ปกหนังสือเล่มหนึ่งบอกว่าชีวิตเรามีแค่ 4,000 สัปดาห์
ได้เห็นครั้งแรกแอบขมวดคิ้วเล็กๆ ทำไมคนเขียนถึงใช้คำว่า "แค่" สี่พันสัปดาห์ ??
มันก็เยอะมากแล้วไม่ใช่หรอ ตั้งสี่พันสัปดาห์ จะลืมตาตื่นไปโรงเรียนเจ็ดโมงเช้า รอแม่มารับสี่โมงเย็นยังรู้สึกนานเลย
กว่าจะผ่านจันอังคารพุธไปถึงวันศุกร์
กว่าจะรอเช้าวันเสาร์เพื่อตื่นมาแย่งรีโมทกับคนในบ้าน
..มันนาน
ตอนเด็กชีวิตมีเรื่องให้รอเต็มไปหมด รอไปโรงเรียน รอพักกลางวัน รอเล่นกับเพื่อน รอปั่นจักรยาน รอดูละคร รอ รอ รอ..
ถ้าต้องรอทั้ง 4,000 สัปดาห์ โอ้โห นานมาก
แต่จู่ๆจากรอก็กลายเป็นรีบ รีบนอน รีบตื่น รีบเดินทาง รีบอ่านหนังสือ รีบหางาน
รู้ตัวอีกทีชีวิตก็ผ่านไปแล้ว 1,200 สัปดาห์
จะเป็น 1 ใน 3 อยู่แล้ว เพิ่งได้หยุดดูตัวเอง
เพิ่งจะเกิดคำถามแล้วอยากหาคำตอบตอน 25 ขวบปลายๆ
อ่านเล่มไหนเจอเล่มนั้น หนังสือพัฒนาตัวเองแทบทุกเล่มเขียนตรงกันว่าวัย 25-30 นี่แหละ
มนุษย์มักค้นหาความหมายของชีวิต เป็นวัยแห่งความสับสนอยากค้นหาตัวเอง
เออ ใช่
คงเพราะเป็นช่วงอายุที่เพิ่งได้หยุดพักหลังจากวิ่งบนลู่ที่มีคนคอยชี้มานาน
จู่ๆก็เจอทางแยกที่ต้องตัดสินใจ บางคนตัดสินใจเดินไปทางใดทางหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ
ยิ่งไม่เคยใส่ใจทางในอดีตเท่าไหร่ การตัดสินใจเลือกทางแยกตรงหน้าก็ดูจะยากขึ้นเท่านั้น
กดดันมากก็คิดมาก คิดมากก็มีคำถามมาก
ยิ่งถามก็ยิ่งมีคำตอบมาก คำตอบหนึ่งก็โยงไปอีกคำถามหนึ่ง
ฉันในวัย 25 เหมือนไม่รู้จักตัวเองเลยสักนิด
อะไรที่เคยคิดว่าชอบก็ดูเหมือนจะไม่ชอบแล้ว
อะไรที่เคยทำได้ดีก็เหมือนโลกทั้งใบตะโกนใส่หน้าว่ายังไม่ดีพอ
บางทีรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกัดกินตัวเองไปเรื่อยๆ
มีกำแพงใสกั้นตัวเองออกจากตัวเองและมันหนาขึ้นเรื่อยๆ
ยังคิดแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบว่าจริงๆแล้วฉันในวัย 25 นี้คืออะไรกันแน่
กำลังไม่พอใจในตัวเองหรือพอใจในตัวเองจนไม่อยากไขว่คว้าอะไรเพิ่มแล้ว ?
กำลังคาดหวังกับตัวเองหรือสิ้นหวังในตัวเองไปแล้ว?
ไม่มีเป้าหมายหรือทำเป้าหมายสำเร็จไปหมดแล้ว?
ถ้าชีวิตนี้มี 4,000 สัปดาห์จริง ก็คงมีอีกแค่ 2,800 สัปดาห์เหลืออยู่ข้างหน้า
หวังอย่างยิ่งว่าจะเข้าใจและถนอมตัวเองไว้อย่างดีจนกว่าเวลาที่มีจะหมดไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in