เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Wherever...just GO !!!w_justwriteit
The beginning of my journey with a sea full of light #ColdplayBangkok
  • เอ้าาา วันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นไงกันบ้างงง มีใครได้ไปดู “COLDPLAY A HEAD FULL OF DREAMS TOUR LIVE IN BANGKOK 2017” กันมั่งง วันนี้จะมาเล่าสู่กันฟัง สำหรับการไปดูคอนเสิร์ตด้วยตัวคนเดียวและครั้งแรกสำหรับคอนใหญ่ขนาดนี้ ตอนแรกเรานึกว่าเราไม่เคยไปคอนเสิรต์เลย ที่ไหนได้!!! พึ่งนึกออกหลังดูคอนนี้จบไป ว่าจริงๆเคยดูคอนของ "Jayesslee" มาแล้วนี่หว่า สองสาวฝาแฝดที่ cover เพลงจนดังมาหลายเพลง แต่ตอนนี้เค้าแต่งงานจนมีลูกกันไปแล้วจ้า ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาร้องเพลงให้ฟังกันอีกเมื่อไหร่นะ  

                                                                  รูปจากไทยทิคเก็ต

              กลับมาที่คอน Coldplay กันต่อ จุดเริ่มต้นการไปคอนมันมีที่มาว่า เรามีวงที่ชอบมากอยู่วงนึง  
    รักเลยแหละมั้ง แล้วเราก็รอให้ถึงวันที่พวกเค้าจะมาจัดคอนเสิร์ตที่ไทยสักครั้ง ทุกๆครั้งที่เราฟังเพลงของพวกเค้า เราจะคอยคิดอยู่ตลอดว่าถ้าสักวันนึงมีโอกาสได้ฟังเองกับหูมันคงจะดีมากจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างมันไม่เป็นไปอย่างที่คุณคิดหรอก จริงมั้ย??? เพราะเหตุการณ์ที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้น นั่นก็คือ มีสมาชิกออกจากวงไป.....เราเสียใจมากจริงๆ เพราะเรายังไม่เคยฟังเพลงที่พวกเค้าร้องด้วยกันสักครั้ง เราคิดว่า


    “เราจะไม่มีโอกาสฟังเพลงที่มีสมาชิกทุกคนร้องด้วยกันอีกแล้ว...มันจะไม่มีวันนั้นอีกแล้วเว้ย”


    จากนั้นเราก็เลยหาวิธีฮีลตัวเองเราพยายามสนใจพวกเค้าให้น้อยลงจนมาเจอเพลงของ Coldplay อยากเดากันมั้ยว่าเพลงอะไรที่ทำให้เราหันมาสนใจวงนี้ได้ ?? คงไม่ยากหรอกเนอะ ก็ “Fix you” ไง หลังจากที่ฟัง Fix you ไป  เรารู้สึกเลยว่า “เพลงพวกพี่มันโคตรดี โคตรฮีล” เหมือนความรู้สึกของเราได้รับการเยียวยาจากเพลงนี้เลยนะ เพราะเราก็มีปัญหาส่วนตัวอย่างอื่นด้วย พอฟังแล้วก็ “เออ! ชีวิตคนเรา
    แ-่ง!! ไม่ต้องประสบความสำเร็จไปทุกอย่างหรอก ยอมรับบ้างก็ได้ว่าตัวเองมันห่วย!!!" ก็ไม่เคยคิดนะว่าจะรู้สึกอะไรแบบนี้หลังจากฟังเพลง 

    หลังจากนั้นก็เลยไปตามฟังมันจนเกือบครบทุกอัลบั้ม มาจนถึงตอนนี้เรารู้จัก Coldplay มาได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว สำหรับเรามันก็ไม่นานนะ แต่ก็นานพอที่เราจะฝึกร้องเพลงหลักๆในคอนเสิร์ตได้ เหตุผลที่เราตัดสินใจไปคอนเสิร์ตคราวนี้ทุกคนก็น่าจะเดากันได้ เหตุผลที่ว่าก็คือ 

    เราคิดว่า ถ้าคุณชอบเพลงของใคร แล้วอยากจะไปฟังเพลงที่เค้าร้อง แล้วมันมีโอกาสอย่างคอนเสิร์ตเข้ามา ก็ไปเถอะ ถึงแม้ว่าจะคุณต้องไปคนเดียวก็ตาม!!! เพราะคุณไม่มีวันรู้หรอก ว่าโอกาสที่เข้ามามันจะเป็นครั้งสุดท้ายรึเปล่า? หรือถ้าหากคุณคิดว่ามันยังมีโอกาสหน้าอีก ก็ให้คิดซะว่า “ โอกาสมันไม่มีผมข้างหลังไม่ใช่หรอไง? ” 



    หลังจากที่ซื้อตั๋วประสบความสำเร็จแล้วกระเป๋าก็เบาทันที (T_T) ….ก่อนวันคอนต้องขอบอกว่าเราเตรียมตัวไปไม่ใช่น้อย เพราะเราถึงกับปริ้นเนื้อเพลงออกมาตาม set list ที่มีคนทำเอาไว้แถมยังสร้าง playlist ในยูทูปเอาไว้ฟังให้คุ้นหูทุกเพลงอีกตะหาก ศึกษาวิธีการเดินทางไปสนามกีฬาราชมังคลาสถานที่ค่อนข้างไปลำบาก เพราะไม่มีรถไฟฟ้าหรือว่าใต้ดินไปถึง กฏต่างๆของการไปดูคอน หารายละเอียดทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพราะต้องไปคนเดียว!!!..........และแล้วเวลาก็ผ่านไปไวดั่งโกหก (ขอยืมมุกเก่ามาใช้แปป) วันที่จะได้ดูคอนเสิร์ตก็มาถึง วันนั้นก็คือ วันศุกร์ที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมานั่นเองงงงง

    สรุปแล้วเราก็เดินทางด้วย airport railink แล้วลงสถานีรามคำแหงอย่างที่เค้าทำกันอ่ะแหละ จะบอกว่าตอนนั้นคนต่างชาติเยอะมากจริงๆ โดยเฉพาะคนอินโดนีเซีย ต่อแถวซื้อตั๋วกันยาวเชียว จากนั้นก็อย่างที่ Thaiticket ประกาศ คือ จะมีรถรับ-ส่ง ฟรี เฉพาะขาไปเท่านั้น!! (ขอขากลับด้วยก็ไม่ได้ วงวารจริงๆ 555) เรายืนรอรถประมาณ 45 นาทีได้ ตอนนั้นเป็นเวลา 5.30 แล้วจำได้ว่าประตูคอนเสิร์ตเปิด 5 โมงไง แต่เราก็ไม่ได้รีบนะเพราะเราบัตรนั่ง ไม่รีบๆ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับรถฟรีค่ะ ^^ อีก 30 นาทีต่อมาก็มาถึงหน้าสนามกีฬาราชมังคลาสถาน อย่างที่บอกไปว่าชาวต่างชาติเยอะมากกก ทั้งฝรั่ง อินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือพี่จีน มาหม๊ดดด น่าจะเยอะกว่าคนไทยด้วยมั้ง ไปถึงก็หาข้าวกินตามเซเว่นนี่หล่ะ แล้วเราก็เข้าไปข้างใน ตั๋วเรานี่อยู่ชั้น 3 เลย สูงมาก แต่ลมก็ดีมากเช่นกันน



    วงที่มาเล่นเป็นวงเปิดคือ Jess Kent นี่สารภาพว่าไม่รู้จักเลยนะ เราเลยไปหาเพลงเค้าฟังอยู่
    ก็เพราะดี ของจริงก็โอเคแหละ แต่จำเพลงที่เค้าร้องไม่ได้เลย ยังไม่อินพอ แต่ว่าขอพูดถึงมือกลองหน่อย งานดีมากกก เราไม่เคยเห็นผู้หญิงตีกลองแบบสดๆอย่างงี้เลยอ่ะ ตีได้มันส์เข้ากับเพลงสุดๆ รู้แค่นี้จริงๆ ฮ่าๆ พอสามทุ่มเท่านั้นแหละ Coldplayจะมาแล้วจ้า ตื่นเต้นมากกก ไปแบบไม่รู้จักใครทั้งนั้น ข้างๆก็คู่รักคนจีน ส่วนอีกข้างไม่มีคนนั่ง เออ เอาวะคิดในใจ "มาแล้วต้องเอาให้คุ้ม จะมานั่งหงิมๆ ไม่สนุกไม่ได้นะเว้ย บัตรก็ซื้อมาแพง" ก่อนคอนเริ่มมีบอกให้ใส่ Xylobands ด้วย แค่ใส่ที่ข้อมือแล้วเดี๋ยวไฟมันจะติดเองนะ ไม่ต้องทำอะไรเลย ว่าแล้วก็เริ่มกันเลย !!!

    เปิดมาด้วยเพลง A head full of dream โอโหหหหหหห production อลังการงานสร้าง งานแสง งานไฟ งานพลุ มาหมดเลยจ้าาา มันดีมากอ่ะ แล้วคนร้องได้ก็ร้องตามไง เสียงกระหึ่มมากกก วิวมองจากข้างบนเวลาxylobandsเปลี่ยนสีก็สวยมากจริงๆ แต่มองพี่คริสแทบไม่เห็น เหลือตัวนิดเดียวเอง ฮ่าๆ แต่เราไปเอาบรรยากาศก็คุ้มแล้วเนอะ จากนั้นก็ต่อด้วย Yellow เลย มาแบบไม่ให้ทันตั้งตัว เพลงฮิต ไม่มีไม่ได้ เพลงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เราชอบมากเช่นกัน จากนั้นก็ไล่ตาม set list เลยเด้อ ตอนแรกๆก็ร้องไปโบกมือตามนิดหน่อย แต่พอ Fix you มาเท่านั้นแหละ แหกปากไปให้สุดเลยยู !!!! เพราะเพลงนี้ถือเป็นเพลงที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรากับ Coldplay เพราะงั้นก็เลยตั้งใจอัดวิดิโอเพลงนี้กลับบ้านมาด้วยย   



    เพลงที่เราคิดว่าต้องมาฟังในคอนให้ได้ก็คือ “Fix you, Yellow, The scientist, A sky full of stars” สี่เพลงนี้คือเพลงที่เราต้องการได้ยินด้วยหูตัวเอง และเราก็ได้ยินมันแล้ว รู้สึกคอมพลีทมากอ่ะ โดยเฉพาะตอนเพลง Fix you นี่น้ำตาซึมเลย T_T 

    พูดถึงเพลงอื่นกันบ้าง เพลงที่คิดว่าฟังแล้วเพราะมากกว่าเดิมหลังจากที่ได้ฟังสดๆคือ
    “In my place” ตอนที่ฟังอยู่บ้านก็คิดว่าเพราะดีแต่ยังไม่อินเท่าไหร่ แต่พอได้ฟังของจริงเท่านั้นแหละ!!!ดีต่อใจไปอีกกกกก มาจนถึงตอนนี้ทุกคนอาจจะอ่านจนเบื่อกันแล้ว ฮ่าๆ แต่ถ้าใครที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ก็ขอบคุณมากที่อดทนกับความเวิ่นเว้อนี้

    อีกเพลงที่อัดกลับมาคือ “A sky full of stars” เพลงนี้ก็ดีงาม วีดีโอดูแล้วอาจจะปวดหัวไปบ้าง เพราะเรากำลังอินก็ขออภัยย


    เพลงสุดท้ายที่พี่คริสแกเล่นก็คือเพลง “Up & Up” เพลงนี้เราชอบ MV มาก งานสร้างสรรค์สุดๆ (ใครไม่เคยดูก็รีบไปหาดูกัน) ว่าแล้วก็...ไม่มีอะไรจะต้องพูดไปมากกว่านี้ สุดท้ายนี้พี่คริสแกได้ทิ้งท้ายไว้ว่า "Don’t ever give up" นะทุกคนนน


    ใครที่พลาดแล้วไม่ได้ไปก็อาจจะต้องไปตามฟังที่ประเทศอื่น หรือไม่ก็รอจนกว่าพี่ๆแกจะกลับมาอีกครั้ง พี่คริสแกบอกว่าจะกลับมาอีกนะถ้ามีโอกาส :)


                                                           ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันนะ ^^

    มาขอเสริมนิดว่าตอนกลับหาทางกลับยากจริงๆเพราะคนเยอะมากกก แท๊กซี่ก็ไม่มีให้เรียก เราเลยต้องเดินออกมากเรื่อยๆประมาณ 40 นาที เดินคนเดียวไปอีก ก็แอบเสียวๆเหมือนกันเพราะดึกแล้ว แต่ก็ยังดีที่ในที่สุดก็เรียกแท็กซี่ได้ (แนะนำว่าถ้ามาคนเดียว ควรศึกษาเส้นทางซะหน่อยหรือว่าควรดูก่อนว่าจะกลับยังไง อย่าทำเหมือนเราที่ไปตายเอาดาบหน้า ฮ่าๆๆ ไม่งั้นอาจจะมีอันตรายได้นะ เพราะมันดึกมากแล้ว เป็นห่วงสวัสดิภาพตัวเองด้วยทุกคน กรุงเทพมันไม่ได้ปลอดภัยขนาดนั้นน)

    อีกอย่างเพิ่งเห็นกระทู้ที่บอกว่าโซนนั่งมีคนไม่ได้ที่นั่งตัวเองเยอะมาก แถมต้องยืนกันเต็มเลย แต่เราไม่ได้สงสัยเลยอ่ะ คิดแค่ว่าทำไมคนยืนเยอะจัง นี่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เพราะของเราก็ปกติหมด คือ
    มีที่นั่ง Xylobandก็ติด เข็มกลัดที่ระลึกก็ได้ เลยรู้สึกว่าโชคดีขึ้นมาซะอย่างงั้น ไม่งั้นคงอารมณ์เสียมากเหมือนกัน ก็ได้แต่หวังว่า organizer หรือผู้ที่เกี่ยวข้องจะไม่ปัดความรับผิดชอบไปเฉยๆ ช่วยแสดงความรับผิดชอบสักนิดก็ยังดี แล้วก็เอาไปปรับปรุงในคราวหน้าด้วย จะขอบคุณมากเลย เพราะทุกคนจะได้ดูอย่างมีความสุขขข

    ป.ล.ใครที่ไปแล้วยังไม่ได้ทำแบบสอบถามหลังชมคอนเสิร์ต ไปทำได้ที่นี่เลยจ้า ช่วยกันออกความคิดเห็นนะ เผื่อจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง 

    ขอขอบคุณ 

    • ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับ Coldplay จาก
      Facebook: ColdplayThailandFanclub 
      Twitter: Coldplay Thailand 
      มีประโยชน์สำหรับแฟนๆ Coldplay มากจริงๆ set list ก็จำได้ว่าแชร์มาจากที่นี่แหละจ้า
    • วง Coldplay ที่มาเปิดโอกาสให้เราไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวเป็นครั้งแรก 
    •  สุดท้าย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะ 

    เราเพิ่งเริ่มเขียน เลยอาจจะยังไม่ค่อยมีอะไรให้อ่าน แต่ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะ

    Facebook: เขียนไรก็เขียนไปเหอะ / @w.justwriteit

    *หากจะนำภาพหรือคลิปวิดิโอไปใช้ช่วยแจ้งเราก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

    **อัพเดทเพิ่มเติม มีคนมาให้ช่วยกันลงชื่อแล้วนะ เพื่อที่จะยื่นเรื่องไปที่ BEC ใครที่ได้รับผลกระทบไป
        ก็สามารถไปลงชื่อที่นี่ได้เลยค่ะ 

    #Coldplay #ColdplayBangkok  #ColdplayBangkok2017 #whatever #justwriteit #wherever #justgo

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in