เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Movies I've Seenmidbetween
Bridget Jones's Baby (2016) - A View from Millennium
  • BRIDGET JONES'S BABY (2016)
    A View from Millennium

    ภาพยนตร์อะไรกันเนี่ย!? ไม่ได้เห็นหน้า Renée Zellweger ซะนาน เกิดไม่ค่อยจะทันหนังเจ๊ ส่วน Colin Firth ดูดีตามเคย แต่น่าเหลือเชื่อที่ยังมาเห็นแกในหนังรอมคอมได้ แล้วนั่น Patrick Dempsey มาร่วมก๊วนนี้ได้ยังไง ออกจาก Grey's Anatomy มาแล้วก็เป็นแบบนี้เองเหรอเนี่ย?

    นี่คือความคิดเห็นแรกหลังจากเห็นโปสเตอร์ Bridget Jones's Baby บนเว็บไซต์โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งซึ่งแจ้งรายละเอียดของรอบฉายประจำวัน ท่ามกลางคู่แข่งเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ดราม่าสุดเครียด หรือแอ็คชั่นเอาตัวรอดชวนระทึก กลับมีหนังหน้าตากุ๊กกิ๊กแสนแบ๊วไม่แคร์อายุมาโผล่อยู่โต้ง ๆ ซะอย่างนั้น
    ในฐานะเด็กผู้ไม่รู้อะไรกับ Bridget Jones's Diary ซึ่งภาคแรกออกฉายเมื่อมีอายุได้ 4 ขวบ มีความทรงจำเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้แค่ว่าสร้างมาจากนิยายว่าด้วยสาวอังกฤษตุ้ยนุ้ยผู้มี Colin Firth และ Hugh Grant มาพัวพัน (!!) ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสุดท้ายแล้วนางลงเอยกับใคร แต่จากสปอตโฆษณาบนรถไฟฟ้าและการไล่ดูคลิปเก่า ๆ ใน YouTube ก็พอให้ไอเดียได้แล้วว่าเรื่องมันเป็นยังไง ด้วยความต้องการจะผ่อนคลายจากเทศกาลสอบอันชวนปวดสมอง (บวกกับความนิยมป๋าโคลินส่วนตัว) จึงตัดสินใจไปดูเรื่องนี้แบบ เอาวะ กล้าฉายก็กล้าดู

    กลายเป็นว่าภาพยนตร์ที่มีเสียงของยัยเจ๊วัย 43 (แต่ตัวนักแสดง Renée Zellweger อายุ 47 แล้ว) บรรยายตลอดเรื่องนี้ทำให้เราเพลิดเพลินได้มากกว่าที่คิด ในปี 2016 นี้ได้มีโอกาสชมภาพยนตร์คอมเมดี้มาแค่ Bad Neighbors 2 และ The Brothers Grimsby ต้องขอบอกว่าความประทับใจที่ีมีต่อ Bridget Jones's Diary นั้นกินขาด สิ่งที่เราจะสื่อคือทั้งสองเรื่องที่กล่าวมาไม่ได้แย่แต่อย่างใด (อันที่จริง The Brothers Grimsby นั้นอาจจะฮากว่าด้วยซ้ำ ส่วน Bad Neighbors... อาจจะต้องยอมรับว่าไม่ถูกจริตเราจริง ๆ) แต่เมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบโดยรวมของภาพยนตร์เรื่องหนึ่งแล้ว Bridget Jones's Diary คือภาพยนตร์(โรแมนติก)คอมเมดี้ที่เราชอบที่สุดในปีนี้

    การต้องมานั่งดูรักสามเส้าของผู้ใหญ่ใกล้เกษียณดูแสนจะไร้สาระและน่าเบื่อ อันที่จริงแล้วการเห็นพล็อตแบบนี้ชวนให้ยี้ด้วยซ้ำ ว่ายุคนี้แล้ว พล็อตแบบนี้มันยังได้อยู่เหรอจริง ๆ นะเนี่ย แต่กลายเป็นว่าตลอด 2 ชั่วโมง และ 3 นาทีของภาพยนตร์เรื่องนี้มันเพลิดเพลินได้ตลอดเวลา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราไม่ได้คาดคิดไว้ อันที่จริงแล้วเรื่องรักสามเส้ามันแทบไม่ใช่ปัญหาหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยซ้ำ โอเค มันคือองค์ประกอบสำคัญ แต่เราคิดว่าข้อความที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่อมีมากกว่านั้นเช่นกัน
    ภาพยนตร์หยิบยกเรื่องราวในบริบทโลกของบริดเจ็ท โจนส์มาใส่มุกตลกที่เราคิดว่ามันลื่นไหลและเนียนตา ที่สำคัญคือทำให้หัวเราะออกมาได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นในห้องข่าวซึ่งเธอประจำการ หรือร้านอาหารอิตาเลียนเจ้าประจำของเธอ แต่ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยทีเดียวคือห้องตรวจครรภ์ในโรงพยาบาลนั่นเอง ต้องขอบคุณการแสดงแสนแพรวพราวของ Emma Thompson และบทซึ่งเธอมีส่วนร่วมในการเขียนด้วย

    ในขณะเดียวกัน ประเด็นปัญหาสังคมก็กลายเป็นสร้างความขำขันให้กับผู้ชมได้อย่างไม่คาดคิดเช่นกัน อย่างการเรียกร้องสิทธิสตรีหรือเสรีภาพในการแสดงออก และชวนไว้ใหัคิดเหมือนกันว่าที่หลายคนต่อสู้เพื่อให้ได้มากันเนี่ย มันเกินขอบเขตหรือยัง ? ซึ่งในจุดนี้เรามองว่ามันเป็นความทันเหตุการณ์ที่สามารถสร้างความสนุกสนานได้เล็ก ๆ อย่างไม่คาคคิด

    และอย่างที่บอกไปในขั้นต้น มานั่งดูชีวิตป้า 2016 นี่จะเวิร์กจริง ๆ เหรอ ? สำหรับเรื่องนี้แล้ว ภาพยนตร์เหมือนรู้ตัวดีว่าตนเองนั้นเชยขนาดไหน แต่ก็นำเรื่องนั้นนั่นแหละมาเล่นจนได้ แล้วแถมยังจี้ได้เพลิดเพลินด้วย บริดเจ็ทต้องปรับตัวเองให้เข้ากับยุค ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์หรือวิธีการทำงาน สำหรับเราแล้วมองว่าก็สนุกดีที่ได้เห็นความเฉิ่มเชยกลายเป็นหนึ่งในจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้
    และอีกหนึ่งองค์ประกอบหลักของเรื่องนี้คือความรักของตัวละครนั่นเอง แน่นอนว่าตลอดเวลาของเรื่องนี้มีการกล่าวถึงมันเสมอ ทั้งสองตัวเอกชายคือ Mark Darcy (Colin Firth) ทนายหนุ่มผู้เป็นรักเก่าของเธอ และ Jack Qwant (Patrick Dempsey) ความสัมพันธ์ครั้งใหม่นั้นแสดงให้เห็นถึงบุคลิกอันแตกต่างแต่ใกล้เคียงของพวกเขา มาร์กเป็นตัวแทนของชายอังกฤษผู้ไม่เก่งในการแสดงอารมณ์ ส่วนแจ็คคือหนุ่มอเมริกันผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อม สำหรับเราภาพยนตร์ชี้นำมาตลอดว่าบริดเจ็ทจะลงเอยกับใคร หรืออย่างน้อยก็ประสบความสำเร็จในการหาเหตุผลให้กับพระเอกที่แท้จริงของเรื่องนี้

    สำหรับเราเรื่องนี้ก็ยังมีความไม่สมเหตุสมผลบ้างในตัวของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติของบริดเจ็ทผู้พยายามให้ตัวเองเป็นสาวเก่งสมัยใหม่ แต่บางเรื่องของนางก็ย้อนแย้งเสียเหลือเกิน เลยดูเป็นความขัดใจเล็ก ๆ แต่ก็พอให้อภัยได้ไป และถ้าขาดมัน ก็อาจจะไม่เกิดเนื้อเรื่องที่ชุลมุนและสนุกสนานขนาดนี้

    แต่โดยรวมแล้ว Bridget Jones's Baby คือการพิสูจน์ว่าทำไมท่ามกลางภาพยนตร์เนื้อหาหนักชวนตื่นตาตื่นใจทั้งหลาย ควรมีพื้นที่สำหรับหนังรักทุนกลางชวนเบาสมองบ้าง หากมันถูกประดิษฐ์มาอย่างชาญฉลาดและเติมเต็มจุดประสงค์คือการสร้างความเพลิดเพลินให้กับคนดูได้แล้ว จึงไม่ใช่การตัดสินใจที่แย่แต่อย่างใดที่จะเก็บพื้นที่นี้ไว้ให้กับภาพยนตร์อันมีคุณสมบัติที่ว่า
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in