คนคิดชื่อเพลง เนื้อเพลง เขาเก่งมากเลยนะ แบบบ เก๋อะ
'อยากตัดอะไรก็ตัดไป อย่าตัดผม'
แต่ถ้าไปร้องให้อาจารย์ฝ่ายปกครองฟัง เขาคงเอากรรไกรตัดเดี๋ยวนั้นเลย หรืออาจจะตัดคะแนนจิตพิสัยไปด้วยพร้อมกัน (เนี่ยยยย มันทำไมนะ)
ว่าด้วยเรื่องทรงผมนักเรียน ก็เป็นที่ถกเถียงกันมานาน
เราควรปล่อยอิสระให้น้องๆ ได้ไว้ทรงผมตามใจตัวเองกันได้แล้วมั้ย
ผ่านมาหลายสิบปี (อาจจะเป็นหลายสิบชาติ ในอนาคตข้างหน้า) ก็ยังทำได้ไม่ทั่วถึงเสียที
(จำได้ว่า พอเราเข้าสู่ช่วงชั้นม.ปลาย รร.ก็ให้น้องม.ต้นไว้ผมยาวได้แล้วนะ ทำไมเขากลับไปกลับมากันอีกแล้วล่ะ)
ย้อนกลับไปสมัยยังเป็นนักเรียน เราเข้าสู่ระบบของโรงเรียนรัฐบาล เมื่อต้องเข้าสู่ช่วงชั้นมัธยม
จำได้ว่า ตอนนั้นใจแข็งพอสมควร เมื่อต้องไปหั่นผมยาวเฟื้อยที่ร้าน หลังจากไว้มายาวนานตั้งแต่อนุบาล ถึงป.6 ทุกคนคาดหมายว่าเราจะต้องมีน้ำตาบ้างแหละ เพราะตอนนั้นเพื่อนหลายๆ คนก็น้ำตาซึมอยู่เหมือนกันที่จะต้องเปลี่ยนทรงผมที่ชั้นสวยสุดในรร.ประถม มาเป็นทรงสั้นติ่งหูแบบแง้ ไม่ใช่ทรงที่ชั้นอยากไว้ เราไม่ร้องไห้ ไม่รู้เหมือนกันทำไม อาจจะเป็นเพราะเตรียมใจมาแล้วประมาณนึง ถึงจะมีคำถามก็เถอะ ทำไมถึงไว้ผมยาวไม่ได้นะ?
คัลเจอร์ช็อกของเราเกิดขึ้น ในวันแรกที่เดินเข้ารร. ด้วยความชิล (บวกตื่นเต้นนิดหน่อย ด้วยอะไรๆ มันใหม่ไปหมด โห รร. มัธยมนี่กว้างใหญ่ไพศาลมาก ผิดกับ รร.ประถมของเราลิบลับเลยแฮะ ซึ่งความจริง เรียนไปอีก 6 ปี รร.เรานี่เล็กมากเลยนะ 555 แบบเดินไปไหน ก็ อ่าววว เจอแกอีกแล้ว) ด้วยความที่เรียนรร.เอกชนมาตลอดชีวิต 12 ปี ก็ทำตัวตามปกติแบบที่เคยเป็นมา ก็เนี่ย เปลี่ยนมาใส่คอซอง แล้วก็ตัดผมทรงสั้นติ่งหูตามวิถีชีวิตเด็กม.ต้น รร.รัฐบาลแล้ว เราพร้อมแล้ว! พร้อมมาก! จนนั่นแหละ เดินเข้า รร. เลยอาจารย์ที่ยืนเวณไปได้นิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ก็เจอเพื่อน (จำไม่ได้แล้วว่ารู้จักกันมาก่อนมั้ย หรือเพิ่งรู้จักกัน) เขาทักเราว่า.. "แก เขาไม่ให้ใส่ตุ้มหูนะ"
ตอนนั้นเริ่มมีคำถามขึ้นมาว่า "ทำไมใส่ตุ้มหูไม่ได้อะ" แล้วต่างหูเรามันเป็นตุ้มอันเล็กๆ จิ๋วๆ แบบที่ใช้ปืนยิงเจาะ เบสิกมากๆ ไม่ใช่ระย้าแชนเดอร์เรีย (แหงล่ะ ใครมันจะใส่ระย้าแชนเดอร์เรียนไปโรงเรียนวะ) แต่ก็ ทำได้แค่รีบถอดยัดใส่กระเป๋ากระโปรง ในใจก็คือ 'เกือบซวยแล้วไง'
ผ่านไปสามย่อหน้ายังไม่เข้าเรื่องทรงผมเลย
เมื่อสักครู่เราไถทวิตเตอร์แล้วเจอคลิปที่น้องผู้หญิงเขาออกมาอธิบายเรื่องที่ทำแคมเปญ "เลิกบังคับหรือจับตัด"
มันน่าคิดเหมือนกันนะ ผ่านมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว เรายังถกเถียงกันเรื่องทรงผมของน้องๆ นักเรียนกันอยู่เลย
เราอยู่ในยุคที่ม.ต้นต้องทรงสั้นติ่งหู ม.ปลายถึงจะไว้ยาวได้ แล้วไว้ยาวได้ คือห้ามตัดม้า ห้ามซอย ห้ามทำสีผม ห้ามผูกโบว์สีอื่นที่ไม่ใช่น้ำเงินกรมท่า น้ำตาล และดำ และที่ขัดใจสาวชาวม.ปลายรร.รัฐบาลหลายคนก็คือ การห้ามถักเปีย คือ งง ทำไมเด็ก รร.ฝรั่งเขาถักได้ น่ารักจะตายไป ทำไมกีดกัน ทำไมแบ่งชนชั้น (ไปเรื่องนั้นเลย 55) แบบต่างๆ นานา น้อยใจ เสียใจ และก็มีจะการแอบถักเปียตอนคาบว่างกันไปเรื่อยเปื่อย
ความทรงจำอันโหดร้ายสุดของเราเกี่ยวกับผมสั้นติ่งหูตอนม.ต้น เกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่งที่นึกขึ้นได้ว่า 'เชี่ย สิ้นเดือน พรุ่งนี้ตรวจผมมมม' ผมสั้นติ่งหูที่พากเพียรพยายามทำให้มันยาวสุดเท่าที่จะยาวได้ ด้วยการขยันสระผมบ่อยๆ หวีบ่อยๆ จนหนังหัวจะหลุดในระยะเวลา 1 เดือน ต้องไปหั่นออกอีกแล้วววว และบั่บ..ผมยาว 1 เดือนอะ มันจะมีอะไรให้ตัดกันแค่ไหนเชียว จริงๆ แล้ว กระทรวงศึกษาเขาได้อะไรกับร้านตัดผมป่าววะ ขยันให้ไปตัดจัง แล้ววันนั้นฟ้าครึ้ม เมฆหม่น ร้านตัดผมปิดสองทุ่ม อะ ไม่มีเวลาแล้ว เมิงหยุดอำลาอาลัยผมเลยสั้นติ่งหูมา 1 ซม.ได้แล้ว ไปตัดเถอะ ไม่งั้นพรุ่งนี้จะได้รับการตัดจากช่างกิตติมศักดิ์แทนนะ
ใช่ค่ะ ฟ้ามืด บรรยากาศแบบอังกอร์มากๆ รู้เลยว่าอีกไม่นานฟ้าถล่มแน่นอน ระหว่างที่กำลังนั่งให้ช่างตัดผม ที่ย้ำกับช่างแล้วและย้ำอีก พร้อมยกนิ้วประกอบว่า แค่ 1 ซม. นะคะ อะไรก็ได้อย่าเหนือหู เอาแบบผมแห้งแล้วอย่าเหนือหูค่ะ ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา... จนตัดผมเสร็จได้ทรงสั้นติ่งหูตามใจกระทรวงศึกษาไปเรียบร้อยแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุด และดูเหมือนจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เราไม่มีทางเลือกนอกจากขี่จักรยานลุยฝนและน้ำที่เริ่มท่วมกลับบ้าน ความรู้สึกตอนนั้น คือกลัวโดนฟ้าผ่าตายกลางถนนในหมู่บ้านมากๆ ระหว่างทางคือมีเสียงซาวนด์เอฟเฟคฝนกระหน่ำ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าตลอดทาง และน้ำท่วมก็ทำให้ขี่จักรยานได้ช้าเข้าไปใหญ่ ระยะทางแค่ห้าร้อยหกร้อยเมตรทำให้รู้สึกว่าบ้านกับร้านตัดผมไกลนับกิโลฯ ใจตอนนั้นคือ ไหว้พระ ขอพร ขอสิ่งศักดิ์ บอกพ่อแม่ ขอให้หนูมีชีวิตรอดไปถึงบ้านด้วยนะคะ อีกใจก็คือด่าไปหมดเลย กระทรวงศึกษา อิคนคิดนโยบายเรื่องตัดผมสั้น แบบบ ใครวะ ใครแม่งคิดนโยบายนี้ออกมา แล้วทำไมอาจารย์หัวหน้าระดับเขาจะต้องน่ากลัวขนาดนั้นด้วยยย
วันรุ่งขึ้นเราก็สามารถยืนยืดอกได้โดยที่ไม่ต้องกลัวช่างกิตติมศักดิ์ท่านไหน แต่..เมิงลืมตัดเล็บค่ะ
อืม..ก็รอดแหละ แต่ด้วยความเป็นคนมือสั้น เนื้อเล็บมีอยู่นิดเดียว และคำว่าเล็บยาว ก็คือยาวออกมานิดนึง กระจึ๋งเดียว แต่ตอนตรวจเล็บคือกลัวมาก กลัวโดนตี กลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ อายเพื่อนอะ ร้องไห้ เพราะโดนครูตีตอนตรวจเล็บ แง้
อะ พอแล้วเนอะ เราเนี่ยหยุดเล่าเรื่องตัวเองได้แระ 555
เราในฐานะที่เป็นเด็กมาก่อน เราคิดว่า ถ้าตัวเราจะเฉยๆ จะไว้ผมทรงอะไรก็ได้ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใครที่มีทรงที่ตัวเองอยากไว้ ทรงนี้แหละ มั่นใจสุดแล้ว หรือว่า เฮ้ยยย พิแทยอนตัดผมทรงนี้น่ารักอะ ชั้นเนี่ยแหละพิแทคนถัดไป ก็ให้เขาไว้ไป ไม่เห็นจะเป็นอะไรเหมือนกัน ใครอยากไว้ทรงอะไรไว้ อยากตัดสั้นแค่ไหนตัด อยากไว้ยาวแค่ไหนยาว อยากทำสีอะไร ไฮไลท์ชมพู ทองทั้งหัว เทาครึ่งเดียว ซอยให้สุด แล้วหยุดที่ ง่ะ..รวบไม่ได้ว่ะ ทิ่มคอ ร้อนอะ ก็ทำ จะรองทรง หน้าม้า ดัด อันเดอร์คัต เอาที่น้องชอบเลย มันจะดีกว่ามั้ยที่เราปล่อยให้น้องๆ เขาได้ตามใจตัวเอง มีความสุขกับหน้าตา ทรงผม ตัวของเขาเอง แล้วพวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ ก็ไปใส่ใจส่งเสริมระบบการศึกษาที่จะทำให้พวกเขาได้เข้าถึง วิชา ความรู้ ที่พวกเขาสนใจ อยากเรียน อยากรู้ มีโอกาสได้มองเห็นโลกกว้างๆ ได้เห็นอะไรหลายๆ มุม ได้รู้จักอะไรหลายๆ อย่าง มันน่าจะดีกว่ารึเปล่านะ?
แด่..ผู้ใหญ่ทุกคนที่ล้วนเคยเป็นเด็กมาก่อน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in