เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Even In ArcadiaApril
Track 5
  • สวัสดีค่า! น้ำหอมเอง :D 

    แปลเพลงงานแรกก็หยิบเพลงที่สุดจะเศร้าใจขึ้นมาแปล 5555 จริงๆมีแพลนอยากจะทำเพลงของ Sleep Tokenมานานแล้วเพราะเราชอบการเรียบเรียงเนื้อเพลงของเวสเซลมากๆ แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะมันยากมากจริงๆขนาดเพลงนี้ค่อนข้างตรงไปตรงมา ห่างจาก Loreกับเพลงอื่นๆมาก ยังมีอะไรให้เราได้คิดได้ตีความอยู่พอสมควร

    เนื้อเพลงค่อนข้างพูดถึงความรู้สึกหลังจาก Sleep Token ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นในไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั้งดราม่า การถูกโจมตีต่างๆนาๆและชัดเจนว่าเล่าด้วยมุมมองของคนหลังหน้ากากเวสเซล  เพราะฉะนั้นเตรียมทิชชู่เอาไว้ แล้วมาเจ็บปวดไปพร้อมๆกันนะคะ Y_Y

     

    ****ทั้งหมดนี้เป็นการตีความและใส่ความรู้สึกส่วนตัวของเราลงไปด้วยและเพื่ออรรถสและการเล่าเรื่อง ความหมายอาจไม่ตรงกับเนื้อหาตรงตัวทั้งหมดนะคะ 


    และแม้ว่าจะเป็นท่อนซ้ำเราก็พยายามตีความให้ต่างออกไป เลยอยากให้ลองไล่อ่านทุกท่อนจริงๆค่ะ

     

    ถ้าติดขัดท่อนไหนสามารถทักท้วงได้เสมอไม่มีผิดถูก พูดคุยกันฮะ :D


     


    Even In Arcadia: Track 5

    Caramel by Sleep Token 


    Lyrics: Vessel1
    Composer: Vessel1, Vessel2

     

     

     

    [Verse 1]

    Count me out like sovereigns, payback for the good times

    ถูกทิ้งเหมือนพันธบัตรที่หมดอายุ เพื่อชดใช้กับช่วงเวลาดีๆที่ผ่านมา

    Right foot in the roses, left foot on a landmine

    ทุ่งกุหลาบบานสะพรั่ง แม้ว่ามันจะสวยงาม แต่ใต้นั้นยังคงมีกับระเบิดรอผมอยู่

    I'm not gonna be there tripping on the grapevine

    ผมจะไม่ยอมปล่อยให้คำพูดของคนอื่นทำให้สะดุดล้มอีก

    They can sing the words while I cry into the bassline

    พวกเขายังสามารถสนุกไปกับท่วงทำนอง ในขณะที่ผมร้องไห้ไปกับจังหวะเบสที่สั่นสะเทือนใจ


    Wear me out like Prada, devil in my detail

    สวมใส่หน้ากากจนเริ่มสูญเสียความเป็นตัวเอง และยังถูกจับผิดอยู่เสมอ

    I swear it's getting harder even just to exhale

    สาบานได้เลยว่ามันเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งจะหายใจยังทำไม่ได้

    Backed up into corners, bitter in the lens

    ถูกขุดคุ้ยจนหมดเปลือก คุณเห็นความขมขื่นของผมผ่านเลนส์กล้องพวกนั้นบ้างไหม

    I'm sick of trying to hide it every time thеy take mine

    ผมเบื่อเหลือเกินที่ต้องพยายามหลบซ่อนทุกครั้งที่พวกเขาเอาความเป็นส่วนตัวของผมไป



    [Chorus]

    So stick to me, Stick to me like caramel

    ช่วยอยู่กับผมได้ไหม? อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป เหมือนคาราเมลที่เหนียวแน่น

    Walk beside me till you feel nothing as well

    จับมือผมไว้ เราจะเผชิญมันไปด้วยกัน จนกว่ามันจะไม่มีความเจ็บปวดพวกนี้อีก

     


    [Verse 2]

    They ask me, "Is it going good in the garden?"

    พวกเขาถามผมว่า ช่วงนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ดีไหม?

    Say, "I'm lost, but I beg no pardon"

    ผมตอบไปว่า ผมหลงทาง แต่ไม่ได้ขอให้ใครมาช่วย

    Up on the dice but low on the cards

    โชคไม่ได้เข้าข้างผมเสมอไปอย่างที่เห็นหรอก

    I try not to talk about how it's harder now

    ไม่อยากจะพูดเท่าไหร่ว่ามันตอนนี้มันลำบากแค่ไหน


    Can I get a mirror side-stage?

    ขอกระจกหน่อยสิ

    Looking sideways at my own visage, getting worse

    สะท้อนตัวตนให้เห็นจากข้างเวที แต่ยิ่งมองก็ยิ่งเลือนลาง... ราวกับว่ามันกำลังหายไปทีละนิด

    Every time they try to shout my real name just to get a rise from me

    ทุกครั้งที่พวกเขาตะโกนชื่อจริงของผม เพื่อเรียกร้องความสนใจ

    Acting like I'm never stressed out by the hearsay

    ทำเหมือนผมไม่รู้สึกอะไร จากคำพูดที่พูดถึงกันไปต่างๆนานา

    I guess that's what I get for trying to hide in the limelight

    ก็คงจะเป็นผลที่ต้องยอมรับ จากความพยายามหลบซ่อนอยู่หลังหน้ากาก

    Guess that's what I get for having 20/20 hindsight

    ก็คงเป็นสิ่งที่ผมสมควรได้รับ ทั้งที่พยายามเข้าใจความต้องการของทุกคน รวมถึงตัวเอง

    Everybody wants eyes on 'em, I just wanna hear you sing that top line

    ทุกคนต้องการให้ผมสนใจพวกเขา  แต่สำหรับผม
    ผมแค่อยากได้ยินเสียงพวกคุณร้องเพลงท่อนนั้นพร้อมกันอีกครั้ง
    ..

     

     

    [Pre-Chorus]

    And if you don't think I mean it, then I understand

    ถ้าคุณไม่คิดว่าผมหมายความแบบนั้นจริงๆ ผมก็เข้าใจ

    But I'm still glad you came, so let me see those hands

    แต่ผมก็ดีใจนะที่พวกคุณยังอยู่กับผม เพราะงั้น ชูมือขึ้นสุดแขนให้ผมเห็นหน่อยได้ไหม

     

     

    [Chorus]

    So stick to me, Stick to me like caramel

    อยู่กับผมนะ อยู่เคียงข้างกันให้เหนียวแน่นเหมือนคาราเมล

    Walk be side me till you feel nothing as well

    เดินไปด้วยกัน ช่วยเยียวยาจนกว่าความเจ็บปวดของเราจะค่อย ๆ สลายไป

    I'm falling free of the final parallel

    หลุดพ้นจากทุกพันธนาการที่เคยผูกมัด

    The sweetest dreams are bitter

    แม้ความฝันแสนงดงามจะมีรสขม แต่สำหรับผม มันก็ยังหอมหวานราวกับคาราเมล

    But there's noone left to tell

    และตอนนี้ไม่มีใครเหลืออยู่ให้เล่าเรื่องพวกนี้แล้ว

     


    [Bridge]

    Too young to get bitter over it all

    ยังเด็กเกินไปที่จะรู้สึกเศร้าหมองกับทุกอย่างในชีวิต

    Too old to retaliate like before

    แต่ก็เลยวัยที่จะตอบโต้ทุกอย่างเหมือนแต่ก่อน

    Too blessed to be caught ungrateful, I know

    ได้รักความรักจากพวกคุณมากมายเกินกว่าจะรู้สึกไม่ยินดีกับมัน ผมเข้าใจดี

    So I'll keep dancing along to the rhythm

    เพราะงั้นผมจะยังคงเต้นไปตามจังหวะของชีวิตต่อไป

    This stage is a prison, a beautiful nightmare
    (Too young to get bitter over it all)

    ชีวิตบนเวทีเหมือนกับคุก  เป็นฝันร้ายที่แสนงดงาม
    (เขาบอกว่าผมอายุน้อยเกินกว่าจะจมอยู่กับความเศร้า)

    A war of attrition, I'll take what I'm given 
    (Too old to retaliate like before)

    การต่อสู้ที่ไม่มีวันจบ  จนกว่าจะใครสักคนจะตายไปข้าง
    (อายุที่มากขึ้นสอนให้ผมนิ่งและเงียบ เพราะการโต้ตอบมันคงไม่ช่วยอะไร)

    The deepest incisions, I thought I got better
    (Too blessed to be caught ungrateful, I know)

    รอยกรีดลึกที่เคยทำให้เจ็บปวด สมานไปตามเวลา ผมคิดว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว
    (ผมควรจะรู้สึกยินดีกับความรักจากพวกคุณ, ใช่)


    But may be I didn't

    แต่บางที ผมอาจจะยังไม่เคยดีขึ้นเลย

     

    (In these days of days)
    Tell me, did I give you what you came for?

    (ในวันที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด)
    บอกหน่อยสิว่า คุณได้สิ่งที่คุณต้องการจากผมไปมากพอแล้วหรือยัง?

    (I wish it all away)
    Terrified to answer my own front door

    (ผมภาวนาให้ชื่อเสียงเงินทองพวกนี้มันหายไป)
    กลัวจะต้องเผชิญกับสิ่งที่อยู่ด้านหลังประตูนั่น ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม

    (I thought things had changed)
    Missing my wings in a realm of angels

    (ผมเคยคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น)
    ปีกของผมมันหายไปแล้ว ผมถูกเนรเทศจากสวรรค์


    (But everything's the same)

    (แต่สุดท้าย ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม)

     

      

    [Outro]

    So I'll keep dancin' along to the rhythm

    เพราะฉะนั้นผมจะยังคงขึ้นแสดงต่อไป  แม้ว่ามันจะทำให้ผมเจ็บปวด

    This stage is aprison, a beautiful nightmare

    เวทีนี้มันเหมือนคุกที่ผมไม่สามารถหนีไปได้  มันคือฝันร้ายที่ยังคงงดงาม

    A war of attrition, I'll take what I'm given

    การต่อสู้ที่ไม่จบสิ้น  ผมต้องทนรับทุกสิ่งที่ถูกมอบให้

    The deepest incisions, I thought I got better

    รอยแผลที่ลึกที่สุด มันจบลงไปแล้ว  ผมเคยคิดว่าผมดีขึ้น แต่ไม่

     

    But maybe I didn't

    ผมไม่เคยดีขึ้นเลย  





    .

    .


    หมดยังค้า ทิชชู่ววววว ฮืออๆๆๆๆ 555555 เจ็บมากกก เป็นภาษาไทยยิ่งเจ็บอะ โอเค จริงๆ ยังมีต่ออีกหน่อยสำหรับใครที่ชอบอ่านการวิเคราะห์ เรามีบางสิ่งที่อยากจะอธิบายเพิ่มเติม แต่เดี๋ยวอาจจะทำเป็น chapter ถัดไป หรือเขียนเพิ่มในทวิต 


    ไว้เจอกันใหม่นะคะ 
    Worship.



    มีทฤษฎีหนึ่งในทวิตเตอร์ ที่เราชอบมากเกี่ยวกับการใช้คาลิมบาในเพลง — เสียงของมันคล้ายกับกล่องดนตรีที่มีตุ๊กตาหมุนอยู่ข้างใน สอดคล้องกับเนื้อเพลงที่บอกว่า "ยังไงก็จะเต้นตามจังหวะไปเรื่อยๆ" และชื่อเว็บอัลบั้ม Arcadia ที่กล่าวว่า Show me how to dance forever 

    "โชว์ให้ดูหน่อยว่าฉันจะเต้นตลอดไปได้ยังไง"

    มันให้ความรู้สึกเหมือนเวสเซลกำลังบอกว่า สิ่งที่เขาทำอยู่ตรงนี้…บางทีเขาอาจจะไม่ได้มีความสุขกับมันทั้งหมด มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เป็นบทบาทที่เขาต้องแสดงออกมา เขาจำเป็นต้องร้อง จำเป็นต้องเต้นไปตามจังหวะเพลงของตัวเอง—

    เหมือนกับตุ๊กตาที่หมุนไปตามกลไกของกล่องดนตรี 
    ไม่ว่าเราจะไขลานมันสักกี่ครั้ง มันก็จะหมุนไปเรื่อยๆ…ไม่ใช่เพราะมันอยากเต้น 

    แต่เพราะมันถูกสร้างมาให้เป็นแบบนั้น



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in