วันสงกรานต์ เป็นวันสำคัญ วันหนึ่งที่คนไทยหลายคนเฝ้ารอ เพราะถือเป็นวันที่ญาติพี่น้องจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็จะเดินทางกลับมาบ้าน มาร่วมฉลองกัน ซึ่งรัฐบาล ท่านก็ใจดี ให้ความสำคัญเลยจัดให้เป็นวันที่มีวันหยุดยาวๆ อย่างน้อย ก็ต้องมี 4-5วันติดต่อกัน มันจึงทำให้คนที่อยุูไกลๆสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาตัวเองได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เพราะในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน หลายครอบครัวต้องแยกย้ายกันไปทำมาหากิน ทำงานต่างถิ่น ต่างแดน การได้มีโอกาสกลับบ้านมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัันนั้นจึงถือว่าเป็นความฝันอันสูงสุด และหาโอกาสได้ยากมาก แต่เทศกาลสงกรานต์เหมือนเป็นไฟท์บังคับกลายๆ ว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรต้องกลับบ้าน ไปเยี่ยมพ่อแม่ ญาติพี่น้องซะที แต่ที่กล่าวมานั่นเป็นแค่ข้อดี ข้อเดียวที่นึกออกเท่านั้นของวันสงกรานต์ (อาจดูโหดร้ายซักหน่อยที่มองเห็นได้ข้อดีเพียงข้อเดียว ซึ่งเชื่อว่าเห็นต่างจากคนอื่นมากมายแน่นอน) เพราะข้อที่เห็นว่าเป็นข้อเสียมากๆของวันสงกรานต์นั้นก็คือ มันเป็นวันแห่งการริดลอนสิทธิพื้นฐานแห่งชาติ วันเดียวที่คนเห็นต่างไร้ที่ยืนในสังคม 555 ฟังดูเหมือนจะเป็นการใส่ร้ายเทศกาลสงกรานต์ที่ดีงาม ภาพของชาวต่างชาติถือปืนฉีดน้ำ ใส่เสื้อลายดอก ปะแป้งขาวที่หน้า ยิ้มแย้มแจ่มใส กำลังรดน้ำ ฉีดน้ำกับสาวไทยหรือหนุ่มไทยในชุดคล้ายๆกัน หรือถ้าตามสมัยหน่อย ก็ใส่ชุดไทยประยุกต์ยิ้มแย้มแจ่มใส รดน้ำกันไปมาดูเป็นที่ชื่นชอบ ชื่นชม ...ครับ..นั่นเป็นภาพในโปสเตอร์ของการท่องเที่ยว ภาพโปรโมทการท่องเที่ยว ภาพในจินตนาการที่เราอยากเห็น แต่ในสภาพจริงๆคืออะไร คือภาพของการตั้งขบวนริมถนน ไม่ว่าจะเป็นถนนทางหลวง ถนนในหมู่บ้าน ถนนเชื่อมอำเภอ ไม่สนว่าจะกี่เลน ถ้าเป็นเส้นทางไปสู่จุดที่จะเป็นสถานที่เล่นน้ำสงกรานต์ ก็จะถูกปิดล้อมไปด้วยรถกระบะขนคน ขนน้ำ ทั้งกลางถนน ริมข้างทาง พรั่งพร้อมไปด้วยร้านขายของริมทาง (ที่ปกติห้ามขายของริมทางหลวง) ขายทุกอย่างสุรา ยาเมา คนเล่นที่อยู่ในสภาพเมามาย สภาพของกลุ่มวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ถอดเสื้อ เปิดเพลงจากรถกระบะ เต้นเหมือนบวงสรวงพิธีกรรมอะไรซักอย่าง พร้อมสาดน้ำ ใช้คำว่า สาด นะครับ ไปยังคนที่เดินผ่าน รถที่วิ่งไปมาอย่าง เมามันในอารมณ์ ภาพการล้อมหน้าล้อมหลังหญิงสาว รุมปะแป้ง หรือบางครั้งก็ถือโอกาสลวนลาม จับหน้าอกลูบเป้า ซึ่งเป็นภาพที่เห็นจะเรียกว่าชินตาก็ได้ ถ้าโวยวายไม่พอใจ ก็ทะเลาะกัน ยกพวกเข้าห้ำหั่นกัน เป็นข่าวรูทีนเลยในช่วงนี้ ซึ่งการกระทำที่กล่าวนี้ ก็กระทำกันต่อหน้าต่อตา เด็กเล็กที่พามาเล่นด้วย ปลูกฝังนิสัยการทำพฤติกรรมแบบนี้ให้เด็กเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ ใครๆเขาก็ทำกัน คนไหนไม่เล่นห้ามออกมา อย่ามาทำเป็นโบกไม้โบกมือว่า ไม่เล่น อย่าสาดน้ำ จะไปธุระ ไม่ได้ทุกคนที่ผ่านพื้นที่พิธีกรรมนี้ต้องไม่รอด ใครเขามีธุระกันวันนี้ ใครไม่เล่นถือเป็นพวกผิดปกติไป ทั้งๆที่พื้นที่ ที่เล่นอยู่นี่เป็นพื้นที่สาธารณะ เป็นพื้นที่ ที่ทุกคนมีสิทธิเลือกที่จะเล่น หรือไม่เล่นก็ได้ นี่ไงครับ ผมถึงได้บอกว่า มันถูกริดลอนสิทธิพื้นฐาน สิทธิของความเห็นต่าง คนไม่เล่นไม่มีที่ยืนในวันนี้ ถ้าไม่อยากเปียก อย่าออกจากบ้าน เราบ่มเพาะปลูกฝังความคิดเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้อื่นผ่านพิธีกรรมเหล่านี้ การที่คนส่วนใหญ่สามรถยึดพื้นที่สาธารณะแล้วกระทำการใดๆก้ได้ ถึงแม้ว่าจะหมิ่นต่อการทำผิดกฎหมาย เราก็จะอนุโลมว่าเป็นช่วงประเพณีที่สำคัญ เช่น การปิดถนนสาดน้ำทุกคนโดยไม่คิดว่าบางคนอาจจะไม่อยากเล่น ต้องการจะไปธุระ การใฃ้ด้านหลังรถกระบะบรรทุกลูกเด็กเล็กแดงไปสาดน้ำกัน ซึ่งบางคันคนที่อยู่ด้านหลังอยู่ในสภาพเมามาย (ปีที่แล้วเพิ่งมีกฎหมายบังคับห้ามขึ้นหลังรถกระบะ ปีนี้เลิกไปแล้ว) การปล่อยปละให้มีการจำหน่ายสินค้าริมทาง ตั้งแต่ถนนหลวงยันถนนในซอยที่มีการเล่นน้ำ (ผู้เขียนได้มีโอกาสฟังการให้สัมภาษณ์ของแม่ค้ารายหนึ่ง ที่เพื่อนของเธอเพิ่งโดนรถชนเสียชีวิตเนื่องจากขายของริมทางแล้วโดนรถยนต์ที่เสียหลักพุ่งเข้าชน ว่า "เธอยอมตาย ขอให้ได้ขายของซึ่งปีหนึ่งจะขายได้ไม่กี่วัน) เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ก็ทำอะไรไม่ได้ มันเหมือนว่าช่วงนี้ กฎหมายบางข้อต้องถูกยกเลิกไปก่อนชั่วคราว เพราะเสียงส่วนใหญ่ต้องการแบบนี้ โดยเสียงส่วนน้อย เสียงของคนที่ไม่อยากได้พื้นที่แบบนี้ ไม่มีทางเลือก ต้องทนรับสภาพไป และก็คิดว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตราบใดที่เรายังพาลูกหลานไปเล่นสาดน้ำกันริมถนน ไปให้เขาเหล่านั้นซึมซับพิธีกรรมแบบนี้ พิธีกรรมที่ริดลอนสิทธิของผู้อื่นโดยอ้างว่าเป็นช่วงประเพณีแห่งความสุข