เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#เรื่องเล่าเอวาเอฟeva_lynie
WEEK2: ให้ฉันดูแลเธอ
  •  WEEK2: ให้ฉันดูแลเธอ





    Thanks to @OngxNielweekly


    #องนีเอลวีคลี่


    - ให้ฉันดูแลเธอ - แหนม รณเดช


    ไม่ต่อจากตอนที่แล้วนะคะ ถือเป็นเรื่องใหม่เลย


    เวลคัมทูผัวเด็กเวิร์ดจ้าา





    .................................................................................................


    ผมชื่อดอน




    อายุ 25




    พึ่งเลิกกับแฟน



    ครับ




    ผมโดนทิ้ง









    - DAY 1
         ดอนก็เหมือนคนทั่วไปที่เวลาเลิกกับแฟน(โดนทิ้ง) ก็จะมีช่วงเวลาที่ทั้งสติแตก เสียใจ เริ่มอยากหนีออกจากโลกแห่งความเป็นจริงไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันแย่เหมือนกันนะการที่เราเอาแต่อยู่ในที่เดิม ๆ ที่มันเต็มไปด้วยความทรงจำเก่า ๆ แทนที่จะลืมเลยไม่ลืมเสียที



    เอาแค่ว่าจะเดินเข้าบ้าน เพียงเห็นประตูห้องก็พาหวนคิดถึงช่วงเวลานั้นแล้ว...



    ตอนที่จูบกันครั้งแรกหน้าประตู.....




    โคตรแย่เลยว่ะ





         คิดอะไรมากมายในหัวได้ไม่เท่าไหร่ รถโดยสารที่นั่งมาก็พาเขามาถึงที่พักแล้ว เขาก้าวลงจากรถก่อนจะมองไปรอบ ๆ บริเวณ ป่าไม้นี่มันสวยดีนะครับ แถมอากาศก็สดชื่นด้วย ยืนมองอยู่สักพักก็เดินไปทางที่พักด้านหน้า ที่พักที่ดอนจองไว้เป็นบ้านพักเล็ก ๆ อยู่บนภูเขา เห็นรูปในเว็บสวยดีเขาจึงตัดสินใจเลือกที่นี้ ซึ่งก็คิดถูกจริง ๆ สวยมากเลย




         ดอนเลือกจัดการตัวเองโดยการปลีกวิเวกออกมาหาที่สงบบนภูเขา อยู่ที่แปลกตาเผื่ออะไรมันจะดีขึ้น นี่เขาลงทุนลางานมาเป็นอาทิตย์เลยนะ หัวหน้าอย่างพี่จีถึงกลับรีบเซ็นอนุมัติแทบไม่ทัน ดอนเป็นคนขยันทำงาน แต่ดอนก็เหมือนน้องคนนึงของพี่จี ถ้าน้องเศร้าอยู่แบบนี้ก็อยากให้มันลางานไปพักใจนาน ๆ เหมือนกัน






    ภูเขามันจะสงบอยู่หรอก ถ้าไม่มี...








    "พี่ดอนถือกระเป๋าไหวเปล่า"








    "ได้อยู่ เดินนำไปเลย"










    ไอ่อินทัช










          อินทัชเป็นเด็กแถวบ้านที่ดอนไม่ชอบหน้าเสียเท่าไหร่ แต่ถึงจะไม่ชอบก็แสดงออกมากไม่ได้ เพราะแม่ของดอนกับอินทัชสนิทกัน ตั้งแต่ที่ไอ่อินทัชมันเกิด เขาก็โดนฝากฝังให้ดูแลน้องตลอด จะไปเล่นกับเพื่อนถ้าน้องมันอยากไปก็ต้องพาไปด้วย จะกินอะไรก็ต้องแบ่งน้อง อะไรก็น้อง ๆๆๆๆๆ น่ารำคาญที่สุด มันไม่ใช่น้องแท้ ๆ ด้วยซ้ำ ภาระ!!!



         ดอนน่ะ เบื่ออินทัชที่สุดแล้ว ทั้งแกล้งทั้งด่ามันสารพัด ผิดกับอินทัชที่ติดพี่ดอนเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวมันเป็นลูกคนเดียวหรือเปล่า ถึงอยากเล่นกับพี่ชายคนนี้มากมายเหลือเกิน






         ด้วยความเป็นคนติดพี่ของอินทัช การเห็นพี่ดอนเอาแต่ซึมเพราะเลิกกับแฟน(โดนทิ้ง)

    จึงทำให้คนน้องไม่ค่อยสบายใจเสียเท่าไหร่









    พี่ดอนเจ็บผมก็เจ็บเหมือนกัน - อินทัช 2018











         แต่ความเป็นห่วงในระดับขั้นสูงสุดของอินทัชดันทำให้ดอนรำคาญ คือเขาแค่อกหักไม่ได้เป็นง่อย ไม่ต้องคอยหาข้าวหาน้ำ หรือโทรเช็คทุกชั่วโมงขนาดนั้นก็ได้ ทริปนี้ก็ว่าจะแอบมาเงียบ ๆ แล้ว แต่ด้วยความสาระแนของเด็กมันที่มาเห็นเขาตอนจองห้องพักในเว็บพอดี มันก็เลยรีบเสนอหน้ามากับเขาทันที





    "พี่ดอนเดินได้แน่นะให้ผมช่วยมั้ย?"








    "กูบอกว่าได้ไง มึงเดินไปก่อนเลยก็ได้" เดินไปก่อนเลยก็ได้ที่แปลว่ามึงไปไกล ๆ กูอะ









    "สู้ ๆ นะพี่"









         เนี้ยยย ไอการให้กำลังใจโดยบอกให้สู้ทุกครั้งที่ได้คุยกันนี่ก็พาลให้มันน่ารำคาญยิ่งขึ้นไปอีก คือกูเลิกกับแฟน(โดนทิ้ง) ไม่ได้ใกล้ตาย















         เขาว่ากันว่า ไม่ว่าเราจะมีแผลกายหรือแผลใจ ธรรมชาติจะช่วยรักษาเราเอง ก็เหมือนจะจริงอยู่นะ
    เพราะเอาแค่ระหว่างทางบนรถ แค่เขาหันซ้ายขวาแล้วเห็นต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวก็รู้สึกผ่อนคลายแล้ว




         อันที่จริงผ่อนคลายแค่หันไปทางขวาอะ เพราะพอหันซ้ายแล้วเจอไอ่เด็กอินทัชนอนน้ำลายยืดอยู่ ทุเรศชิบหาย












    "มึงไปนอนห้องเล็กนะทัช ห้องใหญ่กูจอง"




         ถึงจะเป็นบ้านพักเล็ก ๆ แต่กลับมีห้องนอนอยู่2ห้อง แถมมีโซนครัวให้อีก
    โชคดีจริง ๆ หมายถึงโชคดีที่ไม่ต้องไปนอนกับมันน่ะ






    "พี่จะนอนคนเดียวได้อยู่หรอครับ?"







    "แล้วทำไมกูจะนอนคนเดียวไม่ได้"













    "ผมกลัวพี่เหงา"







    ในสายตาอินทัช ดอนอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือไง กูยังไม่ตายเว้ย









    "เสือก" อยากจะด่ามันมากกว่านี้แต่ก็เสียเวลา ดอนเลือกจะเดินเข้าห้องก่อนจะกระแทกปิดประตูเสียงดังใส่คนข้างนอก






    ปัง!







    "สู้ ๆ นะพี่!!!"




     

    ไม่วายจะตะโกนให้กำลังใจกูอีก












    - DAY 2


         เมื่อวานนั่งรถนานไปหน่อย พอถึงที่พักแทนที่จะได้ออกไปเดินชมธรรมชาติเลยกลายเป็นว่าเขาเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ที่จริงวันนี้ดอนก็ขี้เกียจนะ อยากจะนอนนิ่ง ๆ เหมือนเดิมแหละ






    "มาไกลขนาดนี้แล้วจะมัวแต่นอนได้ไง ไปเดินเล่นกันครับ" เป็นอินทัชเด็กเวรที่วอแวตั้งแต่เช้า จะให้เขาไปที่นั้นที่นี้ไม่หยุด




    "อีกหนึ่งชั่วโมงค่อยออกไป" ถ้าไม่ไปมันก็คงกวนไม่เลิก




    "พี่ดอน"




    "ไร"











    "สู้ๆ...นะพี่..."


    เออ!!!









         ลำบากกว่าที่คิดแหะ ทิ้งภาพเดินชมธรรมชาติสวย ๆ ไปได้เลย เขาทั้งต้องปีน ต้องกระโดด ไหนจะดินโคลนพวกนั้นอีก เลอะเทอะ รุงรัง เป็นพนักงานออฟฟิศก็ดีอยู่แล้วเชียว จะลางานมาลำบากทำไม






    "อีกนิดครับพี่ดอน"


    ไม่พูดเปล่าแถมเอื้อมมือมาเพื่อช่วยพยุงเขาอีก




    "ไม่ต้อง!!" สะบัดมือเด็กออกด้วยความหงุดหงิด เดินเองได้โว้ยย!!!








    โอ้ยยย!







         ไอหลุมเวร นายดอนเดินสะดุดหลุมจนล้มก้นไปกองกับพื้นจนได้




    "ผมบอกแล้วไงให้จับมือผมไว้" คนน้องพูดพร้อมเอื้อมมือมาให้คนพี่ใช้จับพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นยืน





    "ขอบคุณ" ตอบไปแบบหงุดหงิด โคตรจะเสียฟอร์ม









    "สู้ ๆ นะพี่"









         ไอ่เด็กอินทัชพูดทิ้งทายไว้ก่อนจะจูงมือเขาเดินต่อไป ดอนได้ยินประโยคนี้ทีไรตีนกระตุกทุกที

         

         เขาจ้องหน้ามันกะว่าถ้าเด็กมันหันมาจะด่าสักหน่อย แต่เด็กเหมือนไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ยังคงเดินลากเขามุ่งหน้าต่อไป











         มีป้ายข้างทางที่บอกเพื่อให้ทั้งสองรู้ว่าใกล้ถึงน้ำตกแล้ว อีกเพียงแค่นิดเดียว

    เพราะว่าอยู่ใกล้บริเวณน้ำตก จึงแอบได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา








    ก็ฮีลลิ่งดีเหมือนกัน











    “แถวนี้อุดมสมบูรณ์ดีเนาะพี่ ดอกไม้สวย ๆ ก็เต็มไปหมด พี่ดูดิ”







         อินทัชกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมชี้นิ้วไปทั่วบริเวณ ประหนึ่งกลัวว่าพี่ชายข้างบ้านของตนจะมองไม่เห็นสิ่งสวยงามเหล่านี้




    “ก็สวยดี”





         พอเขาตอบแล้วก็หันมายิ้มอยู่ได้ น่าถีบ!!!



    “รู้ไหมว่ามีดอกอะไรบ้าง?” เป็นดอนที่ถามออกไปเพื่อให้มันหยุดยิ้ม





    “ดอก..เอ่อ....ไม่รู้อะพี่”





    “โง่”





    “แล้วพี่รู้หรอ?”





    “รู้! แต่กูไม่อยากคุยกับมึง” พูดเสร็จดอนก็เดินนำออกไป ถามว่ารู้อย่างที่พูดไหม ก็บอกเลยว่าไม่ ไม่รู้หรอก







          เดินมาสักพักก็ถึงที่หมาย อินทัชวิ่งไปตรงบริเวณธารน้ำอย่างตื่นเต้น ต่างกับดอนที่หาโขดหินนั่งพักด้วยความเหนื่อยล้า






    อืม แก่แล้วครับ อายุน่ะไม่เท่าไหร่ แต่สภาพร่างกายผมจะ50แล้ว








    “พี่ดอนเล่นน้ำกัน” อินทัชที่อยู่ในน้ำอยู่แล้วกำลังชวนคนที่เอาแต่นั่งเหม่อบนโขดหิน




    “เอาเลย”



         จริง ๆ ก็ไม่ได้เหม่อเรื่องอื่นหรอก เขาก็มองเด็กมันนี่แหละ เพราะยังเด็กหรือเปล่านะถึงมีพลังงานมากมายขนาดนั้น ไม่เหนื่อยเลยหรือไงกัน






         จะว่าไป นี่ดอนก็ไม่ได้เศร้าเรื่องนั้นมาสักพักแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรืออะไร
    การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องวุ่นวาย เขาไม่ชอบเลย การที่เขาต้องเลิกกับคนรักที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย มันทำให้เขาต้องเปลี่ยนการดำรงชีวิตหลาย ๆ อย่าง ซึ่งมันน่าเบื่อ เป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับดอนมาก ๆ





         ดอนรู้สึกถึงละอองน้ำที่กระเด็นมาโดนแก้มของเขา พอหันไปทางต้นตอก็พบกับอินทัชที่กำลังใช้มือสาดน้ำเรียกร้องความสนใจอยู่





    “ทำเหี้ยอะไรของมึง?” ว่าแล้วก็หันไปดุมันสักหน่อย



    “พี่ดูเหม่อๆ ไม่อยากให้พี่คิดเยอะ”



    “กูยังไม่ทันได้คิดอะไรเลย” ที่จริงก็แอบคิดอยู่บ้าง




    “มีอะไรพี่บอกผมได้เสมอนะ”



    “...”









    “สู้ ๆ นะพี่”









    อีเด็กเวรรรรรรรร











         กะว่าจะไม่ให้ตัวเปียกแล้วแท้ ๆ แต่ไอเด็กนี้มันต้องโดนสักตุบสองตุบ ภาพที่เห็นตอนนี้คือผู้ชายสองคนกำลังวิ่งไล่กัน ไม่ใช่การวิ่งไล่จับสวย ๆ ตามชายทะเลแบบในละครด้วยนะ เพราะน้ำตกที่นี้มีความลึกถึงเข่า จึงควรใช้คำว่าตะเกียดตะกายมากกว่า

         ใครมาเห็นก็คงคิดว่าสองคนนี้เล่นกันน่ารักดี แต่ไม่ ดอนกำลังไล่จับอินทัชเพื่อเอามันมาตีจริง ๆ แล้วก็กระทืบ ๆๆๆๆๆ



    มันต้องโดนนน!!!!











         สุดท้ายก็กลับมาที่พัก สภาพของชายวัย25ที่เข่าเสื่อม กับเด็กอายุ18 แตกต่างกันอย่างชัดเจน
    ขากลับจากน้ำตก จากที่เอาแต่ไล่เด็กไม่ให้มายุ่งกับตัวเองมากนักก็กลายเป็นเกาะมันมาตลอดทาง เกาะชนิดที่ว่าแทบจะขี่หลังมันอยู่แล้ว ซึ่งตัวอินทัชเองก็เสนอให้ดอนขี่หลังด้วย แต่ไม่เอาด้วยหรอก มึงจะบ้าหรือไง!! คิดว่ากูตัวเล็ก ๆ หนัก40หรอ!!!!
















    -DAY 3


         เป็นวันแรกของทริปที่อินทัชได้รับอนุญาตให้เขามาในห้องของดอน หลังจากเมื่อวานที่เขายอมตกลงเดินทางบุกป่าไปน้ำตกกับเด็กโดยลืมดูสังขารของตัวเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำตกมีดีอะไร อินทัชจึงได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องของพี่ชายข้างบ้านคนนี้









    “อินทัช กูเจ็บ”






    “พี่อยู่นิ่งๆ”







    “อย่า..อย่าแรง”







    “ผมรู้ครับว่าต้องทำอะไร”







    “มึงบีบแรงไอสัส”







    “ไม่ลงแรงก็ไม่หายปวดนะพี่”











         และใช่ครับ ผมปวดตัว สืบเนื่องมาจากเมื่อวาน ตอนถึงที่พัก ดอนเริ่มมีอาการปวดเมื่อยเล็กน้อยแต่ไม่มาก ยังพอเดินเหินได้อยู่ แต่วันนี้พอตื่นขึ้นมาดันแทบลุกไม่ไหว รู้สึกหนักไปทั้งกาย มันปวดเมื่อยมากเหลือเกิน นี่หรอผลของการทรยศสังขารของตัวเอง







    คิดกันไปถึงไหนแล้วล่ะนั่น แหมมม











    “ทัชกูหิวว่ะ”


    “เดี๋ยวไปทำข้าวต้มมาให้”


    “ทำไมต้องข้าวต้ม กูปวดตัวไม่ได้ป่วยสักหน่อย”


    “งั้นพี่ดอนอยากกินอะไร”


    “อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าวต้ม ไม่เอาอาหารคนป่วย”


    “เดี๋ยวดูของในตู้เย็นก่อน” ห้องพักที่นี้เป็นแบบพร้อมอยู่สำหรับนักท่องเที่ยว ในตู้เย็นจึงมีของเพื่อไว้ทำอาหารอยู่บ้าง





        ข้าวต้มหรอวะ?! อินทัชยังคงเห็นเขาเป็นคนป่วยใกล้ตายไม่เลิก เด็กมันน่ารำคาญแค่ไหนก็ดูเอา —- ความคิดจากคนที่ตอนนี้ขยับตัวไม่ได้ ต้องนอนหลังติดเตียงตลอดเวลา














    “มึงอยากออกไปเที่ยวเล่นก็ไปได้นะทัช”

           ดอนบอกคนเด็กกว่า เพราะหลังจากมื้อเช้าจบลง (สุดท้ายก็กินข้าวต้ม) เจ้าอินทัชก็เอาแต่อยู่ในห้องเอาแต่พูดนู่นพูดนี่ไม่ยอมหยุด จะด่าก็ด่าไม่ได้ต้องเซฟพลังงานในการใช้ชีวิตเอาไว้ก่อน ว่าแล้วก็โคตรปวดหลังเลยว่ะ โอ้ยย







    “ไม่อะ ก็พี่ไปไหนไม่ได้”



    “งั้นวันนี้มึงก็เสียเปล่าไปหนึ่งวันเลยดิ”



    “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เอาแค่เมื่อวานผมกับพี่ก็เหมือนเดินกันทั้งเขาแล้วอะ”



    ก็ถูกของมัน



    “ไปอยู่ห้องตัวเองก็ได้นะทัช”



    “ไม่เป็นไรพี่ เผื่อพี่ต้องการอะไรไง” 





    กูตะโกนเรียกหรือส่งข้อความไปหาเอาก็ได้ไหม?!








    “เอางั้นก็ได้”






    เออ ทำไมยอมง่าย







    “พี่ดอน”






    “...”











    “สู้ ๆ นะครับ”







         มองหน้ามันแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ทำได้แค่มองหน้าเพราะขยับตัวมากไม่ได้ ต้องหยุดซ่าก่อน






         หมดวันที่3ไปแบบป่วย ๆ ถึงจะรำคาญเด็กอินทัชมากแค่ไหนก็ต้องยกเครดิตให้มันด้วย ยอมรับว่าวันนี้ถ้าไม่มีมันคงตายแน่ ๆ









    - DAY 4


    “จุดชมวิวหรอ?”



    “ครับ ไปกันพี่”


    “ไกลเปล่าวะ ถ้าต้องเดินลากขาเหมือนเดิมกูขอบายนะ”


    “อยู่ใกล้กว่าน้ำตกที่เราไปกัน”


    “งั้นโอเค”



         ยัง...ดอนยังคงไม่เจียมสังขารตัวเอง คนอย่างเขาคงเหมาะกับการนอนเฉย ๆ อยู่บ้านจริง ๆ นั้นแหละ แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว ลองไปหน่อยแล้วกัน





         ขอไม่บรรยายความทุลักทุเลระหว่างทางที่มานะ จำไว้ว่าอยู่ใกล้กว่าไม่ได้แปลว่าจะไม่ไกล ถ้าร่างกายของเขายังไม่ชินกับการเดินเยอะ ๆ พรุ่งนี้กูก็เตรียมตัวตายได้เลย




    “สวยจังว่ะ” แต่พอเห็นวิวข้างบนจุดชมวิวนี้แล้วก็รู้สึกคุ้มดีที่อุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงที่



    “ดีใจที่พี่ชอบ”



    “แล้วมึงชอบเปล่าทัช?”



    “ชอบดิ่ ชอบมาตลอดแหละ”



    “เคยมาด้วยหรอ?” อะไรของมัน เคยมาตอนไหนกัน



    “หมายถึงบรรยากาศธรรมชาติแบบนี้ ผมชอบ มองแล้วสบายใจดี มีความสุข”



    ก็จริงของเด็กมัน











         คิดถูกจริง ๆ ไอดอนเอ้ยย ที่เลือกจะหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงมาพักที่นี้ เป็นการรักษาแผลใจที่ดีเหลือเกิน โคตรฮีลลิ่ง


















    - DAY 5

    “วันนี้กูไม่ไปไหนนะ ถ้ามึงอยากจะไปก็ไปเลย”


         ตอนนี้ดอนกับอินทัชกำลังนั่งดูโทรทัศ์นอยู่ที่โซฟา ในป่าในเขาก็มีสัญญาณอยู่ไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกขนาดนั้น



    “พี่คิดว่าผมจะไปหรอถ้าพี่ไม่ไป”


    “ไม่ต้องทำตัวติดกูขนาดนั้นก็ได้”


    “ผมกลัวพี่เหงา”


    “มึงมันน่ารำคาญ”





         อ้าว! ชิบหาย ซึมอีก กูด่านิดเดียวเอง





    “กูหมายถึง แบบว่า มึงจะมีเมียไหมไอทัช มึงติดพี่มึงขนาดนี้ กูเป็นห่วงนะเนี่ย”



         อินทัชนั่งทำตาตก หูตก หางร่วง อยู่สักพักก็หันหน้ามาหาดอน “พี่จะเป็นเมียผมเปล่าล่ะ?”







    ตุบ!!






         นายอินทัชโดนนายดอนถีบจนตกโซฟา วันนี้เขาสบายดีไม่มีเมื่อยล้า เตะคนได้ ดูมันพูดสิ น่าขนลุก









    “วันนี้วันสุดท้ายที่จะอยู่ที่นี้แล้วนะ พรุ่งนี้กลับ”



    “อ้าว ทำไมมาแปปเดียวเองอะพี่”




    “ตั้งห้าวันเถอะ”




    “ไหนพี่ว่าพี่ลางานหนึ่งอาทิตย์ไง”




    “มึงจะอยู่ป่าเจ็ดวันเลยหรอ” กล่าวออกไปพร้อม ๆ กับมือที่เอื้อมไปจะตบหัวมัน แต่รอบนี้อินทัชหลบทัน เด็กมันสู้ว่ะ





    “อยากอยู่กับพี่อีก” ทำปากคว่ำทำไมเอ่ย คิดว่าตัวเองน่ารักมากไหม




    “ตอนเย็นแดกเบียร์กัน”



    “ผมพึ่ง18 พี่ชวนอะไรเนี่ย” ตอนนี้คนน้องทำหน้าเหมือนโดนคนพี่ล่อลวงบังคับให้มาดื่มน้ำเมา ไร้เดียงสามากไหมเอ่ย



    “ตอแหลค้าบบ อย่าคิดว่ากูไม่รู้” แหมม มึงใสมากหรออินทัช




    “ก็มีบ้าง นิด ๆ หน่อย ๆ พอเข้าสังคม”



    “สังคมมั่วสุมนะสิไม่ว่า”




    “พี่ก็พูดเกินไป”




    “ดูดี ๆ แล้วกัน รับผิดชอบตัวเองให้ได้”




         ถ้าดอนหันหน้ามาทางซ้ายสักนิด เขาจะเห็นเด็กคนนึงที่กำลังทำหน้าศรัทธาเลื่อมใสเขาอยู่





    พี่แม่ง โคตรเท่เลยว่ะ









         ถึงยามเย็นแล้ว เบียร์กระป๋องที่2ถูกยกขึ้นดื่ม ดอนไม่ใช่ประเภทดื่มจนดูแลตัวเองไม่ได้ ยิ่งมีเด็กอยู่ด้วยแบบนี้เขาไม่มีวันเรื้อนให้มันเห็นหรอกนะ ขายขี้หน้ามาก

    ดื่มให้พอมึน ๆ กรึ่ม ๆ ก็พอ







    “ถ้าคิดถึงเขากูผิดเปล่าวะ” ดอนถามคำถามเด็กที่นั่งอยู่ด้านข้าง ในขณะที่ตาจ้องไปด้านหน้า


    “คบกันมาตั้งนาน ไม่คิดถึงสิแปลก”


    “ไม่อยากคิดถึงเลย อยากลืม”


    “ไม่ลืมง่ายขนาดนั้นหรอกพี่ มีแต่จะชินกับมัน”


    “ปากดี เป็นใครมาสอนกู”


    อินทัชได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ มีเพียงยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มเท่านั้น ชินแล้ว นี่แหละพี่ดอนของเขา





    “กูพูดแรงอีกแล้วหรอ ขอโทษนะ”





    “เฮ้ยพี่ ผมไม่ได้คิดอะไรเลย” คนน้องอดที่จะยิ้มไม่ได้ เขาว่ากันว่าคนเมามักจะแสดงตัวตนของตัวเองออกมา นี่แหละตัวตนจริง ๆ ของพี่ดอน ปากร้ายแต่ใจดี ปากจะหมาแค่ไหนก็ห่วงความรู้สึกน้องเสมอ นี่ขนาดยังไม่เมาเท่าไหร่เลยนะ


    “ทำไมมึงไม่เกลียดกูวะทัช ถ้ากูเป็นมึงกูคงไม่อยากยุ่งกับไอเหี้ยนี่แล้ว ปากดี”



    “พี่น่ารักจะตาย”



    “กูนี่นะ เอาอะไรมาน่ารัก”







    พี่น่ะน่ารักที่สุดแล้วครับ



















    —————————----------------------------



         ย้อนกลับไปตอนเด็ก ๆ แถวบ้านเขาไม่มีคนอายุใกล้เคียงกันไว้เป็นเพื่อนเล่นเลย ถ้าอายุไล่เลี่ยกันสุดก็คงมีแต่ ‘พี่ดอน’ พี่ชายข้างบ้านคนนี้ที่ห่างกัน7ปี นี่คือใกล้กันสุดแล้วนะ



    “ไม่ให้!” เด็กชายวัย12ปี ตะโกนบอกเด็กชายวัย5ขวบที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ดอนหงุดหงิดเพราะคิดว่าน้องจะมาแย่งเล่นเพลย์สเตชั่นของตัวเองทั้งที่ความเป็นจริง น้องก็แค่อยากมานั่งกับพี่เท่านั้น



    “ไปเลยนะอินทัช พี่ไม่ให้เล่นหรอก”





         หวงของตามประสาเด็กนั้นแหละ














         อะไรก็น้อง น้องที่ไม่ใช่แม้แต่ญาติดันเป็นที่รักของแม่เขาขนาดนี้ ของเล่นของเขาแม่ก็เอาไปให้น้อง ถึงเขาจะไม่เล่นแล้วก็เถอะ แต่นั่นมันเป็นของเขา!

    “เอาของพี่คืนมานะ!” ดอนแย่งรถของเล่นในมือของอินทัชคืนมา ก็มันเป็นของเขาไง แล้วจะร้องไห้ทำไมกัน เพราะอินทัชร้องไห้เสียงดัง จนทั้งแม่ของเขาและน้องรีบวิ่งออกมาหน้าบ้าน พอแม่ของดอนเห็นตัวการที่ทำให้น้องร้องไห้ก็ฟาดคนพี่ไปแรง ๆ หนึ่งที





    “เป็นพี่ต้องรู้จักเสียสละให้น้อง”







         ดอนน่ะ ไม่ชอบอินทัชเลย













         แต่อินทัชชอบดอน ไม่ได้ชอบแบบลึกซึ้งอะไรแบบนั้น แต่ชอบแบบเด็กผู้ชายที่อยากเล่นกับรุ่นพี่ที่โตกว่า

         อินทัชไม่รู้หรอกนะว่าดอนรำคาญเขายังไง เพราะเขาก็แค่อยากเล่นด้วย

         อาจเป็นเพราะยังอายุน้อยอยู่ ไม่ว่าคนพี่จะดุจะด่าแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจ มีบ้างที่งอนแต่ก็แปปเดียวเท่านั้นแหละ ไม่ถึงชั่วโมงก็วิ่งมาหาพี่เหมือนเดิม







         เด็กน้อยนี่มันเด็กน้อยจริง ๆ









         พออินทัชอายุได้11ปี เขาเริ่มโตมากขึ้น เริ่มมีเพื่อนเยอะกว่าเดิม จึงทำให้ไม่ค่อยได้ยุ่งกับพี่ดอนที่ตอนนี้เป็นหนุ่มอายุ16เสียเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะไม่คุยกันเลยนะ พวกเขายังคุยกันบ้าง อินทัชก็ยังอยากเล่นกับพี่ดอนอยู่เหมือนเดิม ส่วนพี่ดอน ก็ยังปากร้ายใส่เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง





    “พี่ไม่ไปเตะบอลกับผมหรอ คนไม่ครบขาดแค่คนเดียวเอง น้าา”



    “กูไม่เล่นกับเด็ก”








         อินทัชในวัย11ปี ชีวิตกำลังดำเนินไปได้สวย แต่แม่ของอินทัชก็ดันมาป่วยเสียได้

         พ่อของอินทัชถึงกับต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลแม่ พวกเขามีกันแค่สามคน พ่อ แม่ ลูก อินทัชที่ยังอายุน้อยอยู่จึงช่วยอะไรไม่ได้มาก โชคดีที่คุณแม่ของดอนใจดีสละเวลามาดูแม่อินทัชให้บ่อย ๆ หน้าที่ในการดูแลอินทัชจึงกลายเป็นของดอน



         ดอนไม่ได้ปฎิเสธอะไร เขาเข้าใจสถานการณ์ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่เหมือนอินทัชจะไม่เข้าใจเสียเท่าไหร่ คนน้องรู้อยู่ว่าแม่ป่วย แต่คงไม่รู้ว่าหนักแค่ไหน



    “เดี๋ยวแม่ก็หาย ติดแผ่นเจลก็หายตัวร้อนแล้ว”







         ยอมเล่นกับน้องมันก่อนแล้วกัน









         1 ธันวาคม จะเป็นวันที่อินทัชจำไปตลอด เพราะเป็นวันที่แม่ของเขาเสียชีวิตลง ที่งานศพมีผู้คนมากมายแวะเวียนมาให้กำลังใจลูกชายอย่างเขา ส่วนคุณพ่อกับครอบครัวพี่ดอนก็ต่างวุ่นวายกับการจัดงาน

         แม้จะมีผู้คนมากมายคอยให้กำลังใจ แต่หัวสมองเขาก็ไม่ได้รับมันเข้ามาเลย

         อินทัชหนีออกจากในงานมานั่งกอดเข่าพิงเสาอยู่ด้านนอก เด็กน้อยก้มหน้าชิดหัวเข่าก่อนจะร้องไห้ออกมา เขาพยายามเก็บเสียงเอาไว้แต่ไม่วายมันยังคงเล็ดลอดออกมาได้อยู่ดี

         ในขณะที่สมองขาวโพลน กลับมีสัมผัสอุ่น ๆ เกิดขึ้นบนหัวเขา เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปก็พบกับพี่ดอนที่กำลังลูบหัวเขาอยู่ อินทัชไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปเขาทำเพียงแค่มองหน้าของพี่ชายเท่านั้น

         เช่นกัน ดอนก็ไม่พูดอะไรออกมา ลูบหัวน้องไปสักพักดอนก็ดึงอินทัชมากอด น้องซบไปที่อกของพี่ก่อนจะปล่อยน้ำตาและเสียงร้องที่พยายามกั้นไว้ออกมา

         ไม่มีคำพูดเพื่อปลอบใด ๆ จากคนพี่ มีเพียงการลูบหลังเบา ๆ และคอยหอมไปที่หัวของคนน้องเพื่อปลอบประโลมเท่านั้น

       





         เท่านั้น...ก็ดีมากแล้ว











         ตลอดทั้งวันพี่คอยจับมือน้องไม่เคยห่าง ไม่ใช่แค่เพียงวันนี้แต่ในงานศพอีก2วันด้วย สิ่งที่พี่ทำไม่ใช่การพูดจาคมคายเพื่อปลอบน้อง แต่เป็นการกระทำที่ทำให้น้องรู้สึกได้จริง ๆ ว่าพี่จะไม่ห่างเขาไปไหน
    คนที่เอาแต่ด่า เอาแต่แกล้งเขา กลับกลายเป็นคนที่กอดเขาไม่ยอมปล่อยในวันที่เขาเสียใจที่สุด












         วันนี้เป็นวันเผาแล้ว แต่อินทัชยังทำใจไม่ได้ แค่คิดว่าแม่จะต้องจากไปจริง ๆ สมองเขาก็ต่อต้านความจริงนี้ทันที อินทัชหนีไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ในวัด เป็นอีกหนึ่งครั้งที่เขาเอาแต่ก้มหน้านั่งกอดเข่าร้องไห้

         และก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่พี่ดอนหาเขาเจอ พี่ดอนทำเหมือนเดิมก็คือคอยกอดน้องเอาไว้









    “พ..พะ..พี่ดอน” อินทัชเสียงสั่นเอาหน้าซุกอกพี่ เขาร้องไห้ออกมาหนักกว่าเก่า











    “อินทัช”











    “...”













    “สู้ ๆ นะ”













         ถ้อยคำให้กำลังใจง่าย ๆ ของพี่ คนอื่นฟังแล้วอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่มันอิมแพคกับอินทัชมาก ดอนอาจพูดแค่นี้เพราะไม่รู้จะปลอบคนตัวเล็กยังไง แต่สำหรับน้องแล้ว การที่พี่บอกให้เขาสู้เขาก็จะสู้จนสุดใจ เขาจะเข้มแข็งและเป็นคนเท่ ๆ แบบพี่ดอนให้ได้











         สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนชมอินทัชว่าเก่งมากที่ทำได้ เขายืนมองควันไฟที่กำลังลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่ฟูมฟายเลยสักนิด มีเพียงน้ำตาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขอบคุณพ่อของอินทัชที่คอยลูบหัวลูกชายตัวเองไม่ยอมห่าง















         แล้วก็ขอบคุณพี่ดอนด้วยที่จับมือของน้องอินทัชไม่ยอมปล่อย









    ——————---------------------------

















    “มองทำไมทัช สรุปยังไง เท่ ๆ อย่างกูนี่นะจะน่ารัก”



    “ก็เท่ด้วย น่ารักด้วยไง ไม่ดีหรอ”



    “ก็ดี”





    โคตรน่ารัก













    “ที่จริงเลิกกับเขาก็ดีเหมือนกัน” เบียร์กระป๋องที่สามถูกเปิดขึ้น


    “ถ้าดีแล้วร้องไห้ทำ ทะ.....”


         ยังไม่ทันพูดจบอินทัชก็โดนกระป๋องเบียร์เปล่าปาเข้าใส่เสียก่อน


    “น้อย ๆ หน่อยมึง”


         ก็คงมีแค่อินทัชนี่แหละที่โดนพี่ทำแบบนี้แล้วยังยิ้มได้


    “ยื้อไปก็เท่านั้น พยายามกันมาเป็นปีแล้ว เหนื่อยทั้งเขาทั้งกู”


         พูดเสร็จดอนก็กระดกเบียร์เข้าปาก ไม่มีใครพูดอะไรออกมาประมาณ1นาทีได้
    อินทัชจึงตัดสินใจทำลายความเงียบนี้







    “พี่ดอน”









    “....”









    “สู้ ๆ นะครับ”







    มันน่าตีให้ตาย










    “มึงไม่ต้องบอกให้กูสู้ก็ได้ทัช กูไม่ได้ท้อแท้ขนาดนั้น”


    “ผมแค่อยากให้กำลังใจ”


    “ช่างเถอะ”


         ดอนเลือกจะตัดบทสนทนา และเปิดเบียร์กระป๋องที่4

         เขาดื่มไป4กระป๋องแล้ว แต่กระป๋องแรกของน้องยังไม่หมดเลย ถ้าใครมันจะเดินเซก่อนก็คงเป็นคนพี่นี่แหละ








    “แล้วมึงมีแฟนไหมทัช?” ดอนเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน



    “ไม่มีครับ”



    “แล้วเคยมีไหม?”



    “ผมไม่เคยมีใครเลยพี่”





        เป็นไปได้ไง ดอนทำหน้าสงสัย





    “เป็นไปได้ไง มึงก็ออกจะหน้าตาดี”




         ไม่พูดเปล่า ดอนขยับตัวเข้ามาใกล้อินทัช แถมเอื้อมมือด้านที่ไม่ได้ถือเบียร์ไปสำรวจใบหน้าของน้อง



    ยิ่งมองยิ่งหล่อแหะ โตขนาดนี้แล้วหรอ







         ดอนยังคงวุ่นอยู่กับการสำรวจใบหน้าของอินทัช คนพี่ไม่ได้สังเกตเลยสินะว่าตอนนี้คนน้องกำลังมองเข้าไปที่นัยน์ตาของพี่อยู่




    อันตรายมาก ใกล้เกินไปแล้ว





       ไม่รู้เพราะเบียร์4กระป๋องหรืออะไรที่ทำให้ดอนเอาแต่ลูบหน้าของอินทัชแถมยังมองไม่ยอมหยุดอยู่แบบนี้





    มึงหน้าตาดีจริง ๆ นะเนี่ย ไอเด็ก





         คนพี่สงสัยอะไรกับใบหน้าของน้องนักหนาไม่รู้ถึงเลื่อนหน้าตัวเองเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แบบนี้













    ใกล้อีก











    ใกล้มากขึ้น










    ใกล้มากขึ้นอีก









    บอกแล้วไงว่าอันตราย















    อินทัชกำลังจูบดอน!!!














         ต้องโทษเบียร์4กระป๋องที่ทำให้ดอนไม่ยอมผลักเด็กคนนี้ออก แถมยังเคลิ้มไปกับรสสัมผัสนี้อีก
    อินทัชประคองหน้าของดอนไว้ก่อนจะรั้งหน้าของคนพี่ให้ใกล้ชิดเข้ามาอีก











    มันดีมาก










    เพราะ4กระป๋องแน่ๆ











    เดี๋ยว! นี่เขาจูบกับน้องอยู่หรอ!!










         เมื่อคิดได้อย่างนั้นดอนก็รีบผละตัวออกทันที เขามองหน้าน้องด้วยสีหน้าตกใจ ต่างกับน้องที่มองเขาแบบ...

    น้องมองเขาแบบไหนกัน...

    สายตาแบบนี้มันหมายความว่ายังไง....

    ดอนไม่เข้าใจ....





         น้องยังคงไม่ละสายตาไปจากเขา ดอนทำตัวไม่ถูกจึงรีบวิ่งหนีเข้าห้องตัวเอง ปล่อยให้อินทัชนั่งอยู่ที่เดิม

         ตอนที่ดอนกำลังจะปิดประตูห้อง เขาถามน้องในขณะที่ตัวเองหันหลังให้ประตู







    “มึงทำแบบนี้ทำไม?”

         ใครเริ่มวะ มันนั้นแหละ มันเป็นคนรั้งเขาเข้าไปก่อน







    “...” อินทัชเงียบและไม่ยอมหันมา





    “มึงคิดอะไรกับกูหรอวะ คงไม่ใช่หรอกนะ” ดอนถามออกไป แต่ยังคงหันหลังให้ประตูอยู่





    “เปล่าครับ...ไม่ได้คิดอะไร”







    ใครจะกล้าบอกล่ะ ว่าชอบ











         ไม่รู้ว่าตอนนี้อินทัชกำลังทำอะไร แต่ตอนนี้ดอนกำลังนอนก่ายหน้าผากอยู่






    “เปล่าครับ...ไม่ได้คิดอะไร”

    “เปล่าครับ...ไม่ได้คิดอะไร”






         คำพูดนี้วนเวียนในหัวเขามาสักพักแล้ว ดอนไม่ควรจะมาคิดมากกับอะไรแบบนี้เลย แต่มันก็อดไม่ได้ ทำไมกันนะ น้องที่เขารู้จักมาทั้งชีวิตทำไมถึงทำแบบนี้ โคตรเกินพี่เกินน้อง แล้วต่อไปจะมองหน้ากันยังไง



    “โอ้ยย ไอเด็กเหี้ย” รุมทิ้งผมตัวเองด้วยความรุนแรง กลัวเหลือเกินว่าผมจะร่วงออกมาหมด





         ไม่ไหวแล้ว เขาต้องคุยกับมัน หลบไปยังไงก็ต้องเจอกันอยู่ดี





         ว่าแล้วดอนก็ลุกจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู แง้ม ๆ ดูแล้วข้างนอกไม่มีอินทัช คิดว่าน้องคงเข้าห้องตัวเองไปแล้วแน่ ๆ











    เคาะไม่เคาะ



         อยู่หน้าประตูอินทัชแล้วแท้ ๆ แต่กลับมือสั่น ไม่ชอบเลยแบบนี้ เหมือนไม่ใช่ตัวดอนเลย





    เคาะก็เคาะว่ะ!







    ก๊อกๆ





         ซวยแล้วกู ถอยหลังไม่ได้แล้วใช่ไหมแบบนี้


         รอไม่ถึงนาทีอินทัชก็เปิดประตูออกมา คนน้องตกใจนิดนึงตอนเห็นคนที่อยู่หน้าประตู

         น้องจะรู้ไหมว่าเขากำลังสั่น เหงื่อออกไปทั่วตัวแล้ว ก่อนมาคิดเอาไว้ว่าจะพูดอะไรตอนนี้ดันลืมเสียหมด







    “พี่ดอน..”




         อินทัชยังไม่ทันได้พูดอะไรมากมาย ดอนก็วิ่งไปเอาแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าทีวี ก่อนจะสาดไปที่หน้าของอินทัชเต็ม ๆ





         ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องสาดน้ำ เออทำไมวะ งงตัวเองเหมือนกัน







    “มึงแม่ง..” ดอนกัดฟันพูดทั้งน้ำตา อายก็อาย เมียทิ้งกูยังไม่ร้องไห้น่าอายเท่านี้เลย





    “...” อินทัชนิ่ง แต่คอยมองการกระทำคนพี่อยู่ตลอดเวลา





    “คือ..กู..”






    “...”






    “คือกูก็ไม่ได้หวังให้มึงมาชอบกูหรอกนะ” พูดทั้งน้ำตาแบบนี้อายเด็กมันไหม





    “...”





    “แต่การที่มึงทำแบบนี้ แล้วมึงไม่ได้คิดอะไรกับกู แสดงว่ามึงมันก็แค่เด็กเหี้ย หื่น ๆ ชอบฉวยโอกาสดิ”





    “...”





    “แม่ง..อย่างน้อยถ้ามึงชอบกูมันยังฟังดูมีเหตุผลว่ามึงจูบกูทำมะะ....”





         ยังไม่ทันจบประโยคอินทัชก็ดึงดอนที่กำลังร้องไห้อยู่เข้าไปกอด









    “ผมชอบพี่ ผมจูบพี่เพราะผมชอบพี่”



    ชะงักไปนิดนึงแต่จะให้เชื่อหรอ





    “มึงไม่ต้องมาพูดหรอกไอสัส มึงมันก็แค่แก้ตัว กูเสียใจนะ มึงเป็นน้องที่กูไว้ใจ”

         อินทัชกระชับกอดแน่นขึ้น

    “ผมชอบพี่จริง ๆ ชอบมาตั้งนานแล้ว ที่ผมไม่ยอมพูดอะไรก็เพราะว่าพี่เป็นพี่ไง ผมไม่อยากเสียพี่ไป”



         ดอนกอดอินทัชแน่น อาจเพราะอารมณ์อ่อนไหวจากการเลิกกับแฟน หรืออาจเพราะเบียร์4กระป๋องก็ไม่รู้ เขาถึงอยากกอดคนตรงหน้าแน่น ๆ แล้วร้องไห้ออกมาให้สุดเสียง

         ทั้งน้องและเขาตัวเท่า ๆ กันแท้ ๆ เขาสูงกว่าเด็กมัน1เซนด้วยซ้ำ แต่ทำไมกูดูตัวเล็กตัวน้อยจังวะ นี่กูซบอกมันอยู่หรอ







    “มึงไม่ได้ชอบกูหรอก มึงก็แค่เหงา อยู่ในป่าแล้วเจอแต่กูอะดิ” พูดไปร้องไห้ไป อะไรขอวกูวะเนี่ยดอน





    “ไม่ครับ ผมชอบพี่มาตั้งนานแล้ว พี่ที่จะด่าผมยังไงก็คอยปกป้องผมตลอดเวลา ตอนแรกผมก็นึกว่าผมชอบพี่แบบที่น้องคนนึงจะชอบได้”






    “...”







    “แต่มันไม่ใช่ ยิ่งโตผมยิ่งรู้ว่าไม่ใช่ สำหรับผม ความรู้สึกที่มีให้พี่มันเกินพี่เกินน้องมานานแล้ว”





         ทั้งคู่กระชับกอดกันแน่นยิ่งขึ้น ไม่มีใครพูดอะไร อันที่จริงก็ไม่ต้องพูดก็ได้ กอดกันนาน ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน





         ดอนพึ่งสังเกตว่าเสื้อสีขาวของน้องมันเปียกเพราะโดนเขาสาดน้ำใส่ เปียกจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว





    ทำไมเซกซี่วะ







         ดอนมองแผงอกของน้องอย่างลืมตัว







         มึงออกกำลังกายใช่มั้ยเนี่ย ซ่อนรูปอยู่นะ ไม่คิดเฉย ๆ แต่เอามือขึ้นไปลูบด้วย ดอนทำแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่หน้าตัวเองยังซบอยู่ที่อกน้องนี่นะ!








    อันตราย!!




         คนพี่ก็คงจะไม่รู้ตัวจริง ๆ นั้นแหละว่าตัวเองกำลังทำอะไร พี่ไม่เห็นเลยสินะว่าน้องมันกำลังยิ้มเพราะกลั้นขำพี่อยู่






         เดี๋ยว ๆ กูลูบอกมันอยู่หรอ?











         กว่าจะรู้ตัว กว่าจะผละตัวเองออกมาได้ คนน้องเลยจะตายก่อน





    “มึงยิ้มอะไรนักหนาวะ” กูเลิ่กลั่กไปหมดแล้วจ้าา



    “ก็พี่น่ารัก”



    “ไปเปลี่ยนชุดไป เสื้อเปียกอะ”



    “อยากให้เปลี่ยนหรอ ผมนึกว่าพี่ชอบ”



    ดอนกำลังมองหน้าไอเด็กแบบที่ถ้าดวงตาสามารถพูดได้มันคงพูดว่า มึงจะเอายังไง





    “แล้วมึงจะเอายังไงต่อ”



    “พี่หมายถึงอะไร?”



    “ก็เรื่องนี้”



    งง



    “พี่หมายถึงเรื่องไหน?”



    งงอีก



    “ไหนบอกว่าชอบกูไง จีบกูยังมาจูบกูอะ”





    โคตรน่ารัก อินทัชหุบยิ้มไม่ได้แล้ว พี่ดอนคงไม่เห็นสินะ เพราะพี่เอาแต่ก้มหน้าอยู่แบบนั้น







    “งั้นต่อไปผมจะจีบพี่นะ พี่ก็เตรียมตัวด้วยแล้วกัน”





    “...” บ้า เด็กบ้า





    “พี่ก็อย่าเขินผมน้า สู้ ๆ นะครับ”









    เด็กเวรรรรร สู้อะไร สู้ทำไม สู้กับใครเอ่ย?????? สักตุบสองตุบดีไหม
















    ค่ำคืนของวันที่5จบลงไปแล้ว พรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็หวังว่าจะเป็นวันที่ดีนะ




















    ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม?

    ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ

    ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน

    จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย

    จะดูแลอย่างดี
    .
    .
    .
    ........................................................................................................................

    เรื่องนี้ยาวที่สุดในชีวิตเราแล้วค่ะ
    ขอบคุณ #องนีเอลวีคลี่ อีกครั้ง
    ฝากแท๊ก #เรื่องเล่าเอวาเอฟ
    30.07.18


















เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in