เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Minimore SessionFon Kansiri
Session 01 - Travelogue
  • ตอนเราไปไทเป เราไปกับเพื่อน 8 คน

    รวมเราด้วยเป็น 9 พอดี

    ทุกคนเลยตั้งชื่อทริปนี้กันว่าทริป 9 ชีวิต


    5 วันในไต้หวัน พวกเราเริ่มเดินทางตั้งแต่เยี่ยมชม (และนอน) ที่สนามบินไทเป ตื่นเช้ามาก็ จับรถไฟ ไปขี่จักรยานที่ทะเลสาบ  sun moon lake กลับที่พักเพื่อเล่นไพ่ แล้วก็ตื่นเช้า ไปตัวเมืองไทเป ไปเดินย่านชิคๆ ที่ Dongmen ชะโงกดูวิวที่ ตึกไทเป 101 กินของอร่อยที่ตลาดกลางคืน สักการะวัด longshan ศึกษาประวัติศาสตรที่พิพิธภัณฑ์ท่านเจียงไคเช็ก อ่านหนังสือ ณ ร้านหนังสือ Eslite และอีกหลายสิบที่ มีเรื่องอยากแบ่งปันมากมาย ซึ่งก็จะเล่าให้ฟังในหน้าถัดๆไป

    เราได้ค้นพบว่า ไต้หวัน

    >คนไท(ย)เป ใจดี คนไ(ใ)ต้หวัน ใจดี

     ตอนที่เด็กโง่ 9 คน หลงทาง ก็มีคุณป้าปริศนาเดินมาถามว่าจะไปไหนแล้วก็ชี้ทางให้ มีเหตุการณ์ เช่นนี้หลายครั้งมาก เช่น จะซื้อกระดาษชำระ ซื้อไม่ได้ คุณลุงทำความสะอาดลึกลับก็หยอดเงินตัวเอง ซื้อกระดาษยื่นให้แล้วเดินจากไป แหม เป็นคนจีนที่น่ารักจริงๆ ไต้หวันดีกับฉันมาก

    > sex toy strong มาก

    เที่ยวที่นั่นเจอร้าน sex toy มากมาย หนุ่มๆในทริปตื่นเต้นกันใหญ่ แต่สาวๆนี่สิอายม้วน แต่เลิกอายพอเห็น สาวน้อยชาวไต้หวันเดินเข้าร้านไปอย่างมั่นหน้า เลือกของอย่างจริงจัง เหมือนพวกเราเลือกของทำงานประดิษฐ์ส่งครู  พวกเราเลยเดินตามไปเลือกบ้าง

    >ชีวิตที่นี่ slowlife นะจ่ะ

    อาจเป็นเพราะพวกเราไม่เจอชั่วโมงเร่งด่วนของชาวไทเปเท่าไร แต่เราก็สังเกตว่าคนที่นั่นจะนิ่งๆ ค่อยเดิน จูงน้องหมามีชาติตระกูล ขี่จักรยานออกกำลังกายตอนเย็น ถนนก็คนน้อยๆ อากาศเย็นๆ ถ่ายรูปแล้ว #slowlifeintaipei กันได้เลย


     



  • ก่อนจะถึงไทเป ทุกคนต้องขึ้นเครื่องบินก่อน

    ตอนขึ้นเครื่อง เพื่อนเราชื่อพี่พศ หูอื้อประกอบกับตื่นเต้นเลยตะโกนไม่หยุด ส่วนอีกคน คือจั๊ม หรือ ลุงจั๊มศึกษามาอย่างดีว่า เคี้ยวหมากฝรั่งตอนขึ้นเครื่องช่วยได้เลยเคี้ยวตั้งแต่เครื่องขึ้น เครื่องบิน 3 ชั่วโมง จนเครื่องลงถึงไทเป สุดท้ายลุงจั๊มหูไม่อื้อแต่ปวดกราม

    คืนแรกพวกเรานอนกันที่สนามบิน ทานอาหารจากร้านสะดวกซื้อ เราลองซื้อนมมะละกอมาทาน ติดใจมาก แถมทานเท่าไรก็ไม่หมด เพราะกล่องใหญ่แถมใส่เต็มกล่อง แบ่งให้เพื่อนดื่มกันทั่วหน้า

    ทุกอย่างราบรื่นมาก จนเราค้นกระเป๋าหากระเป๋าอาบน้ำแล้วหาไม่เจอ ทั้งๆที่ตอนอยู่บนเครื่องยังมี เชี่ย !กูลืมไว้ในเครื่อง!!! ป่านนี้เครื่องบินที่มีกระเป๋าอาบน้ำกูเดินทางไปประเทศไหนไม่รู้แล้ว

    เราเดินไปบอกเพื่อน เพื่อนมีความเห็นหลากหลายมาก เช่น เธอก็ใช้มือถูแทนแปรงสีฟันแล้วนอนไปก่อน หรือ ปีนี้ชงใช่มั้ย

    สุดท้ายเรากับเพื่อนสนิท จูเนียร์ เลยเดินไปหาที่เคาเตอร์สายการบิน พี่สาวที่เคาเตอร์เลยต่อสาย tiger air ที่เราใช้บริการให้ มีเสียงคนแก่แจ้งว่ามีกระเป๋าสีขาวลืมไว้ ข้างในมีสมุดบันทึกเขียนว่า(ลุงพยายามอ่าน)  กานนาคิริ โตโพะไทย (kansiri Topothai) ใช่มั้ย เราตอนว่า ใช่ เราดีใจมาก แม้จริงๆเราชื่อว่า กานต์สิริ โตโพธิ์ไทย นะแต่ก็ไม่ได้คิดแก้การออกเสียงของลุงแต่อย่างไร  คุณลุงที่รับสายก็เลยเดินเอาของมาให้

    ตอนเอาของเค้าบอกว่า ให้พิสูจน์ว่าเป็นกระเป๋าเราจริง เราเลยเขียนชื่อ Kansiri Topothai ใส่กระดาษให้เขาดู คือเราต้องการบอกว่าลุงลองอ่านในสมุดสิ ชื่อเดียวกับที่กูเขียนในกระดาษเลย เหมือนกันทุกตัวอักษรเลยนะ เพราะงั้นกระเป๋าอันนั้นจึงเป็นของใครไม่ได้นอกจากกู  ลุงกับจูเนียร์ทำหน้าเซ็งมาก จูเนียร์บอกเค้าอยากได้พาสสปอต อ้าว หรอ

    พอได้ของคืน เราก็กลับไปแปรงฟันและเข้านอนอย่างมีความสุข ขอบคุณคุณลุงกับพี่สาวเคาเตอร์ที่ใจดี แม้ปีนี้เราจะชงก็ตามแต่เราก็ยังไม่โชคร้ายในไต้หวัน




  • วันแรก

    วันนี้เราจะได้เที่ยวกันจริงๆซักที  เราจะนั่งรถไป sun moon lake ทะเลสาบน้ำใสที่มีภูเขารายล้อม เราเดินทางโดยนั่งรถ shuttle bus  THSR ไปลง THSR Taichung แล้วไปลงที่ทะเลสาบ sun moon lake จากสนามบินถึงที่นั่นก็ประมาณ สิบโมง พอดี

    พวกเราไปเช่าจักรยานปั่นรอบทะเลสาบ ป้าที่เช่าจักรยานเสียงดังและhard sellมาก ป้าชอบเรียนรู้ภาษาไทย พวกเราเลยสอนภาษาไทยให้ป้าไป 3 คำ คือ สวัสดีค่ะ  หัวหน้าทัวส์ และ ขอให้รวยนะคะ   

    sun moon lake หรือ ทะเลสาบสุริยัน จันทรา จะมีเกาะเล็กๆตรงกลาง ชื่อ กวง หวา เต่า ทางตอนเหนือของทะเลสาบจะมีรูปร่างคล้ายพระอาทิตย์ ส่วนตอนใต้จะเหมือนพระจันทร์ ที่นี่น้ำใสมาก แถมมีกิจกรรมหลากหลายทั้ง ไหว้พระ ปั่นจักรยาน นั่งเคเบิลคาร์ คนไต้หวันชอบมาฮันนีมูนกัน เราปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ อากาศเย็นดีมาก วิวก็สวย ตอนปั่นเราก็รู้สึกว่าช่างเป็นปิดเทอมที่ดีจริงๆ

    ปั่นพอได้เหงื่อเราก็นั่งเรือไปที่ต่างๆ เราอยากไป matchmaker tample จะได้มีแฟนแล้วพอมาฮันนีมูนที่นี่ซักที แต่ทุกคนบอกว่าไปเคเบิลคาร์กับวัดกวนอูดีกว่าฝน อุตส่าห์รวมในตั๋ว เราเลยไปนั่งเคเบิลคาร์ ขึ้นไปบนสุดของเคเบิลคาร์จะเป็น หมู่บ้านวัฒนธรรมเก้าเผ่า กับของที่ระลึกขาย มีสวนสนุกในนั่นด้วย แต่เราไม่ได้เข้าไปกัน ได้แต่เดินด่อมๆมองๆ

    สุดท้ายคือวัดกวนอู เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้ากวนอู คนที่นี่เขานับถือกัน  ข้างๆมีสิงโต 2 ตัว น่ารักดี พร บอกว่าตัวละ 1 ล้านเหรียญเลยนะฝน ถ่ายรูปใกล้ๆอย่าไปทำพังล่ะ

    จบวันทุกคนมานั่งทาน ข้าวยัดไก่ที่ริมทะเลสาบ มันเป็นข้าวใส่ลงไปในไก่ ปรุงด้วยเครื่องปรุง ถ้ากัดโดนทั้งไก่ทั้งไส้แล้วอร่อยมาก ทุกคนเถียงกันใหญ่ว่ามันคือ ไก่ยัดข้าว หรือข้าวยัดไก่

       

  • วันที่สอง

    เราเริ่มต้นวันด้วยพื้นที่เปียกปอนจากน้ำค้างเมื่อคืน สาวๆลงมาทานข้าวรอหนุ่มๆ  ร่ำลาเจ้าของที่พักพร้อมกับขอโทษที่เมื่อคืนเล่นไพ่เสียงดังไปหน่อย  เจ้าของบอกให้พวกเรานั่งรถไฟสาย 6670 เพื่อไปลง THSR Taichung แล้วต่อ Taipei main station

    เราขึ้นรถไฟที่สะอาดเรียบร้อย มีที่วางกระเป๋าเดินทางให้พร้อมสรรพ เห็นแล้วก็สงสัยว่าเมื่อไรเมืองไทยจะพัฒนาได้เท่าซะที 

    วันนี้เราจะไปเดินย่าน Dongmen กัน ย่านนี้เป็นซอยที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายของกระจุกกระจิก  ปิดท้ายซอยด้วยสนามเด็กเล่น เป็นการผสมผสานที่น่าสนใจมาก เหมือนถนนช๊อปปิ้งมันผสานรวมกับชุมชนท้องถิ่นจนแยกไม่ออกเลย  แตงกวา เรียนเอกด้านเซรามิก เลยชวนทุกคนตามหาร้านเซรามิก ปรากฎว่าเจอร้านเซรามิกเยอะมาก นอกจากนี้ยังมีร้านกระดาษ ร้านเบเกอร์รี่ และร้านอาหารจีน

    แวะชิมแวะช้อปไปเรื่อยๆ ขอบอกว่าอาหารอร่อยมากไม่จัดจ้านเหมือนอาหารไทยและไม่จืดชืดเหมือนอาหารจีน  

    ร้านกระดาษชื่อ Pimmo มีเปเปอร์แล็บอยู่ใต้ดิน ภายในร้านมองไปทางไหนก็เห็นแต่กระดาษจริงๆ ทางร้านมีบริการสมุดทำมือ ให้เลือกกระดาษ และเลือกการเย็บเล่มเองด้วย 

  • เราทำเวลากับดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เพื่อไปต่อที่พิพิธภัณฑ์เจียงไคเช็ก เมื่อก้าวขึ้นจาก รถไฟฟ้าใต้ดิน เราก็เห็นสนามขนาดใหญ่โอบด้วยประตูสูง บรรจบกับอาคารที่ตั้งของรูปปั้นท่านเจียงไคเช็ก ประธานาธิบดีคนแรกของจีน 
    ทั้งหมดนี้อยู่ในสเกลใหญ่แบบใหญ่มาก  ประกาศความยิ่งใหญ่ของชาติจริงๆ แถมตอนที่ไปยังมีซุ้มการ์ตูน frozen มาตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ นี่ก็เป็นอีกการผสมผสานที่น่าสนใจ 

    เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังแซงหน้าพวกเราไป
    เราก็รีบมาที่ Xiangshan หรือภูเขาช้าง เขาว่ากันว่าขึ้นมาจนสุดจะเห็นตึก ไทเป 101
    ขอบอกว่าทางขึ้นนี่ชันเอาเรื่องเลยนะ มีจุดพักอยู่หลายจุดเหมือนการเดินจะไม่ถึงยอดสักที 
    แต่วิวบนยอดเขาก็สวยงามเกินคุ้มทุกหยาดเหงื่อ  

    เราชอบที่ไทเปมีเมืองหลวงที่มียอดเขาอยู่มาก เห็นการทอดตัวของเมืองข้างภูเขาสีเขียว และที่โดดเด่นสวยงามมากคือตึกไทเป 101 ตึกสูงเทียมฟ้า 
    มนุษย์เรามีความทะเยอทะยานในการเอาชนะอุปสรรคธรรมชาติเสมอมา 
    เราทันเห็นพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดเขาพอดี 

    พระอาทิตย์ค่อยๆเลื่อนลับ ไปกับเมฆและขอบฟ้า ทิ้งไว้แต่แสงสีชมพูเรื่อยๆฟ้ามืดลงโดยที่เราเองไม่รู้ตัว 

  • วันที่ 3
    วันนี้ โบอาสเพื่อนชาวไต้หวันจะมาหา
    โบอาสจะพาไปทานอาหารเช้าแบบไต้หวัน เป็นร้านที่ได้ขนานนามว่าราชาน้ำเต้าหู้เลยนะเออ
    เราลงที่สถานี Yuanshan เดินไปสักพักก็เจอ ร้านอาหารว่างที่ตามหา
    เราทานติ่มซำ กับน้ำเต้าหู้โดยมีโบอาสเป็นล่าม เราคุยกันไปกันมาก็รู้ว่าวันนี้โบอาสมีเรียนแต่โดดเล็กเชอร์ตอนเช้ามาหาพวกเรา แล้วต้องรีบกลับไปก่อนสิบโมงเพื่อเรียนปฎิบัติการต่อ แถมพรุ่งนี้ยังมีสอบ

    ปลื้มปริ่ม เธอยังอุตส่าห์โดดเรียนมาดูแลพวกเรา ดูแลเด็กจากประเทศโลกที่สาม

    เราทานเสร็จ โบอาสก็ออกค่าอาหารเช้าให้ทุกคน พอเราประทวงโบอาสก็บอกว่า ผมจะไม่ยอมบอกค่าใช้จ่ายเพราะฉะนั้นถึงพวกคุณอยากจ่ายก็จ่ายไม่ได้

    เราขอบคุณแล้วขอบคุณอีก แล้วก็ไปส่งโบอาสที่มหาวิทยาลัย เราบอกหนุ่มน้อยชาวไต้หวันว่า ถ้ามาเมืองไทยเราทั้ง 9 คนขอเลี้ยงคนละมื้อนะ เพราะงั้นอย่าลืมมาเที่ยวเมืองไทยจะได้กินฟรี 9 มื้อแหน่ะ

    วันนี้เราจะไปพิพิธภัณฑ์ Fine art museum  มีงานศิลปะของศิลปินไต้หวัน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่อง animal farm เราเคยอ่านนิดหน่อย เป็นนิยายแฝงนัยการเมืองเกี่ยวกับสัตว์ในฟาร์มมายึดอำนาจคน ตอนแรกหมูตัวหนึ่งมีอำนาจหลัก ก่อนที่จะโดนหมูอีกตัวที่เคยเป็นเพื่อนกันใส่ร้ายแล้วยึดอำนาจแทน ดราม่าดี ภาพสัตว์สวย อาร์ท นอกจาก animal farm ยังมีนิทรรศการสี และ ภาพถ่ายด้วย

    จากนั้นเราก็ไปที่ร้านหนังสือ Eslite สาขาแรก ร้านหนังสือที่นี่ปิดเท่าเวลาผับที่เมืองไทยเลย บางร้านก็เปิด 24 ชั่วโมง คนเต็มร้านตลอดเวลาเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้โดยแท้ สาขานี้เป็นสาขาเล็กๆ มีหนังสือไทยและเทศ แถมยังมีซีดีและของน่ารักขาย แค่เดินดูก็เพลินแล้ว

  •      ตกดึกๆ พวกเราก็ไปตลาดกลางคืน ไต้หวันนี่มีตลาดกลางคืนหลายที่มาก วันนี้เราจะไป shillin night marketเราแวะร้านน้ำแข็งไสที่มีคนเยอะเหมือนม็อบลง เนื่องจากอ่านจีนไม่ออกและโบอาสคงกำลังอ่านหนังสือสอบอยู่ เราเลยใช้นิ้วชี้สั่งอย่างเดียว ได้ขนมหวานแก้วใหญ่ด้วยพลังดัชนี
    night market อาหารหลากหลายมากมาย เสื้อผ้าก็ราคารับได้และดูดี เราทานไข่นกกกระทาเสียบไม้ ทาร์ตไข่ เนื้อวัวเผาไฟยี่ห้อลูกเต่า เราชอบอันนี้มาก มีหอยสังค์ทอดด้วย

    หลังจากกินเสร็จ ก็ไปเจอร้านงานวัดปาเกมส์ลูกโป่ง พี่พศเจ้าพ่อเล่นเกมส์ทุกร้านก็จัดไปเลย ได้3จาก6ลูก และก็ได้รางวัลเป็น กิ๊บต้นพืช...แล้วหลังจากนั้นก็มีคนปาได้4ลูก แล้วได้ตุ๊กตาปิกกาจู เฮ พี่พศพยายามจะไปขอเปลี่ยนของรางวัล แต่แตงกวาชอบกิ๊บมาก พี่พศเลยยอม อาจจะเพราะแตงกวารีเลทความเป็นพืชกับกิ๊บได้ก็เป็นได้(100 กว่า -ค่าเล่นเกมส์, 20กว่า -มูลค่ากิ๊บต้นพืช)

  • วันที่ 4
    วันนี้ไปทำบุญกันที่ longshan temple คนเต็มไปหมด คนไต้หวันนี่มีศรัทธาแรงกล้า เราประทับใจมาก
    วัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุด มีคนเข้ามาสักการะเรื่อยๆ แถมงานสถาปัตยกรรมก็ละเอียดยิบ

    แล้วเราก็ไปกินชานมไข่มุกเจ้าแรกเจ้าดัง สถานที่อยู่ในห้าง ในชั้นเสื้อผ้าหายากมาก แก้วเล็ก80 แก้วใหญ่150 ไข่มุกเยอะมาก ดูดแล้วเหมือนถูกกระสุนไข่มุกยิงลงคอ ต้องเคี้ยวแบบจริงจังสักพักก่อนดูดต่อ ปริมาณแก้วใหญ่คืออิ่มเกือบจะเป็นมื้ออาหารได้

    แล้วเราก็นั่งรถไฟฟ้าไปสถานีNangangที่มีภาพวาดของJimmy Liao คือ น่ารักมากๆ จำได้ว่าอ่านเรื่อง the moon forget กับ turn left, turn right ตอนเด็กๆ 

    เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเด็กชายที่เก็บดวงจันทร์ได้ อีกเรื่องเป็นผู้หญิงผู้ชายที่อยู่ข้างๆกัน แต่เลี้ยวกันคนละทางไม่เจอกันสักที เราชอบJimmy Liao


  • วันที่ 5
    เราเดินทางไปJuifen รถทัวร์วิ่งขึ้นเขา ทางเลี้ยวโค้งโหดมาก ลงจากรถมาก็เจอหมอกหนามาก อากาศเย็น และละอองฝนปรอยๆ เหมือน อยู่ในเพลงหมอกและควันของพี่เบิร์ด คือหมอกมันหนามาก มองลงจากเขาคือไม่เห็นอะไรเลย ถ้ากลับไปแล้วเพื่อนถามว่าJuifenเป็นยังไงนี่พวกเราจะตอบว่า "เราไม่รู้อะแก" เราเดินขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นตลาดคนเดินบนเนิน ห้อมล้อมด้วยโคมแดง กินไปเรื่อยๆ ของแพงนิดหนึ่ง เราได้ทานเต้าหู้เหม็นที่นี่แหละ

    Juifen แปลว่า เก้าชุด เพราะเมื่อก่อนที่นี่มีกันเก้าครอบครัว เวลาครอบครัวไหนจะลงเขา ก็จะถามครอบครัวอื่นแล้วซื้อตามกัน เวลาลงไปเหมาของกับคนขายข้างล่างก็จะสั่งว่า ขอเก้าชุดนะคะ/ครับ เช่น ขอชุดอาบน้ำเก้าชุดค่ะ ขอชาเขียวอิชิตันเก้าขวดครับ

    นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นเหมืองทองและฉากของการ์ตูน spirit away ด้วย

    หลังจากเดินหลงไปมาผ่านโรงเรียนประถม เจอแมวน้อยในสายหมอก เจอร้านหน้ากากปีศาจเราก็เจอฉากในหนัง spirit away  มีคนปริ้นรูปการ์ตูนมาถ่ายด้วยน่ารักมากๆ

    ตอนกลับฝนตกหนัก เจอทั้งลมทั้งหมอกทั้งฝนทั้งพายุ นักท่องเที่ยวเฮกระจุกมาที่รถบัส รถแท็กซี่มาถามว่ากลับกับเขามั้ย 180 NTD เอง มายด์ บอกว่าไม่ too expensive ทันใดนั้น มายด์ก็เห็นแก๊งส์หนุ่มหล่อกำลังขึ้นรถบัสที่ไม่มีใครขึ้น มายด์เลยวิ่งไปถาม ได้ความว่าบัสนี้ก็กลับไทเปได้เหมือนกัน เราเลยรีบตามหนุ่มไป

    ระหว่างทางมายด์คุยกับหนุ่มหล่ออยากออกรถ ได้ความว่าเขาเป็นคนฮ่องกงมาเที่ยวเหมือนกัน สุดท้ายมายด์แลกเฟส ถ่ายรูปกับเค้าเป็นที่ระลึกเรียบร้อยโรงเรียนจีน


       

  •     กลับมาจาก Juifen เราก็กลับที่พักมาเก็บของเพื่ออำลาไต้หวัน  ตอนนั่งเครื่องบินกลับก็รู้สึกคิดถึงประเทศนี้ซะแล้ว ประเทศนี้น่ารักมากๆ บางคนอาจจะรู้สึกว่าไม่มีอะไร แต่จากการที่ได้มาอยู่ที่ประเทศนี้ตลอด 5 วัน ประเทศไต้หวันทำให้ทริปนี้สนุกมาก  คนน่ารัก ที่เที่ยวมีเอกลักษณ์ บรรยากาศก็สบาย

    ได้เจอเพื่อนเก่า ได้เที่ยวกับเพื่อน ได้ทำกิจกรรมมากมายและที่เที่ยวหลากหลาย

    ตอนกลับที่สนามบินมีคนแต่งตัวเป็นซานต้ามอบคุ๊กกี้ทำนายให้ด้วย

    คำทำนายเขียนว่า

    The real voyage of discovery consists not to seeking new landscapes but in having new eyes

    แปลกันเองได้ว่า การเดินทางที่แท้จริงไม่ใช่แค่เจอที่ใหม่ๆ แต่คือการได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ

    ขอบคุณไต้หวันสำหรับโลกทัศน์ใหม่ๆค่ะ

    แล้วเจอกันใหม่

      

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in