รีวิวเว้ย (1828) หลายปีมานี้หากใครตามข่าววงการพระเครื่อง เครื่องรางของขลังและวงการมูเตลู จะพบว่าวงการเหล่านี้ขยายตัวขึ้นอย่างมากทั้งในเรื่องของกลุ่มคนที่เข้ามาสู่วงการและการขยายตัวออกไปสู่วัตถุสิ่งของอื่น ๆ ที่เกิดการ collaborations (collabs) ข้ามวงการระหว่างชุดความเชื่อของสังคมแบบเดิมผนวกรวมเข้ากับวัฒนธรรมประชานิยม (popular culture หรือ pop culture) กระทั่งออกมาเป็นเทพอาร์ตทอย เครื่องรางวัตถุมงคลแบบน่ารัก ๆ หรือกระทั่งการลดทอนรูปลักษณ์บางประการไปสู่ความเป็นสมัยนิยมแบบง่ายแต่งาม การผนวกรวมและการประสานกันระหว่างชุดความเชื่อดั้งเดิมของสังคมและวัฒนธรรมใหม่ที่สอดรับกับยุคสมัย ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาการเข้ามาของศาสนาและวัฒนธรรมต่าง ๆ ล้วนแต่ถูกผนวก ปรับและเปลี่ยนให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมสยาม-ไทย ได้อย่างลงตัว

หนังสือ : ภารตะ-สยาม มูฯ ไทย ไสยฯ อินเดีย
โดย : คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง
จำนวน : 272 หน้า
.
"ภารตะ-สยาม มูฯ ไทย ไสยฯ อินเดีย" หนังสือชุด "ภารตะ-สยาม" เล่มที่ 3 ของชุดหนังสือ และเป็นผลงานเล่มสุดท้ายที่ อ.ตุล ฝากไว้ให้กับผู้อ่านและสังคมไทย เพราะหนังสือ "ภารตะ-สยาม มูฯ ไทย ไสยฯ อินเดีย" อยู่ในขั้นตอนการจัดทำต้นฉบับก่อนที่ อ.ตุล จะจากโลกนี้ไป ซึ่งแปลว่าหนังสือเล่มนี้เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่ อ.ตุล ตั้งใจออกแบบและวางโครงของเนื้อหาเอาไว้ก่อนหน้า และถูกนำมาสานต่อให้เรียบร้อยโดยเหล่ามิตรสหายของ อ.ตุล
.
"ภารตะ-สยาม มูฯ ไทย ไสยฯ อินเดีย" หนังสือรวมบทความ 28 ชิ้น จากข้อเขียนประจำสัปดาห์ที่ อ.ตุล เขียนให้กับมติชนสุดสัปดาห์ โดยในการจัดวางเรื่องราวและเรื่องเล่าของ "ภารตะ-สยาม มูฯ ไทย ไสยฯ อินเดีย" คือ การมุ่งนำเสนอเรื่องราวของ ไสยศาสตร์ วัฒนธรรมการมูเตลู ที่เข้ามาสู่สยาม-ไทย จากครั้งอดีตกระทั่งถึงปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งการพาผู้อ่านไปย้อนทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ถูกเรียกว่า "ไสยศาสตร์" การเปลี่ยนและปรับตัวของแนวคิดดังกล่าวในสังคมสยาม-ไทย จากครั้งอดีตกระทั่งในสมัยปัจจุบัน นอกจากนั้น อ.ตุล ยังชวนให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจถึงอาร์ตทอย พระแม่ลักษมี พระตรีมูรติ ครูกายแก้ว เรื่องราวของผู้วิเศษเด็ก และอื่น ๆ ที่เรียกได้ว่าเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดใน "ภารตะ-สยาม มูฯ ไทย ไสยฯ อินเดีย" ทั้ง 28 บทความ คือ เรื่องราวอันใกล้ที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ และเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถามและให้ความสำคัญในสังคมไทย
.
โดยที่ "ภารตะ-สยาม มูฯ ไทย ไสยฯ อินเดีย" แบ่งการเล่าเรื่องของหนังสือออกเป็น 3 ภาค ดังนี้
.
ภาคแรก ทะลวงมู ทะลุไสยฯ เข้าใจหลากมุม จำนวน 10 บทความ
.
ภาคสอง ชวนส่องปรากฏการณ์ มูไทย ไสยฯอินเดีย จำนวน 18 บทความ
.
ภาคสุดท้าย บทระลึกถึง คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ข้อเขียนพิเศษ 2 ชิ้นที่เขียนถึง อ.ตุล อันประกอบไปด้วย (1) คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง: เส้นทางบรรจบกันของพหุนิยมทางศรัทธากับสัจนิยมทางปัญญา โดย พิพัฒน์ สุยะ และ (2) บทส่งท้าย: มรดกทางความคิดของพี่ตุล โดย กิตติศักดิ์ โถวสมบัติ
.
"ภารตะ-สยาม มูฯ ไทย ไสยฯ อินเดีย" เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของ อ.ตุล ที่เกิดขึ้นจากการคิดและร้อยเรียงเรื่องราวเพื่อตอบโจทย์และให้ปัญญาสู่สังคม เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้สังคมและคนอ่านหันกลับมามองสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างใช้สติและปัญญา โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหล่านั้นผูกโยงอยู่กับวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยมและคติบางประการของสังคม ตลอดเวลาที่ผ่านมาของหนังสือชุด "ภารตะ-สยาม ผี พราหมณ์ พุทธ" สิ่งหนึ่งที่สะท้อนและแสดงออกผ่านข้อเขียนชิ้นต่าง ๆ ของ อ.ตุล คือการกระตุ้นเตือนให้ผู้อ่านและสังคมใช้ "ปัญญา" และ "สติ" ยิ่งกับสิ่งที่สังคมเชื่อถือกระทั่งขาดการตั้งคำถามและยั้งคิด ข้อเขียนของ อ.ตุล จะเตือนผู้อ่านเสมอว่าใจเย็น ๆ และลองหาเหตุหาผลของสิ่งเหล่านั้นให้ดี ๆ อย่าเชื่อเพียงเพราะเขาเชื่อตาม ๆ กันมา คล้ายกับเตือนให้ผู้อ่านลองใช้หลักกาลามสูตรในการดำรงชีพดูเสียหน่อย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in