" CALL ME BY YOUR NAME AND I'LL CALL YOU BY MINE "
จงเรียกฉันด้วยตัวตนของเธอ และฉันจะเรียกเธอด้วยตัวตนของฉัน
Elio Elio Elio
.
.
.
.Oliver Oliver Oliver
งือออ!!!! เป็นหนังที่ดีต่อใจมากกกกกกกก เราชอบไปหมดทุกอย่าง บท นักแสดง ภาพ ดนตรี เป็นอะไรที่คุ้มค่ากับการถ่อไปดูไกลถึง House RCA ซึ่งเป็นครั้งแรก บรรยากาศโรงก็... เป็นโรงหนังเล็กๆ คนน้อยเงียบๆ ย้ำว่าเงียบจริงๆ(แต่อาจเป็นเพราะช่วงเวลาด้วยมั้ง555) ชอบนะแต่ก็วังเวง และมีมุมหนังสือด้วย เหมือนมีพวกนิยายมั้งไม่แน่ใจ แล้วก็หนังสือเกี่ยวกับภาพยนตร์และศิลปะ นี่ก็เข้าไปนั่งเปิดๆดู ฆ่าความวังเวงวิเหวงโหวง แต่แอบขัดใจตรงตั๋วหนังอะแบบกระดาษธรรมดาเกิ๊น นึกว่าจะเก๋ๆกว่านี้อ่า
นี่เป็นการไปดูหนังที่ทุ่มเทที่สุดในชีวิต ค่าเดินทางมากกว่าค่าตั๋วหนังซะอีก คืออยู่ที่บางแสนแต่ไปดูหนังไกลถึงกรุงเทพ(แม่รู้แม่บ่นตาย) แล้วคืออีนี่ก็ป่ำๆเป๋อๆ บ้านนอกเข้ากรุง เข้ากรุงเทพก็ขึ้นเป็นแต่ BTS ก็เลยเปลืองเงินมาก เพราะถ้าขึ้นรถเมล์กลัวขึ้นลงไม่ถูก 555 ขนาดจะไปขึ้น MRT ยังเดินหลงเลย ป้ายก็ตั้งใหญ่โตไม่มอง!!!(อีเด๋อ) พอๆหยุดแสดงความโง่ของตัวเองได้แล้วมาเข้าเรื่องหนังเหอะ
คืออยากดูเรื่องนี้ตั้งแต่เห็นตัวอย่างอ่ะ มันรู้สึกว่าหนังมันจะต้องดีแน่ๆ โดยเฉพาะนักแสดงที่ทั้งความหล่อและเคมีที่มันฟุ้งกระจายระหว่างทั้งคู่ คืออยากมาก จนไปซื้อหนังซื้อฉบับแปล(ซึ่งก็มีดราม่าออกมาเยอะอยู่ แต่ก็ซื้อมาแล้วง่ะ เสียดายจัง แต่ก็อ่านไปก่อน เดี๋ยวดูหนังเสร็จจะอ่านฉบับอิ้งละ) มาอ่านก่อน ซึ่งก็อ่านเป็นเดือน อ่านแล้วเหนื่อย5555 อ่านจบปุ๊ปก็ไปดูหนังปั๊ป (นี่เข้าเรื่องหนังหรือยังเนี่ย!)
เรื่องเกี่ยวกับความรัก ความสับสน และการยอมรับตัวตน เรื่องเกิดขึ้นปี 1983 สักที่ทางเหนือของอิตาลี เมื่อชายหนุ่มจากอเมริกา Oliver ผู้ช่วยของ Mr. Perlman (พ่อของElio) เข้ามาพักกับครอบครัวของ Elio ในช่วง summer จากนั้นดอกรักก็เริ่มผลิบาน(อยู่เพียงในใจ) กว่าจะเปิดใจกันได้ ฝ่ายนึงก็ขี้อายจนเหมือนเย่อหยิ่ง อีกฝ่ายก็รู้สึกกับเค้าแต่ก็ยังสับสนกับตัวเองอยู่ ช่วงแรกจะแบบพ่อแง่แม่งอน น่ารักขำๆ(นึกถึงละครไทย สาวบ้านไร่กับคุณชายจากเมืองกรุงงี้) แต่พอเปิดใจกันแล้วก็ฟินเว่อร์ อาจจะไม่ได้มีฉากเซ็กหวือหวา โชว์เรือนร่างมากมาย ก็ว่าทำไมเรทแค่ 15+ (ก็ไม่ได้อยากดูเพราะฉากพวกนั้นเป็นหลักสักหน่อย แหมแค่ฉากถอดเสื้อกับกางเกงโชว์ขาอ่อนเรายังไม่พอหรา) แต่ระหว่างที่ฟิน มีความสุขอยู่นี่ก็แอบเศร้าอยู่นะ เพราะก็รู้อ่ะว่ามันจะจบยังไง แต่ก็ยังดีที่มันไม่ได้หดหู่ใจอะไรขนาดนั้น
สายตาน่ะค่ะ
เขิน
สารภาพรัก
นี่แหนะๆ
สิ่่งที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้คืือเคมีระหว่างทิมมี่(Timothee Chalamet) หรือ Elio กับอาร์มี่(Armie hammer) หรือ Oliver มันเป็นไปอย่างธรรมชาติไม่เคอะเขิน แสดงดีทั้งคู่ แต่ที่อยากจะชื่นชมมากๆ คือทิมมี่ หลงรักอ่ะ ยิ่งมองยิ่งหล่อ การแสดงสื่ออารมณ์ออกมาดีธรรมชาติมาก น้ำเสียง ท่าทาง ทุกฉากดีหมด(อวยจริง555) ยิ่งฉากจบนะ โว้ยย ไม่คิดว่าจะดีได้ขนาดนี้อ่ะ ร้องไห้ตามเลย
หึงนะไม่รู้เหรอ
it's a video
จบกับช่วงหลงไหลนักแสดงได้แล้ว 555 มาในเรื่องของบทหนังดีกว่า คือตลอดเวลาที่ดูหนังก็จะคอยนึกตลอดเลยว่าฉากในหนังสือเป็นไงบ้าง จะมีฉากไหนต่อไป ฉากไหนมีในหนัง แต่หนังสือไม่มี หรือในหนังสือมีแต่ในหนังไม่มี (เขียนงงมั้ยเนี่ย) มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่หนังจะมีรายละเอียดตามหนังสือทั้งหมด เพราะถ้าเป็นงั้นเราคงได้ดู Call me สัก 5 ชั่วโมง อรรถรสในการดูหนังกับอ่านหนังสือมันก็ต่างกันไปเนาะ ซึ่งตัวหนังเราว่าทำดีในแบบของมัน เราชอบ สารที่เรื่องราวมันจะสื่อยังคงอยู่ เข้าใจง่ายกว่าหนังสือด้วยมั้ง เราคิดว่ามันเป็น coming of age ที่คนๆนึงได้เติบโตผ่านความรักครั้งแรก ในยุคสมัยที่คนไม่ค่อยจะยอมรับพวกรักเพศเดียวกันเท่าไร ทำให้ต้องหลบซ่อน เกิดความสับสน ไม่แน่นอนในจิตใจ มีทั้งความสุขและเจ็บปวด หนังจะค่อยเล่าไปเรื่อยๆ ทำให้เห็นการพัฒนาความสัมพันธ์ ระหว่าง Elio กับ Oliver ที่มากขึ้นเรื่อยๆ การค่อยๆเรียนรู้และยอมรับความรู้สึกในใจของ Elio
นอกเรื่องนะ ทำไมผู้ชายเค้าขาเรียวกันจัง
ทำไมนึกถึงท้องนาบ้านเรา555
องค์ประกอบอื่น พวกภาพ แสง โทนสี มุมกล้อง เพลง องค์ประกอบฉาก รู้แค่ว่าชอบ มันสวย มันดูอบอุ่นดี วิวพวกสิ่งก่อสร้างและธรรมชาติสวย(อยากไปเที่ยวยุโรปโว้ย) เพลงเพราะ ทั้งเพลงที่มีเนื้อร้อง ชอบสุดก็ Lady Lady Lady เพลงพวกนี้เปิดแล้วเต้นสนุก เพลินๆ555 และเพลงที่เป็นแบบบรรเลง เราว่าเพลงมันสนุกดี บางท่อนก็เหมือนจังหวะแปลกๆ บางท่อนนี่นึกถึงหนังผี(เดี๋ยวๆ)
Favorite scene ชอบหลายฉากมากๆๆๆๆ
ฉากสารภาพ
ฉากพีช(จากนี้เราคงเห็นลูกพีช แล้วคิดดีไม่ได้อีกต่อไป)
ฉากจูบแรก
ฉาก เล่นเพลงนั้นอีกที
ฉากโทรศัพท์ เรียกชื่อ
ฉากหน้าเตาผิง
เอาจริงๆทุกฉากเลยมั้ย แต่ถ้าชอบสุดจริงๆคงเป็นฉาก พ่อลูกคุยกัน
เป็นฉากที่เสียน้ำตา ซึ่งตอนแรกคิดว่าคงไม่ร้องหรอก เหอะ
บทพูดก็ดี นักแสดงก็เล่นธรรมชาติ คนอ่อนโยน(หรา)อย่างเราก็ร้องสิ
Elio โชคดีที่มีพ่อแม่ที่มีความคิดแบบนี้ เป็นคนที่เปิดกว้าง(เห็นได้จากแขกที่มาเยี่ยมเยือนคู่รักเกย์บ้าง คู่รักพูดมากบ้าง) ซึ่งก็แน่ละทั้งคู่มองออกว่ามีความสัมพันธ์บางอย่างเกิดขึ้น แต่ไม่ปิดกั้น ปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง สอนให้ลูกยอมรับสิ่งต่างๆ อย่าได้ทิ้งความทรงจำอันมีค่าเพียงเพราะมันทำให้เราเจ็บปวด
"just remember, our hearts and our bodies are given to us only once.
And before you know it, your heart is worn out, and, as for your body,
there comes a point when no one looks at it, much less wants to come near it.
Right now, there's sorrow, pain. Don't kill it and with it the joy you've felt."
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in