:le dèsir
ว่าด้วยเรื่องของขนแคชเมียร์เป็นขนที่ได้มาจากแพะภูเขาที่อาศัยอยู่ในดินแดนทางตอนเหนือของประเทศอินเดียที่มีสภาพภูมิอากาศอันโหดร้ายขึ้นชื่อว่าเป็นแพะแคชเมียร์ดังนั้นขนชนิดนี้ที่ทำมาเป็นผ้าจึงมีราคาที่สูงเอาการและก็เป็นที่นิยมในหมู่มากของเหล่ามหาเศรษฐีชั้นแนวหน้านอกจากนั้นผ้าขนแพะแคชเมียร์ยังแตกต่างจากผืนผ้าอื่นๆนั่นก็คือคุณสมบัติเบาสบายและอบอุ่นมากกว่าเส้นใยทั่วๆไป
บัดนี้ร่างเพรียวบางตรงหน้าบรูซใช้มือกระตุกดึงผ้าพันคอชั้นเลิศออกและปล่อยวางไว้ข้างตัวคนเป็นเจ้าของห้องที่กำลังนั่งเหม่อมองลอดหน้าต่างอยู่บนเตียง
"ผมขอเวลาแปปเดียว"
จอห์นเอ่ยปากบอกคนที่อยู่ร่วมห้องให้ทราบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบและพยายามที่จะให้มันปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ในใจเขาจะสั่นไหวไม่เป็นจังหวะก็ตาม เมื่อกล่าวจบก็เดินไปยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะกระจกที่อยู่ห่างจากปลายเตียงเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นและเท้าแขนทั้งสองข้างก้มหน้าหายใจทั้งเข้าและออก นึกถึงสิ่งที่เพิ่งจะผ่านไป การที่เจอกันได้แค่เพียงวันเดียว ณ ม้านั่งในสวนสาธารณะ แต่ความรู้สึกที่มีกลับท่วมท้มเกินจะพรรณนา ราวกับเป็นภาพเบลอว่าพวกเขาผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย แต่ตอนสุดท้ายของภาพเหล่านั้นคือ ความเจ็บปวดและความโหยหาในสิ่งที่เคยดำรงอยู่ในวงจรชีวิต ทว่าในค่ำคืนนี้เป้าหมายของทั้งคู่จะไม่ใช่ความรู้สึกเหล่านั้น
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองอีกฝ่ายที่ยังคงอยู่ที่เดิมอย่างไม่มีท่าทีจะปรับเปลี่ยนกิริยาใดๆ จอห์นพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือกก่อนจะละสายตาออกมา ส่วนมือเรียวปลดเนคไทสีเข้มวางไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าและแกะกระดุมออกจนหมด แต่ทันใดนั้นกลับต้องสะดุ้งเฮือกในขณะที่สังเกตเห็นร่างสูงใหญ่โผล่มายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เจ้าของใบหน้าเรียวคงตกใจมากกว่านั้นเมื่อเอวบางถูกรวบเข้าไปหลวมๆ ด้วยท่อนแขนแกร่ง เรียกเอาให้ใจคนถูกกอดเต้นแรงขึ้น
"คุณเวย์น. . ."
"บอกแล้วไงว่าให้เรียกฉันว่า บรูซ"
เหมือนจะเริ่มติดปากไปเรียบร้อยหากได้เจอคนแปลกหน้าแล้วเรียกอย่างสุภาพตามมารยาท ไม่ได้กระโชกโฮกฮากเหมือนวัยรุ่นทั่วไปเวลาพบปะผองเพื่อน หรือแม้กระทั่งคนรักก็ตามที. . .
ร่างบางมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อท้ายทอยเขาถูกสัมผัสและลากไล้ยาวลงมาด้วยปลายจมูก ไม่ได้ขัดขืนแดดิ้นแต่อย่างใดและก็ไม่ได้ถามตนเองด้วยว่าทำไม รู้เพียงแค่ว่าคืนนี้ควรปล่อยให้ใจได้ทำในสิ่งที่มันต้องการ จอห์นค่อยๆขยับตัวเผชิญหน้ากับคนด้านหลัง ความใกล้ชิดทำให้เขาได้เห็นดวงตากลมสีฟ้าคู่สวยอย่างชัดเจน เชิญชวนให้หลงใหลในอัญมณีจากท้องทะเลที่หาได้ยากหรืออความารีนเม็ดงามและกระจ่างใส
ทว่าเจ้าตัวไม่ใช่คนเดียวที่หลงใหล คุณชายเวย์นก็เช่นกัน
หากจอห์นได้รู้ว่าความคิดของอีกฝ่าย ก็คงจะได้มีเรื่องน่าขำเกิดขึ้น ใครจะไปคิดว่าภายใต้ความเงียบขรึมและมั่นใจของบรูซก็มีความเขินอายที่ไม่ได้แสดงออกได้เหมือนกัน แต่นี่ก็อาจเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์เราจะรู้สึกแบบนี้
มือกร้านข้างหนึ่งยกขึ้นมาเชยคางเรียวให้เชิดขึ้นเพียงเล็กน้อยและเลื่อนศีรษะเข้าไปหาคนตรงหน้าอย่างเนิบช้า มอบจุมพิตอันเบาบางประดุจขนนก ทำให้รู้สึกเหมือนตัวจะล่องลอยไปในทุกนาที แต่ก็เริ่มทวีความหนักแน่นขึ้นทีละน้อย เสื้อเชิ้ตสีเข้มถูกถอดกองอยู่บนโต๊ะเผยให้เห็นร่างผอมเพรียวกับผิวหนังที่ขาวซีดไร้ซึ่งการตีตรามาก่อน บรูซใช้มือดันตัวคนตรงหน้าจนแนบกับกระจกโปร่งใส ความเย็นยะเยือกจากวัสดุแก้วเข้าแทรกแผ่นหลังเนียนเข้ามากระนั้นก็คงสู้ความร้อนแรงของรสจูบไม่ได้ แต่คนตัวเล็กกว่าก็ไม่ได้ว่าจะนั่งนิ่งดูดายอยู่แบบนั้น จอห์นปลดเปลื้องกระดุมบนเสื้อของอีกฝ่ายบ้างแต่ยังเอาออกไม่หมดแถวเพราะความเอาแต่ใจของมหาเศรษฐีนั้นไวกว่า เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าจางก็รวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างขึ้นไปเหนือศีรษะ นั่นทำเอาร่างบางผงะเลยทีเดียว
และหน้าก็แดงด้วย
บรูซกระตุกยิ้มมุมปากมีเลศนัย ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรในใจอยู่ ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆทั้งสิ้น เขาประทับจูบบนริมฝีปากบางแต่ครั้งนี้กลับไล่ยาวตั้งแต่พวงแก้มสีเรื่อมาจนถึงซอกคอขาวนวล เป็นอีกครั้งที่ก็ยังสามารถทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงใช้ฟันขบกัดผิวเนื้อตรงไหปลาร้าจนเกิดรอยช้ำเป็นดวงตามจุดไป และก็ใช่ว่าตนจะตั้งใจทำเพียงรอยเดียว เสียงครางอือเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากอย่างห้ามไม่ได้ ไร้ความหวังกับมือทั้งสองข้าง ณ ตอนนี้ที่ยังคงถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นดังเดิม จึงทำได้แค่ใช้เล็บจิกมือตนเองระบายความรู้สึกแทน เมื่อคนตัวสูงเริ่มสาแก่ใจแล้วก็ปล่อยให้ข้อมือเล็กเป็นอิสระอีกครั้งก่อนจะยกเอวบางขึ้น เท้าก้าวไปที่เตียงสีขาวเพื่อวางร่างในอ้อมแขนลง
จอห์นไม่ได้นอนราบลงไป ในขณะนี้เขากำลังหน้าร้อนผ่าวเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกนัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างที่นั่งอยู่บนผืนเตียง ไร้ซึ่งอาภรณ์เพียงส่วนบนเท่านั้นบวกกับผิวหนังสีนวลที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยประทับที่ถูกทำขึ้นโดยคนร่วมห้องเอง เหลือแค่ส่วนล่างตั้งแต่เอวคอดกิ่วเป็นต้นไปที่ยังไม่ได้สำรวจ บรูซค่อยๆขยับตัวนั่งบนเตียงบ้างและยังคงสบตากับอีกฝ่ายด้วย
"เอาสิ ถอดเสื้อฉัน"
เสียงทุ้มนุ่มลึกดังขึ้นมาเชิงสั่งให้ร่างเพรียวทำตาม แม้จะถอดกระดุมออกไม่ได้รวดเร็วทันใจอีกฝ่ายก็ตามเพราะเขายังรู้สึกงุ่มง่ามเงอะงะไม่หาย จากนั้นก็ค่อยรั้งเสื้อเชิ้ตนั่นลง ระหว่างนั้นมือเรียวก็เพิ่งเคยได้สัมผัสกล้ามเนื้อที่รวมกันเป็นมัดๆตั้งแต่บ่าไหล่ลากมาจนถึงท่อนแขนแกร่ง มันแข็งแรงและดูหนักแน่นจนสามารถเข้าใจได้ว่าผู้หญิงหลายคนถึงแทบจะละลายอ่อนระทวยตรงหนา เจ้าของใบหน้าเรียวได้รูปช้อนดวงเนตรสอดประสานกับสายตาคู่ตรงหน้าก่อนจะเริ่มรุกกลับไปบ้างให้อีกฝ่ายได้ประหลาดใจ จอห์นขยับตัวเข้าไปนั่งบนหน้าตักของบุรุษร่างใหญ่ สอดขาทั้งสองข้างเข้ากับหว่างตัวพร้อมกับมอบจูบอันเบาบางให้อีกฝ่ายอีกครั้ง โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนกำลังถูกรูดซิปและปลดกระดุมกางเกงออก
และมันก็รุนแรงเหลือเกินในตอนที่แผ่นหลังเนียนกระแทกกับฟูกเตียงเพราะถูกผลักร่างลงมาให้นอนราบ ต่อให้มันนุ่มเพียงใดกับคงเทียบอะไรกับแรงดันนั่นได้ จอห์นร้องเฮือกออกมาเมื่อกางเกงท่อนล่างตัวเกะกะถูกร่นลงและเขวี้ยงทิ้งไปกองกับพื้นห้อง
เท่านี้ตนก็โดนถลกหนังจนออกหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ถูกกัดกินเท่านั้นเอง
—
[prompt: cashmere + shy + mirror]
*ฉึบ*
ตัดกันตรงนี้แหละค่ะ (ฮา)
พอเห็น prompt ข้อที่เจ็ดของแต่ละอันก็เหงื่อแตกเบาๆแต่ก็ออกมาเป็นงงๆแบบนี้(...) แบทโจ๊กที่อ่านไปเป็นเวอร์ชั่นความจำเสื่อม (Batman #48) ใครยังไม่เคยอ่าน ลองไปหาอ่านดูนะคะ เป็นเจ็ดแปดหน้าที่มโนต่อไปได้จนโลกอวสานเลยค่ะ ฟฟฟฟฟฟ คนต่างประเทศส่วนใหญ่อาจจะจิ้นให้เป็นแจ็ค เนเปียร์ //แต่เรากลับอินกับจอห์นมากกว่า. . .
ยังไงก็ขอบคุณที่อ่านกันนะคะ
??
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in