อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย (A Series of Unfortunate Events)
ผู้เขียน Lemony Snicket
ผู้แปล อาริตา พงศ์ธรานนท์
สำนักพิมพ์ Nanmeebooks
13 เล่มจบ
ขณะกำลังเดินเล่นบนชายหาด ไวโอเล็ต เคลาส์ และ ซันนี่ สามพี่น้องตระกูล โบดแลร์ ก็ได้รับข่าวร้ายว่าคฤหาสน์ถูกไฟไหม้ไปพร้อม ๆ กับพ่อและแม่ พวกเขาต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าและไม่มีสิทธิ์จัดการมรดกของตนเองจนกว่าไวโอเล็ตจะบรรลุนิติภาวะ ซ้ำร้ายยังตกไปอยู่ในการดูแลของ เคาต์โอลาฟ ญาติผู้ชั่วร้ายซึ่งหวังจะฮุบสมบัติ ไม่ว่าพี่น้องตระกูลโบดแลร์จะสามารถเอาตัวรอดจากแผนการของเคาต์โอลาฟสักกี่ครั้ง พวกเขาก็ไม่มีวันหนีชายผู้มีรอยสักรูปตาบนข้อเท้าคนนี้ไปได้ และแม้ว่าไวโอเล็ต เคลาส์ และซันนี่จะอยากให้ชีวิตไม่มีโชคร้าย แต่พวกเขารวมถึงพวกเราทุกคนก็รู้ว่าไม่มีใครที่จะหนีความโชคร้ายได้พ้น
“ถ้าคุณชอบเรื่องที่จบอย่างมีความสุขล่ะก็ คุณอ่านหนังสือเล่มอื่นดีกว่า”
Lemony Snicket โปรยประโยคแรกไว้ในเล่มแรกของหนังสือชุด “อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย” เพื่อท้าทายคนอ่านว่าคุณกล้าพอไหมที่จะอ่านชะตากรรมอันแสนรันทดของพี่น้องตระกูลโบดแลร์ นับตั้งแต่ มิสเตอร์โพ แจ้งข่าวว่ากองเพลิงได้พรากชีวิตของพ่อแม่ ต้องย้ายไปอยู่กับผู้ปกครองคนใหม่ซึ่งแต่ละคนดูจะไม่ค่อยปกตินัก และแม้บางครั้งทั้งสามอาจเจอกับโชคดีบ้าง แต่ในที่สุดสิ่งเหล่านั้นก็จะไปจากชีวิตของพวกเขา เหลือไว้เพียงแต่ความโชคร้ายที่ชวนให้โศกเศร้า มัวหมอง และหดหู่ เพราะฉะนั้นคงต้องขอย้ำอีกครั้งว่า “ถ้าคุณชอบเรื่องที่จบอย่างมีความสุขล่ะก็ คุณอ่านหนังสือเล่มอื่นดีกว่า”
“เด็กพวกนั้นดูเหมือนจะโชคดีที่สุดในโลก” เคาต์โอลาฟพูด
ในตอนแรกเราคิดว่าเรื่องราวทั้ง 13 เล่มคงวนเวียนอยู่กับการหนีการตามล่าของเคาต์โอลาฟและย้ายผู้ปกครองใหม่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าไวโอเล็ตจะบรรลุนิติภาวะ แต่กลายเป็นว่าเนื้อเรื่องไปไกลกว่านั้นมาก ทุกคน ทุกอย่าง และทุกเหตุการณ์ในชีวิตที่พวกเขาได้เจอนั้นเกี่ยวโยงกันไปหมด สามพี่น้องตระกูลโบดแลร์ไม่เพียงคิดวิธีเอาชีวิตรอดจากเคาต์โอลาฟ แต่ยังพยายามค้นหาความลับในอดีตของพ่อและแม่ พวกเขาต้องใช้ทักษะที่มี ทั้งสมองนักประดิษฐ์ของไวโอเล็ต ความเป็นหนอนหนังสือของเคลาส์ และพลังแห่งการกัดของซันนี่ สิ่งเหล่านี้บวกกับความร่วมมือร่วมใจและการมีกันและกัน ทำให้สามารถเอาชนะโชคร้ายที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่เลย
Lemony Snicket
นอกจากสำนวนตลกร้ายแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราชอบมาก ๆ ในหนังสือชุดนี้คือเรื่องราวของนามปากกา “Lemony Snicket” ที่สอดแทรกไว้ในเนื้อเรื่อง ทั้งกลอนถึง เบียทริซ จดหมายท้ายเล่มที่จ่าหน้าถึงบ.ก.เกี่ยวกับที่ซ่อนของต้นฉบับเล่มถัดไป หรือกระทั่งการเล่าประสบการณ์ในชีวิตของตัวเขาเอง มันทำให้เรารู้สึกว่า Lemony Snicket ผู้บันทึกเรื่องราวของพี่น้องโบดแลร์มีตัวตนอยู่จริง และเพิ่มน้ำหนักให้เรื่องราวที่เขาถ่ายทอดออกมาดูน่าเชื่อถือ ในบางจุดอาจเป็นเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เราไม่อยากให้คุณมองข้าม เพราะอย่างที่บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันไปหมด
จุดจบ (แห่งความโชคร้าย)
ข้อเสียอย่างเดียวสำหรับเรา (แต่อาจจะไม่ใช่ของคนอื่น) คือมันจบแบบปลายเปิดค่อนข้างมาก บางปมก็ไม่เฉลย ปล่อยให้ผู้อ่านไปคิดต่อเอาเอง ผู้เขียนอธิบายว่าเพราะเรื่องราวของสามพี่น้องโบดแลร์เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นท่ามกลางจุดเริ่มต้นและจุดจบของหลาย ๆ เรื่อง หลังจากอ่านจบเลยยังมีประเด็นที่เรายังค้างคาใจอยู่
หนังสือชุด “อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย” เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถคาดเดาได้เลย เพราะปกติแล้วในวรรณกรรมเยาวชนเล่มอื่น ๆ แม้ว่าตัวเอกจะเผชิญกับโชคร้ายเหมือนไวโอเล็ต เคลาส์ และซันนี่ ตอนจบของพวกเขาเหล่านั้นกลับมีแต่ความสุขสมหวัง ต่างจากตอนจบของเรื่องนี้ที่ไม่อาจใช้คำว่า “…แล้วพวกเขาก็มีความสุขชั่วนิรันด์” ได้ ชีวิตของสามพี่น้องยังต้องดำเนินต่อไป และแม้ว่า ไวโอเล็ต เคลาส์ และซันนี่จะอยากให้ชีวิตไม่มีโชคร้าย แต่พวกเขารวมถึงพวกเราทุกคนก็รู้ว่าไม่มีใครที่จะหนีความโชคร้ายได้พ้น รวมถึงชีวิตของพวกเราทุกคนด้วยเช่นกัน ถึงอย่างนั้นพวกเราก็รู้ดีว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะโชคร้ายเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน เหมือนที่พวกเขา “ช่วยกัน” เสมอมา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in