอย่างไร หลายๆท่านอาจจะเป็นเหมือนผมว่าเวลาเราตั้งคำถามอะไรบางอย่างก่อนนอนคำตอบนั้นมักจะผุดขึ้นมาตอนช่วงกลางดึกหรือตอนที่เราอาบน้ำในช่วงเช้า นี่แหละครับมันคือผลลัพธ์ของการถามจิตใต้สำนึกของเรา และนี่ก็ยิ่งแสดงให้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าจิตใต้สำนึกของเราทำงานตลอดเวลาจริงๆ
โดย Michael ยังสรุปให้สั้นๆเกี่ยวกับวิธีนี้ว่า แทนที่เราจะมัวคิดถึงปัญหาชีวิตต่างๆ เราควรกลับมาถามตัวเองถึงวิธีที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น พูดมันออกมาเสียงดัง ไม่ต้องคาดหวังคำตอบอะไร ณ ตอนนั้น แล้วหลับตาลงนอน ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ผลในคืนแรก แต่อย่างที่บอกจิตใต้สำนึกที่ผ่านการทำซ้ำ จะแสดงให้เราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและผลลัพธ์ในสักวัน
และอย่างสุดท้ายคือการทำสมาธิ สาเหตุที่ผมไม่เขียนว่าการนั่งสมาธินั่นก็คือการทำสมาธิสามารถทำได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น การเดิน การฟัง หรือ การเพ่งเล็งไปที่อะไรสักอย่าง สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการทำสมาธิ โดย Michael ได้กล่าวว่า วิธีที่เราจะเปลี่ยนแปลงจิตใต้สำนึกของเราได้ดีที่สุดคือการพูดภาษาเดียวกับมัน และการทำสมาธิเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการพูดคุยกับจิตใต้สำนึกของเรา หรือพูดง่ายๆว่าวิธีที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นจำเป็นที่จะต้องอาศัยสมาธิและคลื่นในสมองที่ละเอียดที่มากสุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะสามารถเปลี่ยงแปลงจิตใต้สำนึกของเราได้
นี่ก็เป็น 5วิธีที่ Michael ได้ให้กับเราในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายและประสบผลสำเร็จในอนาคต ถ้าหากท่านผู้อ่านยังไม่พร้อมที่จะทำทั้งห้าข้อ ท่านผู้อ่านสามารถเริ่มจาก1ข้อ 2ข้อ และต่อๆไป แต่อย่าลืมว่าไม่ว่าท่านผู้อ่านจะทำกี่ข้อสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำซ้ำ จิตใต้สำนึกของเราจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้เลยถ้าไม่ได้เกิดจากการทำซ้ำ ผมเชื่อว่าถ้าท่านผู้อ่านได้นำวิธีของ Michael ทั้ง5ข้อไปประยุกต์ใช้ ชีวิตของท่านจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีอย่างแน่นอนครับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in