เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Review : The Fab Four - Beatles Tribute Concertอิตถี
Review : The Fab Four - Beatles Tribute Concert

  • (บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา 2737110 Music Appreciation หากมีข้อผิดพลาดประการใดอันเกิดจากความเข้าใจผิดพลาด เราต้องขออภัยด้วยนะคะ)



    the Beatles? The Fab Four?
    เราเอาน้องหมาน้องแมวมาพนันเลยก็ได้ว่า ไม่ว่าใครๆ เพียงแค่เห็นชื่อ the Beatles ก็เป็นอันต้องร้องอ๋อ! ไม่ก็พยักหน้าหงึกหงักพร้อมเสนอความเห็นว่า "ใครๆ ก็รู้จักบีทเทิลส์" อย่างแน่นอน เหมือนกันกับเรา เราเริ่มฟังเพลงของ the Beatles เป็นครั้งแรกจากนิยายเรื่องด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลายของมูราคามิ (หรือที่คนไทยเรียกกันว่าเฮียมู) เพลงแรกที่จูงมือเราเข้าไปทำความรู้จักกับ the Beatles -- วงดนตรีในตำนานจากประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นแรงบันดาลใจให้กับวงดนตรีรุ่นน้องอีกนับไม่ถ้วน -- คือเพลง Norwegian Wood (This Bird Has Flown) จากอัลบั้ม Rubber Soul นั่นเอง

    โชคดีที่มูราคามิเป็นนักเขียนที่ชื่นชอบเพลงของบีทเทิลส์มาก งานของเขาจึงพูดถึงเพลงต่างๆ ของบีทเทิลส์แทรกอยู่เป็นระยะๆ ให้เราได้ตามไปฟัง ตามไปชอบ จนเกิดเป็นไอเดียในการทำงานรีวิวคอนเสิร์ตครั้งนี้ "ไหนๆ ก็ชอบงานของมูราคามิแล้ว เขียนถึงบีทเทิลส์ดีกว่า" นี่คือความคิดแรกที่โผล่มาก่อนใครเพื่อนค่ะ


    "The Beatles เป็นวงดนตรีร็อกแอนด์โรลสัญชาติอังกฤษที่มีอิทธิพลมากที่สุด of all time และมีส่วนปฏิวัติอุตสาหกรรมดนตรีในหลายแง่มุม
    ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน -- John Lennon (นักร้องนำและมือกีต้าร์), Paul McCartney (มือเบส), Ringo Starr (มือกลอง),และ George Harrison (มือกีต้าร์)"


    สำหรับเรา The Beatles เป็นวงดนตรีที่พิเศษอย่างมาก ด้วยการสำรวจและทดลองใส่แนวดนตรีหลากหลายไปในเพลงของพวกเขา ทำให้ถึงแม้จะสถาปนาตนเองว่าเป็นวงร็อก (พูดอย่างกว้างๆ) แต่เพลงแต่ละเพลงกลับมีองค์ประกอบที่หลากหลายและแปลกใหม่จากการผสมนั่นผสมนี่ลงไปอย่างชาญฉลาด เช่น classical music, traditional pop, symphony orchestra และสุดท้ายก็ไม่วายใส่กลิ่นอายความเป็นตัววงที่แม้จะฟังครั้งแรก คนก็บอกได้ง่ายดายว่า "นี่แหละคือเพลงของบีทเทิลส์" ลงไปด้วยอีก 


    Q: เราเล่าถึงบีทเทิลส์ (อย่างคร่าวๆ) ไปแล้ว แล้ว The Fab Four ล่ะ เกี่ยวข้องกับบีทเทิลส์ยังไง

    The Fab Four เป็นวงดนตรีส่งตรงจากสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน ได้แก่ Ron McNeil, Ardy Sarraf, Gavin Pring, และ Joe Bologna ถ้าคุณถามว่า The Fab Four เป็นวงดนตรีแนวอะไร เราก็จะตอบง่ายๆ ว่า "แนวบีทเทิลส์" ซึ่งก็หมายความตามนั้นจริงๆ นะ เพราะว่าบนโลกนี้มีวงดนตรีที่เรียกว่า Tribute band อยู่ พูดง่ายๆ ก็คือวงดนตรีที่จะเล่นเพลงของวงดนตรีอีกวงที่ีมีชื่อเสียง แต่เล่นเพลงอย่างเดียวไม่พอ Tribute band จะพยายามคัดลอกสไตล์และแง่มุมต่างๆ ให้สมจริงที่สุด เช่น รูปลักษณ์ภายนอกของสมาชิกวง การแต่งกาย หรืออาจไปจนถึงสไตล์การร้องและโทนเสียงด้วย

    (แต่ Tribute band ต่างๆ ไม่ได้ก่อตั้งมาเพื่อ mock หรือมีเจตนาไม่ดีต่อวงดนตรีที่ตนเองเลียนแบบนะ เรามองว่าเป็นการเชิดชูวงดนตรีนั้นๆ มากกว่า และอีกนัยหนึ่งก็เป็นวิธีที่จะทำให้ตัววงที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมามีชื่อเสียงง่ายขึ้นด้วย)

    The Fab Four เป็นวงดนตรีที่เลียนแบบบีทเทิลส์วงหนึ่ง และได้รับการกล่าวขานว่าเป็น the best Beatles tribute ever อีกด้วย  The Fab Four ชนะรางวัล the Emmy Award และมีชื่อเสียงอย่างมาก การันตีจากการจัดทัวร์ในหลายประเทศ เช่น เยอรมนี ญี่ปุ่น ฮ่องกง ฝรั่งเศส รวมไปถึงประเทศบ้านเกิดบีทเทิลส์อย่างอังกฤษเอง

    สมาชิกวง The Fab Four


    Q: แล้วทำไมเราถึงเลือกดูคอนเสิร์ตของ The Fab Four แทนที่จะเป็นบีทเทิลส์ล่ะ

    ถ้าตอบตามตรง เพราะว่าเราหาคอนเสิร์ตบีทเทิลส์ที่ยาวๆ ไม่ได้ค่ะ (และตอนแรกสุดก็กดไปดู The Fab Four เพราะคิดว่าเป็นบีทเทิลส์ด้วย พรหมลิขิตหรือเปล่าคะ!)

    คอนเสิร์ตนี้มีความยาว 1 ชั่วโมง 50 วินาที เราดูจากช่องทางสุดสะดวกสบายอย่าง YouTube ตามลิงก์นี้ค่ะ > https://www.youtube.com/watch?v=4rHiDArtjuM 



    Review: The Fab Four - Beatles Tribute Concert
    มาถึงส่วนรีวิวกันบ้าง The Fab Four - Beatles Tribute Concert เล่นเพลงของบีทเทิลส์อย่างจุใจถึง 30 เพลง เช่น
    Please Please Me
    - A Hard Day's Night
    - Can't Buy Me Love
    - I'm Happy Just to Dance With You
    - Yesterday
    - You're Going to Lose That Girl
    Sergeant Pepper's Lonely Hearts Club Band
    - With a Little Help from My Friends
    - A Day in the Life
    - Here Comes the Sun
    - Let It Be
    - Hey Jude

    นอกจากนี้ยังมีการเล่นเพลง Imagine ของ John Lennon โดย Ron McNeil ที่รับหน้าที่เป็นจอห์นของวง และเล่นเพลง With a Little Help from My Friend โดยมี Joe Bologna มือกลองร้องนำ ซึ่งเหมือนกับเพลงต้นฉบับที่เป็นการร้องโดยมือกลองอย่าง Ringo Starr ด้วยเช่นกัน

    คอนเสิร์ตแบ่งออกเป็น 2 sessions เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้พัก ก่อนเริ่มแสดงมีพิธีกรมาร่วมช่วยสร้างบรรยากาศ มีเครื่องดนตรีหลักๆ อยู่ประมาณ 4 ชนิด คือ กีต้าร์ เบส กลองชุด และคีย์บอร์ดไฟฟ้า  คอนเสิร์ตเริ่มต้นด้วยเพลง Please Please Me และจบลงอย่างน่าประทับใจด้วยเพลง Hey Jude

    ด้วยว่าจำนวนเพลงที่ The Fab Four เลือกเอามาเล่นมีเยอะมาก (จุใจแฟนเพลงของบีทเทิลส์แน่ๆ) เราจึงขอพูดถึงเฉพาะบางเพลงที่เราคิดว่าพิเศษและมีเรื่องให้เล่านะคะ เอาล่ะ ขอเริ่มที่เพลงแรกอย่าง Please Please Me แล้วกัน  


    Please Please Me (นาทีที่ 2:43)

    Please Please Me เปิดเพลงมาด้วยการใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าอย่างฮาร์โมนิก้า ด้วยเสียงที่สดใสและกังวาลจึงถือเป็นการเปิดคอนเสิร์ตที่สดชื่นและกระตุ้นอารมณ์ผู้ฟัง นอกจากนี้ยังทำให้เพลง Please Please Me มีความคล้าย country song และให้ tone color ที่สดชื่นกระปรี้กระเป่า


    /
    Eight Days a Weeks (นาทีที่ 18:34)

    Eight Days a Week ใช้การปรบมือเป็นจังหวะ 1-2 อย่างเร็วๆ คั่นกลางท่อน "Hold me, love me" ซึ่งร้องซ้ำทั้งหมด 2 รอบ  ส่งผลให้ดนตรีมีความสนุกสนานขึ้น เพราะสามารถทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับเพลงไปด้วยได้ ซึ่งสอดคล้องไปกับเนื้อหาเพลงที่กำลังออดอ้อนผู้หญิงคนหนึ่งว่าให้รักเรา "8 วันต่อสัปดาห์" เถอะนะ


    /
    Yesterday (นาทีที่ 30:23)

    ทิ้งเบส กีต้าร์ไฟฟ้า คีย์บอร์ด และกลองชุดไปได้เลย Yesterday เป็นการแสดงแบบ acoustic music โดยใช้กีต้าร์โปร่งตัวเดียวบรรเลงไปพร้อมๆ กับการร้อง ซึ่งสร้างความรู้สึก raw ให้กับเพลง รวมไปถึงขับเสียงร้องให้เด่นชัดขึ้นด้วย (เพราะมีเครื่องดนตรีไม่กี่ชนิด) ความพิเศษของ Yesterday ยังไม่จบแค่นั้น หากตั้งใจฟังดีๆ จะได้ยินเสียงเครื่องสาย (น่าจะเป็นไวโอลินหรือเชลโล่) ที่บรรเลงในโทนทุ้มต่ำเป็นทำนองแบ็คกราวนด์หลังเสียงร้อง ซึ่งช่วยสร้างอารมณ์เศร้าและหดหู่ รับกับเนื้อเพลงที่เขียนเกี่ยวกับคนรักที่จากไป
    ป.ล. เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของเราจากคอนเสิร์ตนี้ :)


    /
    Help! (นาทีที่ 33:18)

    หลังจาก Yesterday จบก็ต่อด้วย Help! ซึ่งเป็นเพลงแนวสดใสร่าเริง มีการร้องท่อน "Help!"  เปิดเพลงด้วยเสียงสูงและเกือบจะตะโกน ซึ่งสอดคล้องกับการขอร้องให้ใครช่วยในชีวิตจริง (เราก็ตะโกนเสียงดังว่า "ช่วยด้วย" เวลาขอความช่วยเหลือกันนี่นา) นอกจากนี้คงต้องซูฮกให้กับผู้เรียบเรียงลำดับเพลงในคอนเสิร์ต ฉลาดจัง! เพราะการเปลี่ยนจากเพลงเศร้าๆ มาเป็นเพลงสนุกสนานสามารถสร้าง contrast และดึงความสนใจจากผู้ชมได้ดี


    /
    Sergeant Pepper's Lonely Hearts Club Band (นาทีที่ 54:39)

    อาจพูดได้ว่า Sergeant Pepper's Lonely Hearts Club Band เป็นเพลงที่มีความเป็นดนตรีร็อกมากที่สุดจากลิสต์เพลงในคอนเสิร์ตนี้แล้ว การเปิดเพลงด้วยกลองชุด โซโล่เบส และโซโล่กีต้าร์ไฟฟ้า บวกกับการร้องที่มีคีย์สูงคล้ายตะโกน และไม่ fix การร้องเพลงแต่ละพยางค์ให้ตรงตามทำนอง (ขนาดนั้น) นอกจากนี้ยังมีการเล่นคีย์บอร์ดไฟฟ้า และสร้างเสียงสังเคราะห์คล้ายเสียงเครื่องเป่าด้วย (นาทีที่ 55.14) ซึ่งเพิ่มมิติทางดนตรีและความกลมกล่อมของเพลง

    /
    A Day in the Life (นาทีที่ 01:05:35)

    อีกหนึ่งเพลงที่แสนพิเศษ A Day in the Life มีแนวทำนองหลักมากกว่าแนวทำนองเดียว ทำให้มีความยาวของเพลงมากกว่า 5 นาที แล้วอะไรที่เป็นเทคนิคสำหรับการเชื่อมต่อแนวทำนอง 2 ทำนองที่แตกต่างกันให้มีความนุ่มนวลและเป็นหนึ่งอันเดียวกันล่ะ

    คำตอบก็คือ ดนตรีต้นฉบับของบีทเทิลส์ใช้การประกอบกันของเสียงเครื่องดนตรีหลายๆ ชนิด เล่นพร้อมกันแบบไม่สนใจความสมดุลของเพลง ไล่ระดับความดังจากเบาไปดัง จนคล้ายเป็น noise เช่น เสียงสังเคราะห์จากคีย์บอร์ดไฟฟ้า เสียงกีต้าร์ไฟฟ้า การตีฉาบบนกลองชุดรัวๆ ส่งผลให้บรรยากาศดูวุ่นวาย สับสน น่าตื่นเต้น overwhelming แล้วจึงตัดฉับเสียงดนตรีทุกอย่างนั้นลง เริ่มเข้าสู่แนวทำนองใหม่ด้วยการกดแป้นคีย์บอร์ดและใช้เสียงสังเคราะห์คล้ายนาฬิกาปลุก ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อเพลงท่อนถัดมาที่ว่า "Woke up, fell out of bed" ด้วย

    นอกจากนี้ A Day in the Life ยังมีเทคนิคดนตรีที่น่าสนใจและพบได้ยากในเพลงอย่างเช่นเทคนิคการร้องแบบเอื้อนและสั่นเสียง โดยเฉพาะพยางค์ท้ายๆ ของคำ ส่งผลให้ฟังแล้วจะรู้สึกเหมือนเสียงกำลัง echo (นาทีที่ 01:07:17 เป็นต้นไป)

    ให้ตายสิ เพลงนี้ช่างรุ่มรวยเทคนิคจริงๆ นะคะ!


    /
    Hey Jude (นาทีที่ 01:43:12)

    ปิด The Fab Four - Beatles Tribute Concert ไปด้วยเพลงสุดท้าย (ที่เรียกเสียงเชียร์จากผู้ชมได้ล้นหลาม) อย่าง Hey Jude เครื่องดนตรีเพิ่มเติมที่ใช้มีทั้งคีย์บอร์ดและแทรมโบลีนประกอบจังหวะ มีการประสานเสียงคอรัสของนักร้องเสริมเป็น Chorus ในอีกแนวทำนอง ซึ่งสนับสนุนทำนองหลักได้อย่างดี ทำให้เพลง Hey Jude ของเรามีมิติขึ้นมาก

    สิ่งที่พิเศษอีกหนึ่งอย่างคือ การมีส่วนร่วมของผู้ชมในเพลงนี้ ราวกับทุกคนรู้ตัวว่าคอนเสิร์ตกำลังจะจบแล้วและต้องการทุ่มสุดตัวไปกับเวลาตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น ทุกคนต่างร้องเพลงคลอ โบกมือตามจังหวะเพลง ยิ่งเมื่อรวมกับเนื้อหาเพลงที่ให้กำลังใจกับการออกตามหาคว้าสิ่งที่ใจต้องการ ยิ่งทิ้งความรู้สึกประทับใจแก่ผู้ชมได้ไม่ยาก เรารู้สึกประทับใจและซาบซึ้งไปพร้อมๆ กับทุกคนในที่นั้น ทั้งๆ ที่ดูอยู่หลังหน้าจอคอมพ์ และคอนเสิร์ตนั้นก็ผ่านมามากกว่า 7 ปีแล้วด้วยซ้ำ




    สุดท้ายนี้ เราดีใจมากที่ได้พบ The Fab Four กับคอนเสิร์ตนี้โดยบังเอิญ การดูคอนเสิร์ต The Fab Four - Beatles Tribute Concert นอกจากจะทำให้เราได้ลองใช้ความรู้จากที่เรียนในคาบมาปรับใช้จริงแล้ว ยังทำให้เราได้ค้นพบดนตรีเพราะๆ แบนด์ดีๆ มีคุณภาพ และเพลงใหม่ๆ ของบีทเทิลส์ที่ยังไม่เคยฟังอีกแน่ะ

    เราเชื่อว่าดนตรี ยิ่งฟังยิ่งดี ดนตรีพาเราไปในที่ที่เราไม่เคยไป รู้สึกอย่างที่เราไม่เคยรู้สึก เป็นเพื่อนปลอบประโลม และขัดเกลาเราให้เราเป็นเรา ขอบคุณโลกนี้ที่มีดนตรี




    credits:
    https://en.wikipedia.org/wiki/The_Fab_Four_(tribute)#John_Lennon
    https://en.wikipedia.org/wiki/The_Beatles
    https://www.thefabfour.com/
    https://cbs4local.com/just-4-fun/band-covering-the-beatles-classics-returns-to-el-paso
    http://forgottenhits60s.blogspot.com/2019/10/meet-fab-four.html

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in