ฉันยังจำวันที่สอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยได้
เมื่ออาจารย์ให้เล่าถึงหนังสือที่เคยอ่านให้ฟัง…
จำได้ว่าตอนนั้นพูดถึงหนังสือเรื่องใบไม้ที่หายไป (บทกวีที่รักและตราตรึงใจที่สุดเล่มหนึ่ง)
ของจีระนันท์ พิตรปรีชา ,ในเวลา ของชาติ กอบจิตติ และประชาธิปไตยบนเส้นขนาน
ของวินทร์ เลียววารินทร์.
ฉันรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้พูดถึงสิ่งที่ชอบ อีกทั้งอาจารย์ก็ยังคงรับฟังอย่างตั้งใจ
เมื่อฉันเล่าจบอาจารย์ก็ถามขึ้นว่า...
“คุณดูมีความสุขเวลาพูดถึงหนังสือนะ ไม่คิดอยากเป็นนักเขียนกับเขาบ้างหรอ”
ฉันไม่ได้ตอบอะไร ทำได้เพียงส่งยิ้มให้กับอาจารย์ : )
จนถึงวันนี้คำถามนั้นยังคงก้องอยู่ในหัวฉันตลอดเวลา...
ใช่...ที่ฉันชอบอ่านหนังสือแต่ฉันไม่เคยมีความคิดแบบนั้นเลย (หรืออาจเรียกได้ว่าไม่กล้ามากกว่า)
ฉันกลัวที่จะเขียน...
ฉันคิดมาตลอดว่าการที่คน ๆ นึงจะเป็นนักเขียนได้
เขาต้องมีประสบการณ์และความรู้มากพอในเรื่องที่ตนจะเขียน
ต้องอ่านหนังสือมาก ๆ และเป็นคนรอบรู้
เวลาเขียนงานออกมาจะได้สื่อสารให้กับผู้อื่นเข้าใจได้
เเต่ตัวฉันเองยังอ่านหนังสือไม่มากพอและยังไม่มีประสบการณ์อะไรมากมายที่จะนำมาเขียนได้เลย
จนเมื่อใครคนนึงบอกกับฉันว่า...
“ถ้าคุณอยากเป็นนักเขียนแต่ไม่ลงมือเขียนแล้วเมื่อไหร่จะได้เป็น”
ความคิดเรื่องการเขียนเวียนกลับมาหาฉันอีกครั้ง
ใช่...ฉันคิด
ถ้าไม่ลงมือเขียนแล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้เขียนกันนะ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in